ตอนที่ 346 ระดับความหน้าหนา
เซียวอี้จากไปอย่างรีบร้อน ตอนจากไปนั้นเขามีท่าทีไม่เป็นตัวเองมากนัก
เยียนอวิ๋นเกอยังคงสับสน
เขาเคยมีความคิดที่จะแต่งเข้าจริงหรือ
เป็นไปไม่ได้หรือไม่!
ลูกเขยที่แต่งเข้ามักถูกคนรังเกียจ
มักถูกคนคิดว่าขายหน้า ไม่มีความคิดในการพัฒนา
ไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลก
คนที่หยิ่งยโสอย่างเซียวอี้จะแต่งเข้าได้อย่างไร
เหลวไหล!
ต้องเป็นความเข้าใจผิดของนางอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องที่เขาพูดเกี่ยวกับบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้าน นางไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว
บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านเห็นแก่ผลประโยชน์มาก่อน
ถึงแม้เขาจะเปลี่ยนแปลงท่าที แต่ก็เพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
บรรดาสาวรับใช้พุ่งตัวเข้ามาในห้องชา
อาเป่ยกังวลอย่างมาก “บ่าวเห็นนายน้อยเซียววจากไปอย่างรีบร้อน คุณหนูไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่ เขารังแกคุณหนูหรือไม่”
“เจ้าคิดเหลวไหลอันใดกัน ผู้ใดจะรังแกข้าได้ ไม่กลัวกำปั้นของข้าหรือ”
“จริงด้วย กำปั้นของคุณหนู คนทั่วไปคงต้านไม่อยู่ ดูท่านายน้อยเซียวจะเสียเปรียบ”
เยียนอวิ๋นเกอดีดหน้าผากของอาเป่ย “อย่าได้พูดจาเหลวไหล! ไป ตามข้าไปเดินงานวัด!”
งานวัดที่คึกคักเช่นนี้ หากไม่เดินคงน่าเสียดาย
ท่ามกลางฝูงชน มีบางคนที่มีร่องรอยน่าสงสัย
ช่วงปีใหม่ องครักษ์จินอู่ก็ไม่อยู่เฉย
เยียนอวิ๋นเกอเดินๆ หยุดๆ ตลอดทาง กินของกินข้างทางจนเกือบอิ่ม ซื้อสิ่งของทั้งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์มากมาย จากนั้นก็เดินทางกลับจวน
วันที่หนึ่งเดือนหนึ่งยี้ หากไม่มีความจำเป็น เซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาไม่เคยออกจากจวน
แม้แต่การเข้าเฝ้าในวังหลวง หากสามารถผลัดได้นางก็ผลัด ผลัดไม่ได้จึงเข้าวังไปปรากฏตัว
ตอนเยียนอวิ๋นเกอกลับจวน เวลาก็เลยเที่ยงวันไปแล้ว
ตอนลงรถม้า นางถามหญิงรับใช้ชรา “ท่านแม่ข้าอยู่ที่ใด”
“เรียนคุณหนูสี่ องค์หญิงไปที่โถงบรรพบุรุษอีกแล้วเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ชรากดเสียงต่ำ พูดถึงโถงบรรพบุรุษด้วยความกล้าๆ กลัวๆ
“อืม” เยียนอวิ๋นเกอตอบรับ นางไม่ได้กลับห้อง หากแต่มุ่งหน้าไปยังห้องลับใต้ดินในสวนดอกไม้
นางไม่ชอบมาที่นี่
ป้ายบรรพบุรุษนับพันเรียงรายเป็นแถวทำให้คนรู้สึกอึดอัด
มีเพียงวันเซ่นไหว้ในแต่ละปี นางจึงจะเดินลงมาในห้องลับใต้ดิน
ภายในอุโมงค์สว่างไปด้วยแสงไฟ
แสงเงาสลับกันไปมา บรรยากาศอึดอัด ทำให้คนเกิดความกลัวขึ้นในใจ
บ่าวรับใช้เปิดประตูใหญ่ห้องลับออก โน้มตัวส่งเยียนอวิ๋นเกอเข้าไป
“องค์หญิงอยู่ด้านใน คุณหนูเชิญเข้าไปเถิด”
เยียนอวิ๋นเกอถาม “ท่านแม่ข้าเข้าไปนานเพียงใดแล้ว”
บ่าวรับใช้พูด “องค์หญิงเข้าไปกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว คุณหนูเกลี้ยกล่อมองค์หญิง อย่าได้เศร้าโศกเกินไป เรื่องผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว คนในตอนนั้นเหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้มาก”
“ขอบใจเจ้าที่เตือน”
เมื่อเยียนอวิ๋นเกอเดินเข้าไปในโถงบรรพบุรุษก็เห็นเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาคุกเข่าอยู่บนสันถัด ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
หัวใจของนางบีบเค้นเหมือนถูกตะขอเหล็กเกี่ยว เจ็บปวดอย่างมาก
นางเดินเข้าไปกอดเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาจากด้านหลัง
“ท่านแม่ พวกเราออกไปเถิด!”
เซียวฮูหยินถอนหานใจ “กลับมาเมื่อใด”
“เพิ่งกลับมา ได้ยินว่าท่านแม่อยู่ที่นี่ ข้าจึงลงมา”
“เฮ้อ…ทำให้เจ้าต้องตามลงมาอีกแล้ว จุดธูปให้ท่านตาท่านยายเจ้าเถิด อย่าลืมท่านลุงและท่านป้าทั้งหลายของเจ้าด้วย”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า พลัดจุดธูปให้แก่ญาติที่จากไป ภาวนาให้พวกเขาสามารถวนเวียนไปเกิดมใหม่ได้อย่างราบรื่น เริ่มต้นชีวิตใหม่
จากนั้น นางพยุงเซียวฮูหยินให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับคราบน้ำตาบริเวณหางตาของเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา
“ปีใหม่บรรยากาศใหม่ ท่านแม่ควรดีใจหน่อย”
“อืม” เซียวฮูหยิน “วันนี้ออกจากจวนได้พบผู้ใดหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอผงะ “ไม่มี! แค่เดินเล่นเท่านั้น”
เซียวฮูหยินจ้องมองนาง “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าเหมือนได้พบกับผู้ใดเข้า”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มเก้อ พลันเบี่ยงหน้าหนี แอบคิดในใจว่าท่านแม่ช่างเฉียบแหลมเสียจริง
นางยังไม่ทันได้เอ่ยแม้แต่คำเดียว เหตุใดท่านแม่จึงรู้ความจริงแล้ว
ประหลาด!
เซียวฮูหยินดีดนิ้วลงบนหน้าผากของนาง “ข้าคลอดเจ้าออกมา ข้าจะไม่รู้จักเจ้าหรือ เจ้าพบผู้ใดบนถนนใช่หรือไม่ หรือว่าจะเป็นเซียวอี้”
เฮ้อ…
เยียนอวิ๋นเกอแบมือ นางจะทำอย่างไรได้
เซียวฮูหยินหัวเราะ “เซียวอี้จริงด้วย ข้ารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ยอมตายใจ เจ้าไม่ได้รับปากเรื่องใดกับเขาใช่หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าระรัว “ข้าบอกเขา หากท่านแม่ไม่พยักหน้า ไม่ยอมรับเขา ข้าย่อมจะไม่แต่งงานกับเขา ข้ายังบอกให้เขารีบตายใจ แต่ว่าคนอย่างเขาไม่ยอมฟัง อีกทั้งยังดื้อรั้น ต่อไปเขาอาจมารบกวนท่านแม่ เพื่อขอการยอมรับจากท่านแม่”
เซียวฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ “ข้าจะทำให้เขารู้ว่าสิ่งใดคือเป็นไปไม่ได้! อย่าคิดจะใช้กลอุบายประหลาดของเขา ข้าไม่หลงกลเขา”
เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “ข้ายังบอกเขา ท่านแม่ไม่เคยรังเกียจผู้ใด มีเพียงรังเกียจเขาเป็นพิเศษ ทั้งตัวของเขามีแค่ใบหน้าที่ดูได้”
“เสียดายมีรูปลักษณ์ที่ดี แต่ไม่ยอมเดินทางที่ถูกต้อง”
เซียวฮูหยินไม่ปิดบังความรังเกียจที่มีต่อเซียวอี้แม้แต่น้อย
แม่ลูกทั้งสองพูดคุยกันพลันเดินออกจากห้องลับ
บ่าวรับใช้ยืนมองพวกนางจากไป
คุยไปคุยมา เยียนอวิ๋นเกอก็ถามขึ้น “ท่านแม่ หากเซียวอี้ยอมแต่งเข้าจะทำอย่างไร”
“อะไรนะ” เซียวฮูหยินประหลาดใจอย่างมาก “เขาจะแต่งเข้า? ผู้ใดที่ไม่มีความทะเยอะทะยานจะเอามาทำอันใด เป็นถึงบุรุษ ใช่ว่าจะไม่มีความสามารถในการสร้างตัว เหตุใดจึงต้องแต่งเข้า เหลวไหล!”
เยียนอวิ๋นเกอรู้ว่าผลจะเป็นแบบนี้
ผู้คนมักจะรังเกียจและโจมตีทั่วทุกทิศทางต่อลูกเขยที่แต่งเข้า
ราชสำนักเกณฑ์แรงงาน ลูกเขยที่แต่งเข้าย่อมเป็นหนึ่งในนั้น
ราชสำนักยังมีท่าทีเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นจะเป็นสามัญชน
ยุคสมัยนี้ มีเพียงผู้ชายที่จนตรอกจึงจะเลือกแต่งเข้า
นางรีบเปลี่ยนวิธีพูด “ข้าเพียงแค่ถามเท่านั้น ท่านแม่อย่าคิดจริง เขาไม่เคยบอกว่าจะแต่งเข้า”
“เหตุใดเจ้าจึงนึกถึงเรื่องแต่งเข้า”
“ต้องโทษเขาที่เอ่ยถึงท่านพ่ออย่างกะทันหัน บอกว่าท่านพ่อคาดหวังต่อข้ามาก ข้าจึงโต้แย้งกับเขา ข้าเป็นสตรี ไม่ช้าก็ต้องออกเรือน แม้จะคาดหวังก็ไร้ประโยชน์ ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องการแต่งเข้าขึ้นมาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ เมื่อเป็นเช่นนี้ บุตรของข้าก็จะแซ่เยียน ซึ่งอาจมีโอกาสได้สืบทอดมรดกของตระกูลเยียนด้วยใช่หรือไม่”
เซียวฮูหยินกุมขมับด้วยความปวดหัว
ความคิดของบุตรสาวมักจะแตกต่างจากผู้อื่นเช่นนี้
นางเตือน “เจ้าอย่าคิดมาก นอกจากนี้อย่าคาดหวังกับท่านพ่อของเจ้ามากเกินไป ความคิดเรื่องแต่งเข้าหรือบุตรแซ่เยียนเพื่อสืบทอดมรดกพวกนี้ เจ้าทิ้งไปให้หมด เจ้าเองก็เคยพูดนับครั้งไม่ถ้วย พึ่งพาผู้อื่นสู้พึ่งพาตัวเองเสียดีกว่า อย่าคาดหวังในตัวท่านพ่อของเจ้ามากนัก”
“ขอบพระคุณท่านแม่ที่ตักเตือน ท่านแม่วางใจ ข้าแค่พูดเท่านั้น ไม่เคยหวังพึ่งท่านพ่อในการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน”
“เจ้าหวังพึ่งเขาสู้หวังพึ่งข้าเสียดีกว่า ข้าเป็นถึงองค์หญิง มีคนและกิจการมากมาย จะเทียบท่านโหวไม่ได้เชียวหรือ”
“เทียบได้ ย่อมเทียบได้! ท่านแม่ดีกว่าท่านพ่อสิบเท่า ร้อยเท่า!”
เซียวฮูหยินหัวเราะน่า พลันจิ้มหน้าผากของเยียนอวิ๋นเกอ “คำพูดนี้ถูกใจข้ายิ่งนัก”
…
เซียวอี้ที่กำลังกินของว่างอยู่ในจวนท่านอ๋องตงผิงจามไม่หยุด
เขานวดคลึงจมูก “ต้องมีคนกำลังด่าข้าอย่างแน่นอน”
จี้ซินแสแซะ “อาจเป็นองค์หญิงจู้หยางที่กำลังด่าท่านอยู่ ด่าว่าท่านเพ้อเจ้อ บังอาจคิดหมายปองบุตรสาวของนาง”
คราวนี้เซียวอี้ไม่ได้โต้กลับ
เขาทำหน้าเศร้าใจ “ข้ารูปลักษณ์งดวงาม เพียบพร้อมทั้งนิสัยและความสามารถ เหตุใดเยียนอวิ๋นเกอจึงไม่หวั่นไหว เหตุใดองค์หญิงจู้หยางจึงรังเกียจปานนั้น บนโลกนี้ยังมีคนที่ดียิ่งกว่าข้าอีกหรือ”
จี้ซินแสกระแอมไอด้วยความอยากอาเจียน!
เขาไม่เคยเห็นคนที่หน้าไม่อายเช่นนี้มาก่อน
เหตุใดนายน้อยจึงชื่นชมตัวเองได้เช่นนี้ ไร้ยางอายเหลือเกิน
เซียวอี้ถามเขา “ดูจากสีหน้าของซินแส ราวกับมีข้อคัดค้านคำพูดของข้า?”
จี้ซินแสยกแก้วชาขึ้นจิบหนึ่งคำ “ก่อนหน้านี้นายน้อยถาม เหตุใดองค์หญิงจู้หยางจึงไม่ชอบท่าน หากข้าจำไม่ผิด ครั้งก่อนข้าเคยวิเคราะห์แทนนายน้อย พูดไปพูดมาก็คือชื่อเสียงของนายน้อยแย่เกินไป ทำเรื่องใดก็ไร้ความเกรงกลัว เพียงแค่เรื่องการสังหารคนในตำหนักจินหรวนก็เพียงพอที่จะทำให้คนหวาดกลัว องค์หญิงจู้หยางไม่ได้เสียสติ นางย่อมไม่ยอมยกบุตรสาวให้ท่าน”
“ซินแสอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องชื่อเสียงอีก ตอนนั้นหากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางสังหารคนในตำหนักจินหรวน สังหารนายท่านรองตระกูลเถา ไม่ว่าที่ใดก็ทำได้ แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงเสียสติ พระองค์อยากทรงเห็นนายท่านรองตระกูลเถาขาดใจต่อหน้าต่อตา ข้าก็ถูกบังคับจนหมดหนทาง”
“ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่าความโปรดปรานของฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ปกติเสียจริง”
“ของฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ปกติมานานแล้ว หากเขามีความปกติแม้แต่น้อย ก็คงไม่บ้าคลั่งจนปลงพระชนม์บรรดาท่านอ๋องบนแผ่นดิน”
ในหัวของเซียวอี้มีแต่ความสับสน เขาหงุดหงิดอย่างมาก
หน้าที่การงานไม่ราบรื่น ความรักก็ไม่ราบรื่น อีกทั้งยังถูกว่าที่แม่ยายรังเกียจเพียงนี้
ชีวิตนี้อยู่ไม่ได้แล้ว
จี้ซินแสเห็นเขาหงุดหงิด ดังนั้นจึงเกลี้ยกล่อม “นายน้อยอย่าได้ท้อใจไป คุณหนูสี่ไม่รู้สึกว่าท่านขัดหูขัดตา อีกทั้งยังไม่เกลียดท่าน มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากแล้ว เพียงแค่หาทางทำให้องค์หญิงจู้หยางเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อท่าน งานแต่งย่อมเป็นไปได้”
“เวลานี้เรื่องที่ข้ากลุ้มใจก็คือจะทำให้องค์หญิงจู้หยางเปลี่ยนแปลงความคิดที่มีต่อข้าอย่างไร กลอุบายคงใช้ไม่ได้ เพราะต้องถูกองค์หญิงจู้หยางเปิดโปงอย่างแน่นอน พวกแผนการช่วยคนก็ใช้ไม่ได้ อย่างไรก็จะถูกรู้ทัน”
อย่างไรก็ตาม วิธีที่คนทั่วไปสามารถคิดได้ล้วนอย่าใช้
ไม่มีผู้ใดเป็นคนโง่เขลา!
ถึงแม้จะเป็นคนโง่จริง แต่ข้างกายก็ย่อมต้องมีกุนซือที่ฉลาดตักเตือน
พวกบทบาทพุ่งออกมาช่วยคนในเวลาสำคัญ มีการฉายซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ผู้คนต่างจำได้ขึ้นใจหมดแล้ว
ในโลกนี้จะมีความบังเอิญมากมายเพียงนั้นได้อย่างไร บังเอิญประสบอันตราย บังเอิญพุ่งออกมาช่วยคน…
ความบังเอิญทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของมนุษย์ที่อยู่เบื้องหลัง!
ตระกูลเซียวไม่เคยเชื่อเรื่องความบังเอิญ!
เซียวอี้ไม่เคยประเมินความฉลาดขององค์หญิงจู้หยางต่ำ ดังนั้นเขาไม่เคยคิดจะใช้แผนการตั้งแต่แรก
เจตนาของเขาคือใช้ความจริงใจ
เพียงแต่องค์หญิงจู้หยางไม่มีทางพบเขาอย่างแน่นอน
จี้ซินแสออกความเห็นให้เขา “เชิญคนที่มีน้ำหนักมากกว่า คนที่ทำให้องค์หญิงจู้หยางไม่สามรถปฏิเสธได้เป็นพ่อสื่อแทนนายน้อย”
เซียวอี้สงสัย “มีคนเช่นนี้หรือ”
จี้ซินแสหัวเราะ “นายน้อยเป็นเชื้อพระวงศ์ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าในกลุ่มเชื้อพระวงศ์ยังบรรพบุรุษท่านหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่”
เซียวอี้กระจ่างทันที