ตอนที่ 344 อยากแต่งงานมีลูก
เมื่อผ่านวันที่สามสิบเดือยสิบสองไปแล้ว เวลาก็ล่วงเข้าสู่วันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง ไท่หนิงปีที่หนึ่ง
วันที่หนึ่งเดือนหนึ่งของทุกปี เยียนอวิ๋นเกอมักจะเดินทางไปสักการะที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง พร้อมทั้งเดินเล่นงานวัด
ปีใหม่ไม่เดินงานวัด จุดธูปสักการะ ปีใหม่นี้ก็ไม่สมบูรณ์ มีความน่าเสียดาย
มันเป็นเหมือนพิธีกรรมรูปแบบหนึ่ง เป็นพิธีกรรมที่ไม่อาจขาดได้ในช่วงปีใหม่ มันเป็นส่วนหนึ่งของปีใหม่
วันแรกของปีใหม่ เยียนอวิ๋นเกอตื่นแต่เช้าเหมือนเคย หลังจากชำระเนื้อตัวเสร็จสิ้น สวมใส่ชุดใหม่ รับประทานอาหารเช้า นางก็ออกเดินทางไปยังศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
โดยมีสาวรับใช้และองครักษ์ติดตามไปด้วย
คนกลุ่มหนึ่งเดินทางไปถึงบริเวณใกล้เคียงศาลหลักเมืองราวกับปลาที่กลับสู่ท้องทะเล ไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรรถม้าก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้แต่ก้าวเดียว
เนื่องจากคนมีจำนวนมากเกินไป
เมื่อมองไปตรงหน้าล้วนมีแต่หัวคน
ราวกับคนทั้งเมืองหลวงต่างมาเดินงานวัดที่ศาลหลักเมืองในวันนี้
รถม้าขยับไม่ได้ ทำได้เพียงลงจากรถแล้วเดินเท้า มุ่งหน้าไปยังศาลหลักเมือง
อาเป่ยพร่ำบ่นอยู่ข้างหูเยียนอวิ๋นเกอ “ทุกปีออกจากจวนตั้งแต่เช้า แต่พอมาถึงทางนี้ คนก็ยังคงเยอะเหมือนเคย ปีหน้าวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง คุณหนูจะออกจากจวนเร็วขึ้นหนึ่งชั่วยามหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า “เวลานี้ก็ไม่เลว”
รอบข้างล้วนเต็มไปด้วยผู้คน
ระยะครึ่งปีมานี้ เมืองหลวงที่สูญเสียแสนสาหัสฟื้นฟูกลับมาอย่างมีชีวิตชีวาในวันนี้และสถานที่แห่งนี้
มองดูคนที่เดินขวักไขว่ไปมา พ่อค้าที่กำลังโห่ร้องขายของ ร้านค้าที่ยิ้มเบิกบาน สิ่งเหล่านี้ถึงจะเป็นภาพลักษณ์ที่เมืองหลวงสมควรมี
คึกคัก!
พลังชีวิตที่แน่นหนา!
กิจการที่เจริญรุ่งเรือง!
บนใบหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความมุ่งหวังและความคาดหวังต่อชีวิต!
บนใบหน้าของเยียนอวิ๋นเกอเผยรอยยิ้มที่มาจากใจจริงเนื่องจากบรรยากาศบนท้องถนน
เมื่อเดินผ่านแผงของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย นางยังเข้าไปดื่มหนึ่งขาม ดูแลกิจการของตนเอง
หลังจากนั้นจึงเดินทางไปสักการะที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองอย่างไม่รีบร้อน
สักการะไม่ดูเวลา ขอเพียงแค่เป็นพิธี ขอเพียงแค่ความสบายใจ
ขอให้เจ้าพ่อศาลหลักเมืองคุ้มครองให้ปีนี้สภาพอากาศราบรื่น คนในครอบครัวแข็งแรง ปลอดภัย
หลักจากสักการะแล้ว ตามหลักต้องไปเดินเล่นที่ภูเขาด้านหลังศาลหลักเมือง สร้างจุดเริ่มต้นทีดีให้แก่ปีใหม่ ทุกอย่างล้วนเริ่มจากความสดชื่นของจิตใจ
เริ่มแรกนางสดชื่นจริง จนกระทั่งได้พบกับเซียวอี้
นางมองเห็นนายน้อยที่รูปลักษณ์งดงามท่านหนึ่งแต่ไกล เขายืนอยู่ใต้ต้นเหมย ส่งยิ้มให้นาง
เยียนอวิ๋นเกอชะงักฝีเท้าด้วยความลังเล
นางต้องยอมรับ ใบหน้าของนายน้อยตรงหน้านั้นงดงามเสียจริง
แต่ว่านอกจากใบหน้าแล้ว หากใช้คำพูดของเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดากล่าวก็คือ ไม่มีข้อดี มีแต่หลุมพราง
“คุณหนู ตรงหน้านั้นคือนายน้อยอี้ใช่หรือไม่! เขาคงไม่ได้ตั้งใจมารอคุณหนูตรงนั้นใช่หรือไม่”
“หุบปาก!”
บางครั้งสาวรับใช้ก็ช่างพูดมากเสียจริง
เยียนอวิ๋นเกอกระแอมไอเสียงเบา “พวกเราไป!”
“คุณหนูไม่พบเขา?” อาเป่ยรู้สึกประหลาดใจ
เยียนอวิ๋นเกอถลึงตาใส่นาง พูดน้อยหน่อยไม่ได้หรือ
อาเป่ยหุบปากทันที
เซียวอี้ “…”
เขายืนอยู่ใต้ต้นเหมย ปล่อยให้ลมหนาวพัดผ่าน
อากาศหนาวมาก แต่เพื่อให้ดูดี เขาจึงสวมใส่เสื้อผ้าบาง
หากสวมใส่เสื้อผ้าหนาจนเหมือนหมีคงไม่มีความงดงามใด
ถึงแม้เขาไม่กลัวหนาว แต่เมื่อลมตกกระทบบนตัว เขาก็รู้สึกไม่ดีนักเข่นเดียวกัน
นางเดินจากไปแล้ว?
ทั้งที่นางเห็นตนเองแล้ว แต่นางก็หันหลังเดินจากไป?
เขาไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย!
ราวกับได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส
จี้ซินแสเดินออกมาจากหลังพุ่มไม้ พลันเปล่งเสียงหัวเราะ
“เฮ้อ คุณหนูสี่ก็ดูราวกับไม่อยากพบนายน้อย จะทำอย่างไรดี! นายน้อยแต่งกับคุณหนูท่านอื่นดีหรือไม่”
“เจ้าหุบปาก!”
เขาเข้าใจแล้ว จี้ซินแสชอบดูเขาขายหน้าอย่างมาก
โดยเฉพาะชอบเห็นท่าทางที่หมดหนทางของเขา
เขาพูดอย่างจริงจัง “ข้ากับคุณหนูสี่เป็นหุ้นส่วนกัน ย่อมต้องมีเรื่องเข้าใจผิด นางจึงหลีกเลี่ยงที่จะพบข้า ข้าต้องไล่ตามขึ้นไป พูดให้กระจ่าง พวกเรายังต้องร่วมมือกันต่อไป จะเหินห่างเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าไม่ต้อมตามมา”
พูดจบ เขาก็รีบวิ่งลงจากเขา ไล่ตามเยียนอวิ๋นเกอไป
จี้ซินแสลูบเครา ดวงตาคู่นั้นราวกับมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง “นายน้อยอยากจะสู่ขอเยียนอวิ๋นเกอเป็นภรรยายังมีระยะทางอีกยาวไกลและภาระที่หนักอึ้ง!”
…
เซียวอี้ไล่ตามเยียนอวิ๋นเกอทันที่ประตูจันทรา
“คุณหนูสี่ วันนี้บังเอิญที่ได้พบกัน ไม่ได้พบหน้ามาเป็นเวลานาน ไม่รู้กำไรของเหมืองในปีนี้ คุณหนูสี่พึงพอใจหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอถอนหายใจด้วยความรออา
เมื่อหันหน้ากลับมา นางเผยรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ “ก่อนหน้านี้เห็นจากระยะไกล รู้สึกคุ้นหน้า แต่ก็ไม่แน่ใจ ที่แท้เป็นนายน้อยเซียว ยินดีที่ได้พบ! เรื่องธุรกิจ บัดนี้ข้าได้มอบหมายให้พ่อบ้านจัดการทั้งหมด ข้าเข้าไปยุ่งน้อยมากแล้ว เวลานี้ข้าเตรียมตัวกลับจวน หากนายน้อยเซียวไม่มีเรื่องอื่น พวกเราก็จากกันตรงนี้เถิด”
“ช้าก่อน!”
เซียวอี้ประหลาดใจอย่างมาก หากการหลีกเลี่ยงพบเจอก่อนหน้านี้เป็นความเข้าใจผิด
แล้วท่าทีเย็นชาในเวลานี้หมายความว่าอย่างไร
“คุณหนูสี่เข้าใจข้าผิดเรื่องใดหรือไม่ หากไม่รีบ ด้านหลังมาห้องชา ข้าอยากเชิญคุณหนูสี่ร่วมดื่ม”
เมื่อเห็นเยียนอวิ๋นเกอทำท่าจะปฏิเสธ เขารีบเอ่ยเสริม “เพียงแค่พูดคุยไม่กี่ประโยค ท่านสามารถจากไปได้ตลอดเวลา ขอให้คุณหนูสี่ให้โอกาสข้าได้พูดออกมาด้วย”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลังจากจี้ซินแสมาสู่ขอ นางก็ไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเซียวอี้เสมอมา
นับแต่เมื่อใดที่เซียวอี้เกิดความคิดอยากจะแต่งงานกับนาง
นางคิดว่า ในเมื่อตัวเองไม่อยากแต่ง นับจากนี้ก็ควรขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน อย่าได้มีพื้นที่ให้อีกฝ่าย ยิ่งอย่าได้ให้ความหวังแก่อีกฝ่าย
ตัดขาด ย่อมต้องตัดให้ขาดอย่างสิ้นเชิง
ไม่คิดว่าเซียวอี้จะดักรอตนเองที่ศาลหลักเมือง
อีกทั้งยังมีท่าทีไม่ยอมถอยหากไม่บรรลุเป้าหมาย
นางโบกมือให้สาวรับใช้ถอยหลังไปหลายก้าว
จากนั้น นางจึงพูดขึ้น “เกรงว่านายน้อยเซียวจะเข้าใจผิดแล้ว ระหว่างเราคงไม่มีเรื่องใดต้องคุย”
“นอกจากการค้า ความสัมพันธ์ที่รู้จักมาหลายปี ไม่มีเรื่องใดที่ต้องคุยแล้วจริงหรือ” เซียวอี้พูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าท่านรังเกียจข้าเช่นนี้”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “ข้าไม่ได้รังเกียจท่าน เพียงแต่เรื่องมีการเปลี่ยนแปลง ระหว่างพวกเราควรรักษาระยะห่างที่เหมาะสมเอาไว้”
เซียวอี้มองไปรอบด้าน “ท่านแน่ใจว่าจะคุยเรื่องนี้ที่นี่?”
บริเวณประตูจันทราเต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ไปมา
วันนี้วันที่หนึ่ง ทุกมุมของศาลหลักเมืองเต็มไปด้วยผู้คน
เยียนอวิ๋นเกอลังเลเล็กน้อย พลันพูด “ท่านตามข้ามา! นอกศาลหลักเมืองมีโรงน้ำชา ข้าจองห้องเอาไว้ สามารถใช้ได้หนึ่งวัน”
นางเดินอยู่ด้านหน้า เขาเดินอยู่ด้านหลัง ทั้งสองต่างไม่ได้พูดคุยกัน
บรรดาสาวรับใช้เห็นบรรยากาศตึงเครียดเช่นนี้ จึงไม่กล้าล้อเล่นตามใจเหมือนวันอื่น
ออกจากศาลหลักเมือง เดินเข้าโรงน้ำชา เด็กในร้านนำขึ้นไปยังห้องส่วนตัวชั้นสอง
น้ำชาและของว่างจัดวางเต็มโต๊ะ
เยียนอวิ๋นเกอบอกให้บ่าวรับใช้รออยู่นอกประตู
สาวรับใช้อาเป่ยกังวลเล็กน้อย “คุณหนู เหมาะสมหรือเจ้าคะ ให้บ่าวอยู่ด้วยดีหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า “พวกเจ้ารออยู่นอกประตู หากต้องการ ข้าจะเรียกพวกเจ้าเอง”
“คุณหนูระวัง! มีเรื่องใดส่งเสียงหนึ่งที บ่าวและองครักษ์จะบุกเข้ามาคุ้มกันคุณหนู”
“อืม! ไปรอด้านนอกเถิด!”
เซียวอี้อยากกลอกตาอย่างมาก
สายตาของสาวรับใช้ที่ชื่ออาเป่ยเป็นอย่างไรกัน เขาเป็นคนไม่ดีหรือ
เขาเป็นคนที่เที่ยงตรง ไม่จำเป็นต้องระแวงเขาปานนั้น
เยียนอวิ๋นเกอยกเหยือกชาขึ้นรินชา พลันพูดเสียงเบา “หลายวันก่อน องครักษ์จินอู่จัดการคนนับพันชีวิตในจวนท่านโหวเหิงอี้ เพียงชั่วพริบตาหัวและลำตัวของพวกเขาก็แยกออกจากกัน ในเวลาเดียวกัน ตระกูลเจี่ยถูกประหารเก้าชั่วโคตร ตายไปนับพันคน เลือดไหลนองเต็มพื้น แม้แต่คนเก็บซากศพก็ยังไม่มี ช่างน่าอนาถ ท่านแม่ได้รับความตกใจ เป็นกังวลความปลอดภัยของข้าอย่างมาก ทำให้สาวรับใช้และเหล่าองครักษ์ข้างกายต่างหวาดระแวง ท่าทางของสาวรับใช้ไม่ดีนัก ขอนายน้อยเซียวโปรดอภัย”
“ระหว่างท่านกับข้าไม่จำเป็นต้องเหินห่างเช่นนี้ ข้าคิดว่าจากที่รู้จักมาหลายปี อย่างไรก็ต้องมีความแตกต่าง”
เซียวอี้เสียใจอย่างมาก
เขาคิดว่าเขาแตกต่าง
สุดท้ายมีแต่เขาที่คิดไปเอง
ความสัมพันธ์ที่รู้จักมานานหลายปีไม่ได้มีความแตกต่างแต่อย่างใด
ช่างทำร้ายจิตใจคนยิ่งนัก
เยียนอวิ๋นเกอยกมือขึ้นทำท่าเชิญให้เขาดื่มชา
นางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในสายตาองข้า พวกเราเป็นหุ้นส่วน นอกจากนี้ ไม่ควรมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาพัวพัน ไม่ปิดบังท่าน จี้ซินแสมาสู่ขออย่างกะทันหันทำให้ข้าประหลาดใจอย่างมาก แต่ก่อนท่านแม่เคยเตือนข้า แต่ข้ามักคิดว่าท่านแม่กังวลเกินไป แต่ดูเหมือนประสบการณ์ข้ายังไม่เพียงพอ มองไม่ออกว่าท่านมีความคิดอย่างอื่นต่อข้า”
“สาวงามแสนดี ย่อมเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม! ข้าทำเช่นนี้ผิดหรือ”
“ย่อมไม่ผิด เพียงแต่ข้าไม่อยากมีความเกี่ยวข้องด้านความสัมพันธ์กับหุ้นส่วน ยิ่งไปกว่านั้นจะเป็นเรื่องของการแต่งงาน มันจะทำให้ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายพังทลาย”
“อวิ๋นเกอ เจ้าผิดแล้ว! หากพวกเราแต่งงานกัน ไม่มีทางทำลายความร่วมมือระหว่างพวกเรา กิจการของข้าสามารถมอบให้เจ้าจัดการทั้งหมด เมื่อข้าต้อวการใช้เงิน เจ้าก็ให้เงินข้า เรื่องอื่นข้าไม่สนใจ เวลานั้นของข้าย่อมเป็นของเจ้า พวกเราเป็นทั้งสามีภรรยาเป็นทั้งหุ้นส่วน”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “แต่ข้าไม่อยากเป็นสามีภรรยากับหุ้นส่วน เช่นนี้ไม่ดี!”
เซียวอี้ได้ยิน จึงทำได้เพียงยิ้มขมขื่น
เขาพบว่าความคิดของตนเองกับความคิดของเยียนอวิ๋นเกอไม่ได้อยู่ในแนวเดียวกัน
หากเป็นเช่นนี้คงคุยต่อไปได้ยาก!
เขานวดขมับ “ท่านบอกข้า คนเช่นใดจึงจะเป็นสามีภรรยากับท่านได้ ท่านลองบอกเงื่อนไขออกมาทีละข้อ ข้าปรับตามเงื่อนไขของท่าน ได้หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าตกตะลึง นางถามด้วยความสงสัย “ท่านอยากสู่ขอข้าจริงหรือ”
“ท่านมองตาของข้า ท่านคิดว่าข้าแสร้งเป็นอยากสู่ขอท่าน ข้าเหมือนคนเสแสร้งหรือ”
เซียวอี้รู้สึกได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างมาก
เขาพยายามเช่นนี้ มีความจริงใจเช่นนี้ แต่ก็ยังถูกสงสัยว่าไม่จริงจัง
สวรรค์เอ๋ย!
เขายากเหลือเกิน!
เยียนอวิ๋นเกอมองพินิจเขาอย่างตั้งใจ “ข้ามองไม่ออกว่าท่านอยากสู่ขอข้าจริง”
พู่!
เซียวอี้เกือบกระอักเลือดออกมา
เขาเช็ดมุมปาก พลันพูดอย่างจริงจัง “ข้าอยากสู่ขอเจ้า เจ้ายอมแต่งงานกับข้าหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว พลันจ้องเขา ราวกับไม่รู้จักคนผู้นี้
สักพัก นางจึงพูดขึ้น “ข้าคิดว่าท่านชอบการใช้ชีวิตอย่างอิสระตัวคนเดียวมากกว่า ไม่คิดว่าท่านก็มีความคิดที่อยากจะสร้างครอบครัว”
เซียวอี้ “…”
เขาไปแอบส่งสัญญาณให้เยียนอวิ๋นเกอเมื่อใดว่าเขาชอบการใช้ชีวิตอย่างอิสระตัวคนเดียวมากกว่า
มันเป็นความเข้าใจผิด!
ความเข้าใจผิดอย่างแน่นอน!
เขาอยากสร้างครอบครัวอย่างมากได้หรือไม่