ตอนที่ 330 ป่วยติดเตียง
องค์หญิงเฉิงหยางลงมือจัดการคนในตำหนักเว่ยยางด้วยตนเอง
นางออกเรือนจากในวังหลวงไปยังตระกูลจ้ง คนเก่าแก่ส่วนใหญ่ในวัง นางต่างรู้จัก
ถึงแม้จะไม่รู้จัก แต่ก็เคยได้ยินชื่อ
ผู้ใดดีหรือไม่ นางรู้อยู่แก่ใจ
นางกำจัดสี่ห้าสิบคนทิ้งในคราวเดียว
ก่อนจะเลือกขุนนางฝ่ายในและนางในจากสำนักเส้าฝู่มาชดเชยตำหนักเว่ยยาง รับรองว่าบุตรสาวจะไม่ถูกคนเอาเปรียบ
พระพันปีเถาไม่พอใจ
มือขององค์หญิงเฉิงหยางยื่นยาวเข้ามาในวังหลวงแล้ว
ฮองเฮาจ้งซูอวิ้นก็เกินกว่าเหตุอย่างมาก แต่ก่อนทุกครั้งที่ถวายบังคม นางล้วนยืนกรานที่จะรอคอยอยู่นอกประตูตำหนักครึ่งชั่วยาม
เวลานี้กลับดี เมื่อมาถวายบังคม ได้ยินว่านางไม่สบาย ไม่อยากพบคน ก็รับหันหลังกลับไปทันที
“นางหมายความว่าอย่างไร ในฐานะลูกสะใภ้ของข้า สมควรกตัญญูต่อข้า แต่นางกลับดี เมื่อได้ยินว่าข้าไม่พบแขกก็หันหลังจากไปทันที บังอาจ! ต้องเป็นองค์หญิงเฉิงหยางที่สอนนางแน่ ฮองเฮาที่ดีๆ เมื่อเฉิงหยางเข้าวังหลวงมาก็สอนจนเสียคน ยังบังอาจแทรกแซงเรื่องในวัง กำจัดข้าหลวงในตำหนักเว่ยยาง ผู้ใดให้อำนาจนางกัน”
พระพันปีเถาขุ่นเคือง
นางไม่ถูกกับองค์หญิงเฉิงหยางมาแต่ไหนแต่ไร
ถึงแม้จะเป็นเครือญาติกันแล้ว แต่ก็ไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายอยู่ดี
เหมยเส้าเจี้้ยนถามเสียงเบา “องค์หญิงเฉิงหยางบังอาจกำจัดข้าหลวงในตำหนักเว่ยยางเอง ย่อมต้องได้รับการอนุญาตจากฮองเฮา พระพันปีจะให้คนไปเชิญฮองเฮามาถามหรือไม่”
พระพันปีเถาเงียบไปสักพัก “ข้ายังไม่อยากพบผู้ใด เจ้าไปตำหนักเว่ยยางต่อว่าฮองเฮาแทนข้า นางเป็นฮองเฮา ไม่ใช่หุ่นเชิดขององค์หญิงเฉิงหยาง ต้องมีความคิดของตนเอง เรื่องในวังจะให้คนนอกแทรกแซงได้อย่างไร”
เหมยเส้าเจี้้ยนรับคำบัญชา เขาพาคนเดินทางไปต่อว่าฮองเฮา จ้งซูอวิ้นที่ตำหนักเว่ยยางอย่างเอิกเกริก
จ้งซูอวิ้นจะทำอย่างไรได้
ทำได้เพียงรับฟัง
ในใจโกรธหรือไม่
ย่อมโกรธ!
ยังรู้สึกไม่เป็นธรรม!
ก่อนหน้านี้ นางยอมตากลมตากฝน ไม่สนใจความหนาวเย็น เดินทางไปถวายบังคมที่ตำหนักฉางเล่อทุกวัน
สุดท้ายพระพันปีเถาไม่สนใจนาง แต่ละครั้งล้วนส่งขันทีประตูเหลืองมาไล่นาง
แต่เวลานี้ ท่าทีของนางไม่จริงใจเพียงเล็กน้อย เพียงแค่ทำตามพิธี พระพันปีเถาก็นั่งไม่ติด จนต้องส่งเหมยเส้าเจี้้ยนมาต่อว่านาง
จ้งซูอวิ้นรู้สึกทุกอย่างหมดความหมายอย่างกะทันหัน
นางปฏิบัติด้วยความจริงใจ แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับ หรือแม้แต่การชายตามอง
เป็นคนไม่อาจสง่างามหรืออยู่ในกรอบมากเกินไปเสียจริง
ลำบากตัวเอง แต่ทำให้ผู้อื่นได้ใจ
นางยืนส่งเหมยเส้าเจี้้ยนจากไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะให้ขุนนางฝ่ายไปเชิญฮ่องเต้ที่ตำหนักซิงชิ่ง
นางเตรียมอาหารโต๊ะหนึ่ง กลางคืนสองสามีภรรยาดื่มด้วยกันเล็กน้อย
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ให้เกียรติฮองเฮา จ้งซูอวิ้นอย่างมาก
หลังจากทำงานเสร็จ เขาก็เดินทางมายังตำหนักเว่ยยาง
อาหารจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว จ้งซูอวิ้นให้ข้าหลวงออกไป นางรินสุราด้วยตนเอง สองสามีภรรยาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
นางไม่ได้พูดเกลี้ยกล่อมแต่อย่างใด
นางไม่อยากเป็นคนกลางที่อยู่ลำบาก อีกทั้งยังไม่ได้ประโยชน์อันใด
นางเพียงแค่ปลอบฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ บอกให้เขาปล่อยวาง ทุกอย่างจะถูกแก้ไข
หากขุนนางราชสำนักไม่น่าไว้ใจ ก็ใช้คนที่สามารถไว้ใจได้
เซียวเฉิงอี้ถาม “ฮองเฮาคิดว่าผู้ใดสามารถไว้ใจได้”
จ้งซูอวิ้นดื่มสุราเข้าไป สองแก้มแดงระเรื่อ ดวงตาหวานเยิ้ม
นางพูดด้วยรอยยิ้ม “เชื้อพระวงศ์คงจะไว้ใจได้ไม่ใช่หรือ เพียงแต่ความสามารถของเชื้อพระวงศ์ต่ำไปเล็กน้อย ไม่อาจเทียบขุนนางตระกูลใหญ่ที่มีความรู้ท่วมท้นได้”
เซียวเฉิงอี้ถามอีก “ยังมีผู้อื่นที่สามารถไว้ใจได้หรือไม่”
จ้งซูอวิ้นอมยิ้มพลันส่ายหน้า “ข้าไม่รู้! ข้านึกถึงแต่เชื้อพระวงศ์ ฝ่าบาททรงมีตัวเลือกอื่นหรือ”
เซียวเฉิงอี้ยิ้มอย่างมีนัย “ข้าใช้ญาติฝ่ายนอกจะเป็นอย่างไร ในเมื่อบรรดาขุนนางไม่สามารถยอมรับที่ข้าใช้ขุนนางฝ่ายในได้ เช่นนั้นข้าจะใช้ญาติฝ่ายนอก พวกเขาคงจะไม่มีเหตุผลคัดค้านไม่ใช่หรือ”
จ้งซูอวิ้นสร่างจากความมึนเมาทันที!
นางเบิกตาโต ดวงตาแดงก่ำ สีหน้าตกตะลึงราวกับตกใจ
นางรู้สึกโขคดีอย่างมากที่ไล่ข้าหลวงออกไปก่อนหน้านี้ เวลานี้ในห้องโถงมีเพียงสองสามีภรรยา
ปากของนางแห้งผาก นางรีบยกชาขึ้นดื่มสองคำ ก่อนจะถามเสียงเบา “ฝ่าบาททรงล้อเล่นหรือ”
เซียวเฉิงอี้มองนาง “ข้าเหมือนกำลังล้อเล่นหรือ”
“เช่นนั้น ฝ่าบาทคิดจะใช้ตระกูลเถา?”
เซียวเฉิงอี้หัวเราะเย้ยหยัน พลันบีบคางของนาง “เหตุใดฮองเฮาจึงต้องถามทั้งที่รู้ ข้าคิดจะใช้ท่านพ่อและท่านพี่ของเจ้า เจ้ามีความเห็นอย่างไร”
นางจะมีความเห็นอย่างไรได้
“ล้วนเป็นไปตามรับสั่งของฝ่าบาท! เพียงแต่ทางฮองเฮาและบรรดาขุนนาง จะอธิบายอย่างไร”
“เหตุใดจึงต้องอธิบาย บุรุษของตระกูลจ้งก็เป็นขุนนางราชสำนักอยุ่ก่อนแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่โดดเด่น จึงทำให้คนละเลย เวลานี้ข้าสนับสนุนพวกเขา ผู้ใดจะกล้าขัดขวาง ข้าไม่มีอำนาจสนับสนุนพ่อตาและพี่ชายของภรรยาของตนเองเลยหรือ”
หัวใจของจ้งซูอวิ้นเต้นระรัว
“ฝ่าบาทไม่ได้ทรงพูดเล่นหรือ พระองค์จะทรงสนับสนุนท่านพ่อและท่านพี่ของข้าจริงหรือ”
“เจ้าไม่ยินดี”
จ้งซูอวิ้นลังเลไปสองวินาที “ข้าแค่กลัว”
เซียวเฉิงอี้รู้ว่านางกำลังกลัวเรื่องใด “เจ้ากลัวจะซ้ำรอยตระกูลเถา? เจ้าวางใจ ข้าไม่ใช่ฮ่องเต้องค์ก่อน ข้าไม่ใจร้ายเพียงนั้น”
มันก็ไม่แน่
คนมักจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
โดยเฉพาะเจ้าแห่งแผ่นดิน
หลังจากเป็นฮ่องเต้แล้ว คนที่ดีก็จะกลายเป็นผี กลายเป็นคนโดดเดี่ยวที่แท้จริง
จ้งซูอวิ้นพูดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้หม่อมฉันตัดสินใจเองไม่ได้! ฝ่าบาทจะทรงใช้ท่านพ่อและท่านพี่ของข้า เหตุใดจึงไม่เรียกพวกเขาเข้าวัง หากท่านพ่อและท่านพี่ของข้าสามารถร่วมมือกับแผนการของฝ่าบาทได้ ฝ่าบาทจะทรงใช้พวกเขาก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่หากความสามารถของท่านพ่อและท่านพี่มีจำกัด ไม่สามารถช่วยเหลือฝ่าบาทได้ อีกทั้งยังจะสร้างปัญหา ฝ่าบาทก็ทรงสามารถล้มเลิกความคิดนี้โดยเร็ว เลือกผู้ที่มีความสามารถอื่นดีกว่า!”
เซียวเฉิงอี้รู้สึกประหลาดใจ
เขาไม่คิดว่าจ้งซูอวิ้นจะยังสามารถรักษาความสงบเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งล่อลวงเช่นนี้
สมกับที่เปลี่ยนไปหลังจากเป็นฮองเฮา
ไม่ใช้อารมณ์นำทางเหมือนที่ผ่านมา
เขาจับมือของจ้งซูอวิ้นเอาไว้แน่น “เจ้าคิดเช่นนี้จริงหรือ”
“อืม” จ้งซูอวิ้นพยักหน้า “ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อกับท่านพี่ถ่วงขาของฝ่าบาท ยิ่งไม่อยากให้สิ่งที่ท่านพ่อและท่านพี่กระทำ ทำให้ฝ่าบาททรงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เรื่องนี้ข้าจะไม่แทรกแซง ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่าบาท”
เซียวเฉิงอี้รู้สึกซาบซึ้ง
อารมณ์ของเขาพลุกพล่านเล็กน้อย “ฮองเฮาเข้าใจข้า สามารถเข้าใจความยากลำบากของข้า หากแต่ไม่ได้เรียกร้องกับข้าทุกครั้ง”
จ้งซูอวิ้นยิ้ม อิงซบอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเฉิงอี้ “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ข้าย่อมต้องช่วยเหลือพระองค์ ไม่ใช่สร้างปัญหาให้พระองค์ ข้าเห็นพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องของบ้านเมือง ไม่ได้พักผ่อนแม้แต่วันเดียว ข้าแค้นที่ตัวเองเป็นสตรี ไม่สามารถช่วยพระองค์ได้เท่านั้น”
ซียวเฉิงอี้ลูบไล้ใบหน้าของนางอย่างแผ่วเบา “เจ้าช่วยข้าดูแลวังหลัง ไม่ให้คนสร้างปัญหาให้ข้าก็ช่วยข้าได้มากแล้ว ระยะนี้ ทำให้เจ้าลำบากแล้ว เป็นความผิดของข้า แต่กลับต้องให้เจ้ามารับเอาไว้แทน
นิสัยของเสด็จแม่ก็แย่เสียจริง นางไม่พอใจข้า แต่ก็ไม่ควรโกรธเจ้า อากาศที่หนาวเพียงนี้ เจ้ากลับเดินทางไปถวายบังคมทุกเช้ากลางวันเย็น ร่างกายก็คงรับไม่ได้ เอาอย่างนี้ ต่อจากนี้เจ้าไปถวายบังคมแค่ตอนเช้า กลางคืนไม่ต้องไป”
“ไม่เหมาะสมหรือไม่!”
จ้งซูอวิ้นย่อมรู้สึกดีใจ
แต่นางไม่ได้ลืมตัว
เซียวเฉิงอี้พูดเสียงดัง “ข้าเป็นฮ่องเต้ สิ่งที่ข้าพูดก็คือคำสั่ง ข้าให้เจ้าถวายบังคมทุกวันตอนเช้าก็พอ เจ้าก็แค่เชื่อฟัง หากทางเสด็จแม่ทรงลงโทษ เจ้าก็บอกว่าเป็นความคิดของข้า ข้าจะรับมือกับนางเอง”
จ้งซูอวิ้นยื่นนิ้วออกไปแตะลงบนริมฝีปากของเขา
“ฝ่าบาททรงระวังคำพูด! ระหว่างพระองค์กับพระพันปีเป็นเพียงความขัดแย้งชั่วคราว ไม่นานก็จะประนีประนอมกันได้ บนแผ่นดินนี้ไม่มีแม่ลูกที่เป็นศัตรูกันตลอดไป ฝ่าบาทอย่าทรงพูดในสิ่งที่จะเสียใจในภายหลัง”
เซียวเฉิงอี้ยิ้ม “เจ้ากำลังเกลี้ยกล่อมข้าหรือ”
“ย่อมไม่ใช่! ข้าเพียงแค่บอกฝ่าบาท บางทีอนาคตอาจมีความเป็นไปได้อื่นเกิดขึ้น”
เซียวเฉิงอี้หัวเราะร่า “เจ้าพูดถูก ข้าไม่มีทางโกรธกับเสด็จแม่ตลอดไป ในไม่ช้าความขัดแย้งย่อมต้องคลี่คลาย เพียงแต่เวลานี้งานของข้ามีมาก ข้าไม่อยากให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นอีก ปล่อยให้เสด็จแม่ ‘ประชวร’ ต่ออีกสักระยะ รอข้าทำงานตรงนี้เสด็จ ค่อยเดินทางไปถวายบังคมที่ตำหนักฉางเล่อ”
จ้งซูอวิ้นรีบพูดทันที “หม่อมฉันยินดีแทนฝ่าบาท!”
“ล้วนเป็นความดีความชอบของฮองเฮา!”
…
พระพันปีเถาไม่คิดว่า หลังจากที่เหมาเส้าเจี้้ยนต่อว่าฮองเฮาแล้ว ฮองเฮาไม่เพียงไม่ “ปรับปรุง” ความผิดของตนเอง อีกทั้งยังทำผิดร้ายแรงขึ้นกว่าเดิม
แต่ก่อนถวายบังคมเช้ากลางวันเย็น เวลานี้เหลือเพียงตอนเช้า
นางกำลังประกาศศักดา!
พระพันปีเถาโกรธจัด!
จากนั้นนางก็รับรู้ว่ามันเป็นรับสั่งของฮ่องเต้
ฮ่องเต้ให้ฮองเฮามาถวายบังคมเพียงแค่ตอนเช้า ไม่จำเป็นต้องมาสามเวลา
พระพันปีเถาโกรธจนเจ็บหน้าอก
“ฮ่องเต้จงใจเป็นปรกปักษ์กับข้า! ลูกอกตัญญู!”
“พระพันปีทรงระงับความโกรธ”
พระพันปีเถาสูดลมหายใจเข้า พลันถามถึงเรื่องอื่น
“ระยะนี้ติ้งเถาทำอันใด”
“ทูลพระพันปี องค์หญิงติ้งเถาทรงกำลังพักฟื้นร่างกายพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงติ้งเถาและพระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงแต่งงานมาสองปีกว่า ยังไม่มีบุตร
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงไม่มีความเห็น แต่ติ้งเถาร้อนใจอย่างมาก
แผ่นดินวุ่นวาย นางไม่สนใจแม้แต่น้อย
นางสนใจเพียงร่างกายของตนเอง เมื่อใดนางจะตั้งครรภ์ได้
นางละเลยการเข้าวังมาถวายบังคมเพราะเรื่องนี้
พระพันปีเถาถอนหายใข “ติ้งเถาก็ลำบาก เหตุใดจึงยังไม่มีบุตรเสียที หมอหลวงพูดว่าอย่างไร เป็นปัญหาของพระราชบุตรเขยหรือไม่”
เรื่องนี้…
เหมาเส้าเจี้้ยนพูดพลันครุ่นคิด “หมอหลวงตรวจร่างกายให้พระราชบุตรเขยแล้ว ราวกับไม่มีปัญหา”
“อย่างนั้นหรือ เจ้าหมายความว่าปัญหาอยู่บนตัวติ้งเถา?”
“กระหม่อมสมควรตาย!”
เหมาเส้าเจี้้ยนยกมือตบลงบนหน้าของตนเอง
เพี๊ยะๆ…
ตบลงไปหลายครั้ง สองแก้มก็แดงขึ้นมา
เขาตบปากของตนเองอย่างแรง ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงท่าที
พระพันปีเถาส่งเสียงไม่พอใจ ก่อนจะโบกมือ
เหมาเส้าเจี้้ยนจึงได้หยุดตบหน้าของตนเอง
พระพันปีเถาพูด “หากหมอหลวงไร้ความสามารถ ก็หาไต้ฟูทั่วไป ดูแลร่างกายแทนติ้งเถา”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
พระพันปีเถาถาม “ระยะนี้เจ้าสองกำลังทำอันใด”
“ทูลพระพันปี อากาศหนาวเย็น พระอาการของท่านอ๋องผิงชิงกำเริบอีกแล้ว เขาพักรักษาตัวอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ” พระพันปีเถาตอบรับ “ระยะนี้เขาไม่ได้ก่อเรื่อง?”
“จวนท่านอ๋องตงผิงสงบเงียบอย่างมาก นอกจากการออกไปจับจ่ายซื้อของแล้ว มีแต่พระชายาที่จะออกไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเป็นครั้งคราว หรือบางทีก็กลับจวนองค์หญิงจู้หยาง”
พระพันปีเถาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม
“พระพันปีกำลังทรงกังวลท่านอ๋องผิงชินหรือ” เหมาเส้าเจี้้ยนถาม
พระพันปีเถาส่ายหน้า “ระยะนี้ในราชสำนักเกิดเรื่องมากมาย เจ้าสองยังนั่งติดอยู่ แม้จะเข้าวัง แต่ก็ไม่แสดงความคิดเห็น ไม่ใช่นิสัยของเขา”
เหมาเส้าเจี้้ยนพยายามคาดเดา “บางทีพระอาการของท่านอ๋องผิงชินอาจแย่ลงทุกวันจนไม่มีแรงเหลือที่จะสนใจเรื่องในราชสำนัก”
พระพันปีเถาส่ายหน้าระรัวเพื่อปฏิเสธ “เจ้าไม่รู้จักเขา! ตราบใดที่เขายังมีลมหายใจ เขาไม่มีทางไม่สนใจเรื่องบนราชสำนัก แต่เขารู้ว่าข้าจะไม่ฟังคำแนะนำของเขา ฮ่องเต้ก็ไม่สนใจเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าวังมารับความเหยียดหยาม ลับหลัง เขาต้องแอบทำบางสิ่งอย่างแน่นอน”
เหมาเส้าเจี้้ยนพูด “ในมือของท่านอ๋องผิงชิงไม่มีทหารและอำนาจ แม้เขาจะทำสิ่งใดก็ไม่ใช่ปัญหา”
พระพันปีเถาหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าเดินทางไปจวนอ๋องเยือนเจ้าสองแทนข้า กำชับให้เขารักษาร่างกายให้ดี ต้องเชื่อฟังหมอหลวง กินยาตามเวลาทุกวัน เรื่องในราชสำนัก เจ้าบอกให้เขาไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ ราชสำนักไม่เกิดปัญหาอย่างแน่นอน”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
เหมาเส้าเจี้้ยนรับคำบัญชา เขานำยาและเครื่องประดับเงินทองเต็มรถ มุ่งหน้าไปเยือนท่านอ๋องผิงชิน เซียวเฉิงเหวินที่จวนอ๋อง
ท่านอ๋องผิงชิน เซียวเฉิงเหวินนอยป่วยอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียว
เมื่อเทียบกับตอนฤดูร้อน เขาผอมลงไปอย่างมาก
“ท่านอ๋องต้องรักษาตัวให้ดี! พระพันปีทรงกังวลร่างกายของท่านอ๋องอย่างมาก จึงให้ข้ามาเยือนท่านอ๋อง ยังมีรางวัลพระราชทานเต็มคันรถ ล้วนแล้วแต่เป็นยาที่มีราคา!”
เซียวเฉิงเหวินลุกขึ้นนั่งภายใต้การช่วยเหลือของเฟ่ยกงกง
เขากระแอมไอสองที “ลำบากเหมยกงกงต้องเดินทางมาแล้ว ร่างกายของข้าเป็นโรคเก่า เพียงแค่ไม่ตายก็ผ่านพ้นไปได้ เจ้ากลับวังไปทูลเสด็จแม่ รอข้ารักษาร่างกายจนหายดี ข้าจะเข้าวังไปถวายบังคม”
เหมาเส้าเจี้้ยนพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องกตัญญู! พระพันปีทรงกังวลท่านอ๋องกลัดกลุ้มจนส่งผลกระทบต่ออาการ จึงให้กระหม่อมมากำชับท่านอ๋อง เรื่องในราชำสำนักมีพระองค์ทรงดูแลอยู่ ไม่มีทางเกิดปัญหา ให้ท่านอ๋องพักรักษาตัวให้ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องภายนอก”