ตอนที่ 354 ไล่ออกไป
ฤดูกาลแห่งดอกไม้ผลิบาน!
เซี่ยฮูหยินผู้เป็นนายหญิงรองแห่งตระกูลหลิงนำบุตรชายและบุตรสาว เตรียมตัวเดินทางไปเมืองหลวง
เยียนอวิ๋นเพ่ยอิจฉาอย่างมาก นางแอบบ่นกับหลิงฉางเฟิงลับหลัง “หากพวกเราก็ไปเมืองหลวงได้จะดีแค่ไหน!”
หลิงฉางเฟิงหัวเราะเสียงเย็น เขากลอกตา ไม่อยากสนใจนาง แต่ก็อดที่จะถากถางนางไม่ได้
“เจ้าอย่าฝันไปเลย! ไปเป็นตัวถ่วงในเมืองหลวงหรือ”
เยียนอวิ๋นเพ่ยขุ่นเคือง นางลืมตาขึ้นมาโต้กลับไปหนึ่งประโยค “คนที่เป็นตัวถ่วงคือท่านไม่ใช่หรือ!”
หลิงฉางเฟิงโกรธมาก จึงชี้จมูกของนางพลันต่อว่า “หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะเป็นตัวถ่วงหรือ เจ้าไม่ลองส่องกระจกดูว่าตนเองเป็นอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเพ่ยหัวเราะเสียงเย็น “ข้าก็เป็นเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นคนที่ท่านสู่ขอกลับมาโดยไม่สนความห่างไกล”
หลิงฉางเฟิงโกรธแทบตาย
“ตอนนั้นข้าช่างตาบอด เหตุใดจึงหลงกลคนอย่างเจ้า ทำให้คู่ครองดีๆ ของข้าหายไป อีกทั้งยังแต่งคนโชคร้ายอย่างเจ้ากลับมา”
“ท่านอย่ารังเกียจข้า ท่านนอกจากมีชาติกำเนิดที่ดีแล้ว มีเรื่องใดดีไปกว่าข้า พวกเราเน่าคู่เน่า เป็นเนื้อคู่ที่แท้จริง เหมาะสมกันยิ่งนัก!”
เยียนอวิ๋นเพ่ยเรียนรู้ที่จะเยาะเย้ยตนเอง ชีวิตก็ดีขึ้นอย่างมาก
ถึงแม้จะยังถูกกดขี่อยู่ รู้สึกไม่เป็นอิสระแม้แต่การหายใจ แต่นางมีความสุขขึ้นมา
อาจเป็นเพราะหลังจากจิตใจที่บิดเบี้ยวไปแล้ว ค้นหาความสุขในอีกรูปแบบพบ
โดยเฉพาะเห็นท่าทางหมดหนทางของหลิงฉางเฟิง นางก็ดีใจอย่างมาก
ทุกครั้งที่หลิงฉางเฟิงถูกโบย ล้วนเป็นช่วงเวลาที่นางมีความสุขที่สุด
เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างหาได้ยากในหนึ่งปี
หลิงฮูหยินบอกว่านางไม่ได้ทำหน้าที่ของภรรยา
แต่มันเป็นเพราะนางดีใจเกินไป ดีใจจนไม่สามารถรักษาสีหน้ากังวลได้เป็นเวลานาน นางกลัวถูกจับได้
นางยินดีที่จะถูกหลิงฮูหยินรังเกียจดีกว่าละทิ้งความสุขในใจ
นางต้องการแอบดีใจคนเดียว
หลังจากระบายความอัดอั้นตันใจแล้ว นางจึงยอมเดินเข้าห้องเพื่อทำ ‘หน้าที่’ ของภรรยา
“เหมาะสมที่สุด?” หลิงฉางเฟิงหัวเราะ “เจ้าเอาความมั่นใจมาจากที่ใด คิดว่าข้าเหมาะสมกับเจ้าที่สุด เจ้าคู่ควรกับข้าหรือ”
เยียนอวิ๋นเพ่ยยิ้มให้เขาอย่างได้ใจ “แม้จะไม่คู่ควร แต่ข้าก็มีบุตรให้กับท่าน บุตรของข้าเป็นบุตรคนโตของท่าน หลิงฉางเฟิง นอกจากข้า หญิงใดมีบุตรกับท่าน ไม่ว่าท่านจะรักเพียงใดก็เป็นได้แค่บุตรคนรอง แม้วันหนึ่งข้าตายไป ท่านแต่งงานกับหญิงอื่น บุตรที่เกิดมาก็เป็นแค่บุตรคนโตของภรรยาใหม่ ฐานะต่ำหว่าบุตรของภรรยาเดิม”
หลิงฉางเฟิงหมอบตัวหัวเราะอยู่บนเตียง
หลังจากหัวเราะ เขามองอีกฝ่าย พลันพูดเสียดสี “พูดไปพูดมา เจ้าก็สนใจแค่ชาติกำเนิด สนใจแค่ฐานะ เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมจากฐานะในตระกูลเยียนมากเพียงใดกัน หากข้าจำไม่ผิด เจ้าก็กำเนิดจากภรรยาเอก เป็นบุตรสาวที่รักของบิดามารดาเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่พอใจต่อฐานะตนเองเช่นนี้
อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว ถึงแม้เจ้าจะกำเนิดจากภรรยาเอก แต่เป็นภรรยาเอกจากบ้านรอง บุตรสาวจากอนุภรรยาในบ้านใหญ่ตระกูลเยียนยังมีฐานะสูงส่งกว่าเจ้า มิน่าเจ้าจึงไม่พอใจเพียงนี้ โดยเฉพาะถึงแม้เจ้าจะถูกองค์หญิงจู้หยางรับเลี้ยงแล้ว แต่องค์หญิงจู้หยางไม่ยอมรับเจ้า เจ้าไม่อาจขอความช่วยเหลือได้แม้แต่น้อย
ไม่ว่าบิดามารดาจะรักเจ้าเพียงใดก็ไม่อาจช่วยเหลือเจ้าได้ เพราะว่าบิดามารดาผู้ให้กำเนิดของเจ้า ไม่กล้าเอ่ยปากแม้แต่น้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลหลิง เพราะว่าบิดามารดาของเจ้าไม่มีคุณสมบัติหนุนหลังเจ้า น่าสงสาร…”
“ผู้ใดบอกว่าข้าน่าสงสาร!”
เยียนอวิ๋นเพ่ยโต้แย้งเสียงดัง “ถึงแม้ท่านจะดูถูกข้า ข้าก็เป็นมารดาของบุตรท่าน เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหลิง ข้าเป็นบุตรสาวบ้านรองตระกูลเยียนที่ถูกคนรังเกียจ แต่ข้าก็ได้เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหลิงไม่ใช่หรือ อีกทั้งยังเป็นสะใภ้บ้านใหญ่ตระกูลหลิง บุตรสาวตระกูลชั้นสูงที่สูงส่งเหล่านั้นก็ยังต้องเรียกข้าว่านายหญิงน้อยเมื่อพบข้า ปฏิบัติต่อข้าด้วยความเกรงใจ”
หลิงฉางเฟิงหัวเราะพลันโบกมือ “ตามใจเจ้าเถิด! เจ้าได้ใจต่อไปได้ แต่อย่ามาได้ใจต่อหน้าข้า ข้าไม่อยากเห็นใบหน้าของเจ้าจากใจจริง”
“ท่านไม่อยากเห็นหน้าข้า แต่ก็มีบุตรกับข้าไม่ใช่หรือ”
“เจ้าวางใจ ต่อจากนี้รับรองว่าข้าจะไม่มีบุตรกับเจ้าอีก”
หลิงฉางเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เยียนอวิ๋นเพ่ยโกรธอย่างมาก
นางถาม “ท่านไม่มีบุตรกับข้า ท่านจะมีบุตรกับผู้ใด”
หลิงฉางเฟิงหัวเราะ “เรือนหลังมีสตรีมากมาย ข้าอยากมีกับผู้ใดก็มีกับผู้นั้น ข้าว่าเจ้าจำเป็นหรือ พวกเราต่างไม่ชอบหน้ากัน เหตุใดเจ้ายังคิดจะขึ้นเตียงกับข้า เจ้ามีบุตรแล้วไม่ใช่หรือ”
มันเอามารวมกันได้หรือ
เยียนอวิ๋นเพ่ยบิดผ้าเช็ดมือ “ท่านขาดการสั่งสอน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง กำปั้นก็กระทบลงบนบาดแผลของหลิงฉางเฟิง
เขาร้องโอดโอยเสียงดัง เกือบจะกระโดดลุกขึ้นจากเตียง
เยียนอวิ๋นเพ่ยก่อเรื่องแล้วย่อมไม่ยอมอยู่ต่อ นางลุกขึ้นวิ่งหนีไป!
หลิงฉางเฟิงตะโกนเสียงดัง “แน่จริงเจ้าอย่ากลัวสิ!”
เหลือเพียงความเงียบสงัด ไม่มีผู้ใดตอบเขา
หลิงฉางเฟิงโกรธจนทุบเตียง
สักพัก เมื่อเขาระงับความโกรธได้แล้ว บ่าวรับใช้จึงเดินเข้ามาจากด้านนอก “รายงานนายน้อย นายหญิงวิ่งหนีไปแล้ว”
“รู้แล้ว! ชักช้า!”
น่าโมโหยิ่งนัก
เยียนอวิ๋นเพ่ยนับวันยิ่งใจกล้า บังอาจลงไม้ลงมือกับเขา
เฮอะๆ…
หรือมันจะเป็นประเพณีของสตรีตระกูลเยียน แต่ละคนล้วนชอบใช้ความรุนแรง
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงความหวาดกลัวที่มีต่อเยียนอวิ๋นเกอ เขาหงุดหงิดอย่างมาก
ความจริงแล้วเขาก็สำนักผิดในบางครั้ง
หากตอนนั้นตนเองไม่ได้กระทำความผิด แต่งงานกับเยียนอวิ๋นเฟย ชีวิตจะไม่เหมือนเดิมหรือไม่
เมื่อได้ยินว่าหลังจากเยียนอวิ๋นเฟยมีบุตร นางมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในตระกูลสือ
ผู้หญิงที่แข็งแกร่งเพียงนี้ คงมีความสามารถปะทะกับพี่สะใภ้ใหญ่ เซี่ยฮูหยิน!
สถานการณ์นั้นย่อมน่าชมยิ่งนัก
ให้เยียนอวิ๋นเฟยสั่งสอนเซี่ยฮูหยินอย่างหนัก
เฮ้อ…
ทำได้เพียงแค่คิด เพราะว่าทุกสิ่งไม่อาจเกิดขึ้นจริง
หรือว่าชีวิตนี้เขาต้องพัวพันอยู่กับเยียนอวิ๋นเพ่ยไปตลอดหรือ
ไม่เอา!
จะมีวิธีใดที่จะสลัดเยียนอวิ๋นเพ่ยพ้นกัน
…
องค์หญิงจู้หยางเซียวฮูหยินออกจากจวนไปสักการะ
ฤดุใบไม้ผลิของเมืองหลวงมาช้า ทางตอนใต้เต็มไปด้วยสีเขียวขจีแล้ว เมืองหลวงยังมีแต่สีเหลือง
อาจมีสีเขียวเล็กน้อยในบางที มันโดดเด่นอย่างมากท่ามกลางสีเหลือง ทำให้คนรู้สึกดีใจ
“ฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว!” นางพูดเสียงเบา
สาวรับใช้ดึงชุดนุ่นบนตัวให้แน่นขึ้น
ถึงแม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศยังคงหนาวเย็น
ราวกับยังอยู่ในฤดูหนาว
“ฤดูหนาวปีนี้เย็นเสียจริง! นี่ผ่านจิงเจ๋อมาแล้ว แต่ยังถอดชุดนุ่นไม่ได้อีก”
เซียวฮูหยินเปิดม่านรถขึ้น มองออกไปด้านนอก “ปีนี้คงไม่ขาดแคลนน้ำฝน แต่อากาศหนาวเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ”
ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่มันจะส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิอย่างแน่นอน
เซียวฮูหยินถามเยียนอวิ๋นเกอ “ปีนี้เรือนพักร่ำรวยเป็นอย่างไรบ้าง เพาะปลูกได้ราบรื่นหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอตอบอย่างมั่นใจ “ไม่มีปัญหา! ขุดคูคลอง สร้างเขื่อนแล้ว มีน้ำฝนที่เพียงพอ การเพาะปลูกจะราบรื่นอย่างแน่นอน”
เซียวฮูหยินวางใจ
แม่ลูกสองคนนั่งรถม้ามาถึงเชิงเขาวัดไป๋อวิ๋น
หลังจากนั้นเดินเท้าขึ้นเขาไปสักการะ
วัดไป๋อวิ๋น ตอนนั้นเนื่องจากเถาชี “ป่วยหนัก” อย่างไม่ทราบสาเหตุในที่นี้ สุดท้ายตายไป ทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสีย เงียบเหงาไประยะเวลาหนึ่ง
จนกระทั้งเรื่องของเถาชีผ่านพ้นไป ผู้คนลืมเลือนไปหมดแล้ว วัดไป๋อวิ๋นก็โด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง
เซียวฮูหยินไม่ชอบไปศาลหลักเมือง นางชอบวัดไป๋อวิ๋นมากกว่า
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาเงียบเหงาที่สุดของวัดไป๋อวิ๋นก็ไม่มีผลการสักการะของนาง
นางชอบความงดงามประณีตของวัดไป๋อวิ๋น
ศาลหลักเมืองมีกลิ่นอายความเป็นตลาดมากเกินไป ทุกครั้งที่เหยียบเข้าศาลหลักเมือง นางมักรู้สึกแตกต่าง ทำให้นางอึดอัด
สักการะและอธิษฐานด้วยจิตศรัทธา
ภายในใจท่องคาถาพุทธอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้น ถวายเงินทำบุญจำนวนมาก ทำให้พระสงฆ์ที่มารับแขกยิ้มด้วยสีหน้าเบิกบาน ปรนนิบัติด้วยความใส่ใจยิ่งขึ้น
เมื่อมาถึงวัดไป๋อวิ๋น ย่อมต้องรับประทานอาหารเจของวัดไป๋อวิ๋น
อาหารเจรสชาติดีเยี่ยม เป็นสิ่งที่ทำให้วัดไป๋อวิ๋นโด่งดังขึ้นมา
แขกจากทางไกลมากมายยอมเสียเวลาเดินทางนับพันลี้มายังวัดไป๋อวิ๋น ก็เพื่อชิมรสชาติอาหารเจของวัดไป๋อวิ๋น
เซียวฮูหยินมีความคาดหวังอย่างมาก นางไม่ได้รับประทานอาหารเจของวัดไป๋อวิ่นมาเป็นเวลานานแล้ว
นางกลัวอวิ๋นเกอเบื่อหน่าย จึงพูดขึ้น “ห่างจากเวลากินข้าวยังอีกสักพัก ข้าไม่ต้องการคนอยู่ด้วย เจ้าไปเดินเล่นที่เขาด้านหลังค่อยกลับมา ทิวทัศน์ที่เขาด้านหลังคงงดงามไม่น้อยในเวลานี้”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ข้าจะอยู่กับท่านแม่ ด้านนอกมีลม อากาศหนาว ข้ากลัวหนาว”
สาวรับใช้ล้วนหัวเราะออกมา
คุณหนูสี่เป็นคนที่ไม่กลัวหนาวที่สุดในจวน
อากาศหนาวยังเป่าลมอยู่บนหลังคา อีกทั้งยังไม่ลืมไปตกปลาที่บ่อ
มันคือจิตวิญญาณใดกัน
มันคือจิตวิญญาณของการไม่กลัวความหนาว!
คนไม่กลัวหนาวกลับบอกว่าตัวเองกลัวหนาวขึ้นมา มันย่อมต้องเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในปีนี้
เซียวฮูหยินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ จึงโบกมือไล่นาง
“ไปๆ อย่ามาเกะกะต่อหน้าข้า ไปเดินเล่นด้านนอกรอบหนึ่งค่อยกลับมากินอาหารเจ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่เฉยไม่ได้”
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม “ข้าออกไปเดินเล่นก่อน ไม่สร้างปัญหาให้ท่านแม่ หากท่านแม่ต้องการสิ่งใด ข้าไปนำมาให้”
เซียวฮูหยินยิ้ม “เจ้าอย่าคิดจะตกปลาในวัดไป๋อวิ่นเชียว”
“ท่านแม่วางใจ ปลาในวัดไป๋อวิ๋นถูกเลี้ยงจนโง่แล้ว ข้าไม่อยากได้แม้แต่น้อย อีกไม่กี่วัน รออากาศอุ่นขึ้นมา ข้าจะไปตกปลาด้านนอก”
พูดจบ เยียนอวิ๋นเกอก็พาคนออกจากห้องไปเดินเล่นที่ภูเขาด้านหลัง
อากาศหนาวเย็นมา ฤดูนี้พูดตามความจริง หลังเขาของวัดไป๋อวิ๋นก็ไม่มีสิ่งใดน่าดู มีแต่สีเหลือง
โชคดีที่ภูเขาด้านหลังของวัดไป๋อวิ๋นชัน การปีนเขาก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่น้อย
…
เซียวฮูหยินดื่มชา ไม่ยอมขยับเขยื้อน
อากาศแบบนี้เหมาะกับการนอนอยู่ในห้อง
องครักษ์เคาะประตู กระซิบกับหญิงรับใช้
หลังจากนั้นชั่วครู่ หญิงรับใช้มาถึงข้างตัวของเซียวฮูหยิน พูดเสียงเบา “รายงานองค์หญิง มีคนมาเยือน!”
เซียวฮูหยินลืมตาขึ้นเล็กน้อย “ผู้ใดมาเยือน วันนี้ข้าออกจากจวน ไม่ได้บอกผู้ใดมาก่อน เหตุใดจึงมีคนมาเยือน”
หญิงรับใช้พูดอย่างระมัดระวัง “นายน้อยอี้แห่งจวนท่านอ๋องตงผิงมาเยือนเจ้าค่ะ”
เมื่อเซียวฮูหยินได้ยิน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางพูดด้วยเสียงขุ่นเคือง “เขาบังอาจไล่ตามมาถึงที่นี่ ช่างรังแกกันเสียจริง ให้องครักษ์ขับไล่เขาออกไป แม้แต่ข้ายังกล้าล่วงเกิน เขากินหัวใจหมีตับเสือเข้าไปหรือ”
“องค์หญิงระงับความโกรธ! ขับไล่เขาออกไปง่าย แต่กลัวจะเอิกเกริกเกินไปจนทำให้ผู้อื่นที่มาสักการะตกใจ กลัวจะถูกนินทาเอา”
เซียวฮูหยินขมวดคิ้ว
“ก็จริง จะให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะไม่ได้ ไปเชิญเขาเข้ามา ข้าอยากจะรู้ว่าเขาจะพูดสิ่งใด”