ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 166 สัญญา

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 166 สัญญา

ลั่วเซิงไม่ได้หลบ

นางหลบได้ แต่การหลบเลี่ยงอย่างร้อนรนดูขาดความมั่นใจ

นางอยากจะดูว่าชายคนนี้คิดจะทำอะไร

มือที่เรียวยาวข้างนั้นหยุดตรงหน้า ปิดส่วนที่อยู่ใต้ตาลงมา

มือของเขาห่างจากใบหน้านางเพียงหนึ่งชุ่น นางกลับรู้สึกถึงความร้อนจากฝ่ามือของอีกฝ่าย

มันคืออุณหภูมิร่างกายของเขา

เว่ยหันเอ่ยปาก “คืนนั้น ข้าเห็นดวงตาคู่นี้”

ความมั่นใจและความสงบเช่นนี้ ทำให้ลั่วเซิงโมโหเล็กน้อย

นางเบือนหน้า พูดเสียงราบเรียบว่า “ในเมื่อเป็นตอนกลางคืน แสงย่อมไม่ดีนัก อีกอย่างดวงตาเพียงคู่เดียวมีอะไรพิเศษหรือ ท่านอ๋องแน่ใจหรือเจ้าคะว่าไม่ได้จำผิด”

เว่ยหานหรี่ตาคู่นั้นแล้วพูดว่า “ไม่ผิดแน่นอน เพราะว่าดวงตาของคุณหนูลั่วพิเศษมาก”

“พิเศษตรงไหน” ลั่วเซิงถามเยือกเย็น

“ดูดีเป็นพิเศษ”

ลั่วเซิงชะงักเล็กน้อย

หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายน้ำเสียงจริงจังมาก นางคงคิดว่าเขากำลังเกี้ยวพานนาง… ไม่สิ เกี้ยวพานคุณหนูลั่วต่างหาก

ดวงตาที่สวยงามคู่นี้เป็นของคุณหนูลั่ว ไม่ใช่ของนาง

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความรู้สึกแปลกๆ ในใจของลั่วเซิงที่บางกว่าเส้นผมก็มลายหายไป เหลือเพียงความเยือกเย็น

ส่วนเว่ยหานก็พูดต่อไปว่า “ดวงตาที่ราวกับเต็มไปด้วยแสงดาว สว่างสุกใสทั้งยังสงบ ทำให้ผู้คนยากที่จะลืม…”

“พอแล้ว…” ลั่วเซิงขัดจังหวะเว่ยหาน พูดด้วยน้ำเสียงเจือความประชดประชัน “หากท่านอ๋องพูดต่อไป ข้าอาจจะเข้าใจผิดได้”

เว่ยหานพูดจริงจังว่า “คุณหนูลั่วอย่าเข้าใจผิด ข้าแค่พูดตามที่เห็น”

เขามองนาง พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจอีกครั้งว่า “คืนนั้นคนที่ข้าเห็นก็คือคุณหนูลั่ว”

ลั่วเซิงตกอยู่ในความเงียบนานแสนนาน

แน่นอนว่านางสามารถปฏิเสธต่อไปได้ แต่ในเมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว การปฏิเสธต่อไปมีแต่จะด้อยค่าตนเอง

ไคหยางอ๋องสัญญาว่าจะไม่เปิดโปงว่านางคือผู้ร้ายที่ลอบสังหารผิงหนานอ๋อง ให้พูดจริงๆ แล้วนางติดหนี้บุญคุณไคหยางอ๋อง

ไคหยางอ๋องไม่ได้เป็นอะไรกับนาง การช่วยเหลือนางไม่ใช่เรื่องที่สมเหตุสมผล

เมื่อครุ่นคิดครู่หนึ่ง ลั่วเซิงก็เอ่ยปาก “ท่านอ๋องยังจำสิ่งที่ข้าพูดตอนที่ตกลงว่าจะให้เลือดต้าไป๋ได้หรือไม่”

“จำได้ คุณหนูลั่วบอกว่าให้ข้าช่วยคุณหนูเรื่องหนึ่งในอนาคต”

ลั่วเซิงยิ้ม “ตอนนี้ข้านึกออกแล้วว่าจะให้ท่านอ๋องช่วยทำอะไร”

“คุณหนูลั่วโปรดพูด” เว่ยหานใบหน้าสงบ ในใจระแวดระวัง

ต่อหน้าหญิงสาวพิลึกคนเช่นนี้ เขาต้องเตรียมพร้อมที่จะถูกหลอก

“ท่านโปรดอ๋องเลิกสงสัยและเก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้เป็นความลับ” ลั่วเซิงมองเว่ยหาน พูดขึ้นทีละพยางค์

แลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรม ไม่กลั่นแกล้งกัน แบบนี้ดีแล้ว

นางมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะตกลง แต่ใครจะไปรู้ว่าชายที่นั่งตรงข้ามกลับส่ายศีรษะ

เขาพูดว่า “ข้าไม่ตกลง”

ลั่วเซิงหรี่ตา อดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่านไว้

ทั้งๆ ที่เขาได้เปรียบแท้ๆ ยังไม่ยอมตกลงอีก

ชายคนนี้ควบคุมความอยากรู้อยากเห็นของตนเองให้มีเหตุมีผลหน่อยได้หรือไม่

เว่ยหานมองลั่วเซิงนิ่ง

เหมือนกับว่าคุณหนูลั่วจะโมโหแล้ว

ลั่วเซิงยกจอกชาขึ้นมาดื่มชาคำหนึ่ง ข่มอารมณ์โมโห “ท่านอ๋องไม่คิดว่าแบบนี้คุ้มค่าดีแล้วหรือ”

เว่ยหานยิ้ม “คุ้มสำหรับข้า แต่ไม่คุ้มสำหรับคุณหนูลั่ว นี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม และข้าก็ไม่ใช่คนนิสัยชอบเอาเปรียบสตรี”

“ท่านอ๋องคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ” ลั่วเซิงจับดอกไม้ประดับมุกบริเวณผมแล้วมองเขาอย่างเย็นชา

ไม่มีนิสัยชอบเอาเปรียบผู้หญิงหรือ

แล้วดอกไม้ประดับมุกที่วันนั้นนางวางทิ้งไว้บนโต๊ะหายไปไหนแล้ว

เมื่อเห็นลั่วเซิงยกมือขึ้นจับดอกไม้ประดับมุก เว่ยหานก็หลบตาอย่างร้อนตัว

พูดความจริง การหยิบดอกไม้ประดับมุกของคุณหนูลั่วไปในวันนั้นเขาเองก็คิดไม่ออกว่าตนเองทำไปเพราะอะไร คิดว่าต้องเป็นการกระทำโดยไม่รู้ตัวเหมือนถูกภูตผีดลใจแน่ๆ

จะให้ยอมรับน่ะไม่มีทางแน่นอน

เว่ยหานใบหน้าเคร่งขรึม พูดว่า “เงื่อนไขของต้าไป๋นั้นยังคงเดิม หากคุณหนูลั่วต้องการให้ข้าเลิกสงสัย ขอแลกด้วยอีกอย่างหนึ่งได้”

“แลกด้วยอะไรเจ้าคะ”

“อาหารอภินันทนาการ”

ลั่วเซิงชะงัก “อาหารอภินันทนาการ?”

เว่ยหานอมยิ้มมองนาง “คุณหนูลั่วคิดว่าแบบนี้ได้หรือไม่”

“ได้” ลั่วเซิงตกลงอย่างไม่ลังเล

ใช้อาหารเรียกน้ำย่อยเพียงไม่กี่จานปิดปากไคหยางอ๋อง แน่นอนว่าได้

เกรงว่าอีกฝ่ายจะนึกเสียใจและกลับคำ ลั่วเซิงถามยืนยันอีกครั้งว่า “ท่านอ๋องคิดดีแล้วหรือ”

เว่ยหานพยักหน้า

จะว่าไปแล้วเขาต่างหากที่ได้เปรียบ ถึงแม้จะไม่มีการแลกเปลี่ยนอะไร เขาก็ไม่ได้คิดจะพูดออกไปอยู่แล้ว

“เช่นนั้นก็ตามนี้เจ้าค่ะ” ลั่วเซิงยื่นมือออกมา

สายตาของเว่ยหานหยุดอยู่ที่มือขาวเนียนข้างนั้นก่อนที่เขาจะยื่นมือออกมาแปะมือกับนาง

ลั่วเซิงโล่งอก ยกจอกชาขึ้นมา

เว่ยหานลุกขึ้นอย่างรู้งาน “รบกวนคุณหนูลั่วนานแล้ว ข้าควรกลับแล้ว”

ลั่วเซิงลุกขึ้นไปส่ง ถือโอกาสถามว่า “ท่านอ๋องอยากไปดูต้าไป๋อีกหรือไม่”

“ก็ดี”

ลั่วเซิงหยุดหายใจ

วันนี้ไคหยางอ๋องเอายางอายมาด้วยหรือไม่นะ

เมื่อสงบอารมณ์ลงแล้ว ลั่วเซิงก็ฉีกยิ้มให้เป็นพิธี “ข้าเพิ่งนึกได้ว่าเวลานี้ต้าไป๋นอนแล้ว”

เว่ยหานมองหญิงสาวตรงหน้า ดวงตาแฝงรอยยิ้ม “อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้าค่อยมาดูวันอื่น”

“โค่วเอ๋อร์ช่วยข้าส่งแขก ท่านอ๋องเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ” ลั่วเซิงยืนบนบันไดด้านนอกประตู พูดเสียงราบเรียบ

เว่ยหานยิ้ม “พบกันตอนค่ำ”

ในที่สุดลั่วเซิงก็อดกลอกตาไม่ได้

เว่ยหานหน้าไม่เปลี่ยนสี เดินจ้ำอ้าวออกไป

“คุณหนู เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าไคหยางอ๋องร่าเริงสดใสมากเลยเล่าเจ้าคะ” หงโต้วเดินเข้ามา มองแผ่นหลังของชายที่จากไปแล้วเอ่ยด้วยความสงสัย

“คงเป็นเพราะจะมีอาหารอภินันทนาการให้กินแล้วกระมัง” ลั่วเซิงพูดอย่างสงบแล้วก็หันหลังกลับห้องไป

เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาเปิดหอสุราแล้ว

เมื่อเทียบกับความเงียบสงบเมื่อคืนนี้ วันนี้มีแขกมานั่งดื่มสองสามโต๊ะ

ลั่วเซิงมองไปที่โต๊ะประจำของเว่ยหาน ที่นั้นยังว่างอยู่

นี่น่าแปลกมาก มีอาหารอภินันทการแล้วกลับมาสาย

แต่ความคิดนี้ก็แวบขึ้นมาเพียงครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็เดินออกจากห้องโถงไปยังสวนด้านหลัง

ชายมีหนวดเพิ่งรับเสี่ยวชีกลับมา

เสี่ยวชีกำลังทานแป้งทอดต้นหอม

แป้งทอดสีเหลืองทองถูกหั่นเป็นชิ้นๆ โรยด้วยต้นหอม ทาเกลือบางๆ อาซิ่วตั้งใจทำให้เสี่ยวชีทานรองท้องโดยเฉพาะ

เด็กหนุ่มในวัยนี้ทนหิวไม่ได้

เสี่ยวชีสามารถยัดแป้งทอดต้นหอมเข้าปากจนหมดในคำเดียวแล้วกลืนลงไปอย่างตะกละตะกลาม

ชายมีหนวดแอบกลืนน้ำลาย ถามว่า “เสี่ยวชี แป้งทอดต้นหอมอร่อยหรือไม่”

“อร่อย” เสี่ยวชีกลืนแป้งทอดในปากเสร็จแล้วจึงมีเวลาตอบ

ชายมีหนวดโมโหจนอยากจะตบเสี่ยวชีสักที

เจ้าเด็กนี่ อร่อยก็แบ่งให้ข้าชิมสักชิ้นสิ!

แต่เขาก็ไม่กล้าตี เพราะเสี่ยวชีเป็นหลานของท่านอา

ต่างจากเขาและพี่ใหญ่ลู่ที่ถูกแถมมา

แป้งทอดต้นหอมกลิ่นหอมจานหนึ่งยื่นมาตรงหน้าชายมีหนวด

ชายมีหนวดชะงักไป

ซิ่วเย่ว์ยิ้มบาง “เจ้าและลู่หู่ทานรองท้องก่อนเถอะ”

“ขอบคุณท่านอา” ชายมีหนวดถือจานตาเป็นประกาย ตะโกนเรียก “พี่ใหญ่ลู่ ท่านอาเรียกท่านมากินแป้งทอดต้นหอม…”

ชายร่างกำยำที่กำลังตัดฟืนโยนขวานทิ้งแล้วรีบวิ่งไปทันที

ลั่วเซิงมองทั้งสองแย่งกินแป้งทอดต้นหอมก็ยิ้มถามเสี่ยวชีว่า “เสี่ยวชี กินเสร็จแล้วหรือ”

เสี่ยวชีก้มหน้ามองต้นหอมที่ร่วงบนจาน พยักหน้า “กินเสร็จแล้วขอรับ”

“เจ้าตามข้ามา” ลั่วเซิงพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในห้อง

เสี่ยวชีมองชายมีหนวดโดยสัญชาติญาณ

พี่ใหญ่ที่ซื่อตรง เชื่อถือได้และมีความสามารถที่สุดในดวงใจของเด็กหนุ่มกำลังทะเลาะกับพี่ใหญ่ลู่เพราะแย่งแป้งทอดต้นหอม

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท