ตอนที่ 355 เวลาหนึ่งปี
เซียวอี้มีบุคลิกที่องอาจห้าวหาญ ช่างเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!
ใบหน้าของเขางดงามอย่างมาก ทำให้คนหวั่นไหว
เพียงแต่เวลานี้ ในใจของเขาเป็นกังวลอย่างมาก
เผชิญหน้ากับว่าที่แม่ยายโดยตรง เขาย่อมเกิดความกังวลอย่างหาได้ยาก
หากเรื่องไม่ราบรื่น ว่าที่แม่ยายก็จะเป็นว่าที่ไปตลอดกาล หรืออาจจะเป็นชาติหน้า
จะสู่ขอเยียนอวิ๋นเกอสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับคราวนี้
แน่นอนถึงแม้วันนี้จะล้มเหลว เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้ ยิ่งไม่มีทางยอมรับชะตากรรม
เขาจะหาทางสู่ขอเยียนอวิ๋นเกอกลับจวนต่อไป
เหตุใดจึงดื้อรั้นเพียงนี้
เหตุใดจึงต้องเป็นเยียนอวิ๋นเกอ
เซียวอี้ก็ไม่อาจให้คำตอบที่ชัดเจนกับตัวเองได้
เขารู้เพียงเยียนอวิ๋นเกอกำลังดึงดูดเขา ทำให้เขาคิดถึง
ไม่เคยมีสตรีนางใดทำให้เขานึกถึงเพียงนี้มาก่อน
เขาคิดว่ามันคงเป็นความคิดที่อยากจะแต่งงานมีภรรยา!
หากเป็นเช่นนั้นก็สู่ขอนางกลับจวนเสียเลย
สร้างเป็นครอบครัว เห็นอยู่ทุกวัน ในใจย่อมจะไม่คิดถึง
เมื่อนึกถึงว่าจะได้สร้างครอบครัวกับเยียนอวิ๋นเกอ เขาก็รู้สึกแอบดีใจ อีกทั้งยังคิดจะโอ้อวด
โดยเฉพาะอยากวิ่งไปโอ้อวดต่อหน้าหลิงฉางจื้อ
ฮ่าๆๆ…
ประตูห้องถูกเปิดออก
เขาสูดลมหายใจเข้า จัดระเบียบเสื้อผ้า เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าน้อยถวายบังคมองค์หญิง!”
เขาโน้มตัวคำนับด้วยพิธีเต็มรูปแบบ ไม่อาจติเตียนได้แม้แต่น้อย
อย่างน้อยเขาก็เป็นนายน้อยจวนอ๋อง ได้รับการศึกษาที่ดีแต่เด็ก
แม้เขาจะกระทำการอย่างไร้ความเกรงกลัว ไม่เท่ากับเขาไม่รู้พิธี
เขารู้หมด!
เพียงแต่จะปฏิบัติตามหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา
บทกวี บทกลอน เขาก็รู้ อาจารย์ยังเคยชื่นชมถึงความเข้าใจของเขา
เพียงแต่เขาไม่ได้ศึกษาให้ลึกซึ้งลงไป อีกทั้งไม่ได้เดินบนเส้นทางของบัณฑิต
นายน้อยจวนอ๋องศึกษาตำราไม่มีอนาคต ไม่มีหนทางราชการ
มีเพียงเดินบนเส้นทางของแม่ทัพจึงจะมีแผ่นดินของตนเอง
เขารู้หลักการนี้ตั้งแต่ยังเด็ก อีกทั้งมั่นใจเส้นทางที่จะเดินในอนาคต
ดังนั้น เขาจึงเริ่มฝึกฝนศิลปะการต่อสู้
ชีวิตที่อยู่ในจวนอ๋อง ครึ่งวันเรียนวิชาการ อีกครึ่งวันเรียนศิลปะการต่อสู้
อาจารย์ยังเคยเสียดายที่เขาเลือกเรียนศิลปะการต่อสู้
ต่อมา เขาหนีออกจากบ้าน จึงหยุดชะงักในการเรียนบทกวี
โชคดีที่สองปีนี้ เขาหยิบตำราขึ้นมาอีกครั้ง พยายามฝึกฝนการเขียนทุกวัน
แม้แต่จี้ซินแสยังบอกว่าตัวอักษรของเขามีรูปแบบของตนเองแล้ว สามารถไปเข้าร่วมชุมนุมบทกวี ทำให้บัณฑิตเหล่านั้นตกใจ
การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มีข้อดีต่อการฝึกฝนการเขียนของเขา
ตัวอักษรของเขาไม่ขาดแคลนความทะนง ไม่ขาดความคมคาย
แต่ละเส้นแต่ละขีดล้วนมาจากการใช้ชีวิตในค่ายทหาร
เขาหลอมรวมความรู้สึกของตนเองที่มีต่อชีวิตเข้าไปในตัวอักษร มันจึงเป็นผลงานการเขียนที่มีคุณสมบัติ
ความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ
สิ่งสำคัญคือวันนี้เขาจะทำให้องค์หญิงจู้หยาง ว่าที่แม่ยายประทับใจอย่างใจ
“นั่งลงเถิด!”
องค์หญิงจู้หยางเซียวฮูหยินเอนพิงอยู่บนเตียงหลัวฮั่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เซียวอี้โน้มตัวเล็กน้อย นั่งลงทางด้านซ้าย
เซียวฮูหยินมองพินิจเขาอย่างเงียบๆ
ไม่พบมานานหลายปี ราวกับเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในดวงตาของเขาลดความยโสลง ทำให้ดูสุขุมมากขึ้น ท่าทีมีความรับผิดชอบมากขึ้น
ท่าทางนี้กลับทำให้คนไม่รู้สึกเกลียด
เพียงแค่เมื่อนึกถึงอดีตที่ไม่ดีของเซียวอี้ เซียวฮูหยินยังคงไม่ชอบใจเขา
นางหัวเราะเสียงเบา “นานทีจะพบเจ้า! เหตุใดวันนี้จึงบังเอิญเช่นนี้ ไม่คิดว่าจะพบเจ้าที่วัดไป๋อวิ๋น หลายปีนี้เจ้าสบายดีหรือไม่! ได้ยินว่าเจ้ากลับจวนท่านอ๋องตงผิงแล้ว น่ายินดีเสียจริง!”
เซียวอี้โน้มตัวเล็กน้อย “ขอบพระคุณองค์หญิงที่เป็นห่วง ไม่ปิดบังองค์หญิง ข้าตั้งใจติดตามอยู่ด้านหลังพวกท่านมายังวัดไป๋อวิ๋น เพื่อที่จะได้พบกับองค์หญิง”
เซียวฮูหยินประหลาดใจเล็กน้อย นางยิ้ม “เจ้าซื่อตรงนักที่ยอมรับว่าตามข้ามายังวัดไป๋อวิ๋น พูดจุดประสงค์ของเจ้ามา!”
เซียวอี้เงยหน้ายืดอกขึ้นให้สมกับเป็นบุรุษ
เขาพูดอย่างจริงจัง “ต่อหน้าองค์หญิง ข้าไม่โกหกหลอกลวง ซื่อตรงคือท่าทีของข้า”
เซียวฮูหยินยิ้ม แต่ไม่ตอบโต้
เซียวฮูหยินกลับส่ายหน้า “ข้าไม่รู้เจตนาของเจ้า! หลายปีนี้ ข้าไม่เคยสนใจสถานการณ์ของเจ้า จะรู้ความคิดของเจ้าได้อย่างไร”
เซียวอี้หัวเราะเยาะตนเอง “เป็นความผิดของข้าที่คิดไปเอง วันนี้ข้ามาเยือนเพื่อแสดงความจริงใจของข้า ข้าอยากสู่ขอคุณหนูอวิ๋นเกอเป็นภรรยา ขอองค์หญิงโปรดอนุญาต”
สีหน้าของเซียวฮูหยินดำทะมึน “อย่าได้เอ่ยถึงชื่อของอวิ๋นเกอ ข้าไม่ชอบที่จะได้ยินชื่อของอวิ๋นเกอจากปากเจ้า การพูดคุยต่อมา หากเจ้ารับปากเรื่องนี้ได้ ข้าจะไม่ไล่เจ้าออกไป อีกทั้งยังจะฟังเจ้าพูด มิฉะนั้น ข้าจะสิ้นสุดการสนทนาบัดนี้”
เซียวอี้ยิ้มขมขื่น พยักหน้าอย่างหนัก “ข้ารับปากองค์หญิง ไม่เอ่ยถึงชื่อของคุณหนูสี่”
เซียวฮูหยินสูดลมหายใจเข้า “ท่าทีของข้าชัดเจนอย่างมากแล้ว ข้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้แต่แรก ไม่มีทางยกบุตรสาวให้เจ้า เชื่อว่าจี้ซินแสรวมทั้งบรรพบุรุษได้บอกเรื่องนี้แก่เจ้าอย่างกระจ่างแล้ว เหตุใดเจ้ายังต้องตามตื๊อ ไล่ตามถึงวัดไป๋อวิ๋น ข้านานทีจะได้มีเวลาว่าง แต่เจ้ากลับทำลายมัน”
อารมณ์นางไม่ดี มีความไม่พอใจอย่างมาก
หากไม่ใช่การสั่งสอนที่ทำให้นางต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีมารยาท นางคงขับไล่เซียวอี้ออกไปนานแล้ว
เซียวอี้โน้มตัวขอโทษ “รบกวนวันว่างขององค์หญิง เป็นความผิดของข้า เพียงแต่ข้ากลัวว่าหากพลาดวันนี้ไป ต่อจากนี้ยากที่จะหาโอกาสพูดคุยต่อหน้ากับองค์หญิง ข้าเคยส่งเทียบไปเพื่อเยือนองค์หญิง สุดท้ายถูกองค์หญิงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
ขอองค์หญิงโปรดให้อภัยการเสียมารยาทของข้า ข้าเป็นคนที่มุ่งมั่นแต่เด็ก เมื่อตัดสินใจแล้ว ไม่ว่ายากเพียงใดก็จะดิ้นรน ข้าอยากแต่งงานกับคุณหนูสี่ด้วยความจริงใจ ไม่ได้ต้องการฉวยโอกาส หรือเพื่อสมบัติและสินสอด สมบัติที่ข้าสั่งสมลงมาในหลายปีนี้ ทั้งโฉนดที่ดินและบัญชีล้วนรวมอยู่ตรงนี้ ขอองค์หญิงโปรดผ่านตา!”
เขาหยิบหนังสือสัญญารวมทั้งบัญชีออกมาหนึ่งปึก
โน้มตัว มอบด้วยสองมือ
เซียวฮูหยินไม่ขยับ
นอกจากนี้นางยังขุ่นเคืองเล็กน้อย
เตรียมการเอาไว้ก่อนแล้วเสียจริง แม้แต่สมบัติก็เปิดเผยออกมา
เพื่อบรรลุเป้าหมาย เขาไม่สนใจวิธีการเสียจริง
นางรังเกียจเล็กน้อย อารมณ์ก็ขึ้นลงไม่แน่นอน
แม่นมคนสนิทที่อยู่ด้านข้างมองซ้ายมองขวา พลันเรียกขานเสียงเบา “องค์หญิง?”
เซียวฮูหยินไม่ส่งเสียง
ดังนั้นแม่นมคนสนิทจึงเดินขึ้นหน้า รับหนังสือสัญญาและบัญชีจากในมือของเซียวอี้มา
“ขอองค์หญิงโปรดผ่านตา!”
เซียวฮูหยินกวาดตามอง พลันส่งเสียงไม่พอใจ
อายุน้อยแต่กลับมีสมบัติถึงเพียงนี้ น่าชื่นชมเสียจริง เป็นเด็กหนุ่มที่มีความสามารถ
เพียงแต่นางไม่ต้องการ!
บุตรสาวของนางไม่ขาดสิ่งเหล่านี้
เวลานี้ เซียวอี้พูดอย่างจริงจัง “หากสามารถสู่ขอคุณหนูสี่ได้ หลังแต่งงาน สิ่งเหล่านี้ล้วนมอบให้นางจัดการ ทุกเรื่องให้นางตัดสินใจ”
เซียวฮูหยินเลิกคิ้ว กวาดตามองแม่นมคนสนิท
แม่นมคนสนิทเข้าใจทันที นางนำสัญญาและบัญชีบรรจุไว้ในกล่อง คืนให้แก่เซียวอี้
“นายน้อยเก็บไว้ให้ดี!”
เซียวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ยอมยื่นมือออกไปรับ
สุดท้ายแม่นมคนสนิทต้องยัดใส่มือของเขา จากนั้นถอยกลับไปยืนที่เดิม
เซียวอี้เงยหน้าขึ้น “ไม่ปิดบังองค์หญิง นี่คือสมบัติของข้าทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นความจริงใจของข้า ข้าออกจากจวนแต่เด็ก ถึงแม้จะกลับจวนอ๋องอีกครั้ง แต่ทุกสิ่งในจวนอ๋องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า ข้าก็ไม่เคยคิดแบ่งมรดกกับบรรดาพี่น้อง”
“ทุกสิ่งที่ข้ามีในเวลานี้ล้วนสั่งสมจากช่วงเวลาที่ข้าออกจากจวน ล้วนอยู่ตรงนี้ทั้งหมด สิ่งเหล่านี้คือความจริงใจของข้า ข้าไม่มีมารดาสั่งสอนแต่เด็ก ท่านพ่อก็ไม่ชอบข้า ไม่มีผู้ใดสอนวิธีทำให้ผู้อื่นประทับใจแก่ข้า วิธีที่จริงใจที่สุดเท่าที่ข้าคิดได้ก็คือมอบสิ่งที่ตัวเองมีทั้งหมดเพื่อแสดงความจริงใจ!”
เซียวฮูหยินวางถ้วยชาลง “ข้าไม่เคยรังเกียจความจริงใจของเจ้า อีกทั้งยังเคยประทับใจกับความอดทนของเจ้า สาเหตุที่ข้าไม่ยอมตกลงเรื่องแต่งงานนี้ ไม่เกี่ยวกับว่าเจ้าจะรวยหรือจน จะเป็นนายน้อยจวนอ๋องหรือไม่
ข้าคัดค้านเรื่องการแต่งงาน เพราะเจ้าไม่ใช่คู่ครองที่ดีของบุตรสาวข้า เจ้าไม่อาจเป็นสามีที่ดี บิดาที่ดี! เจ้าเป็นคนจิตใจเย็นชาแต่กำเนิด เรียกได้ว่าไร้หัวใจ เจ้าไม่รู้จักความรัก ไม่รู้ว่าสิ่งใดคือครอบครัว ไม่มีสิ่งใดคือญาติ เจ้าที่เป็นเช่นนี้จะมอบความสุขให้บุตรสาวข้าได้อย่างไร ข้ากลัวบุตรสาวข้านอนหลับแล้ว เจ้าจะฆ่านางทิ้ง”
เซียวอี้ทำหน้าฉงน
ควรจะเป็นห่วงว่าเขาจะถูกเยียนอวิ๋นเกอฆ่าทิ้งตอนหลับมากกว่าหรือไม่
เขาจะลงมือกับเยียนอวิ๋นเกอได้อย่างไร
เขากลุ้ม!
ความเข้าใจผิดนี้ใหญ่โตยิ่งนัก!
เขาสูดลมหายใจเข้า พูดอย่างตรงไปตรงมา “เห็นได้ชัด ไม่ว่าเวลานี้ข้ารับปากว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร องค์หญิงก็ไม่มีทางเชื่อ แต่ข้ายังคงยืนกรานการตัดสินใจของตัวเอง ไม่เปลี่ยนแปลงเจตนาเดิม ข้าอยากสู่ขอคุณหนูสี่เป็นภรรยา แต่ก่อนใช่ เวลานี้ใช่ อนาคตยิ่งใช่
ข้าเป็นคนจิตใจเย็นชาก็จริง อีกทั้งยังไม่รู้ว่าสิ่งใดคือครอบครัว สิ่งใดคือญาติ แต่ข้าขอให้องค์หญิงให้โอกาสข้า ข้ามีความคิดที่จะแต่งงานมีบุตร สร้างครอบครัวของตนเองเป็นครั้งแรกเพราะคุณหนูสี่ ข้าแอบยิ้ม แอบดีใจลับหลังครั้งแรกก็เพราะคุณหนูสี่ ข้ารู้จักว่าสิ่งใดคืออิจฉาเป็นครั้งแรกก็เพราะนาง
ข้ามั่นใจอย่างมากว่าข้าอยากแต่งงานกับนาง ให้นางทุกอย่าง แม้ข้าจะไม่ใช่คนดี ชื่อเสียงก็ไม่ดี ไม่รู้จักการเข้าหาคน น่ารังเกียจ แต่ข้ามีความจริงใจและความมุ่งมั่น!
หากแข่งขันความมุ่งมั่นและความอดทน ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าไม่เคยพ่ายแพ้ คราวนี้ก็เช่นกัน! ข้าจะอดทนยิ่งกว่าผู้อื่น อดทนจนองค์หญิงเปลี่ยนใจ อดทนจนวันที่นางออกเรือน ไม่ว่าอย่างไร ขอองค์หญิงโปรดให้โอกาสข้าด้วย!”
เซียวฮูหยินขมวดคิ้วมุ่น
นางเกลียดคนที่ตามตื๊อ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนใจที่สุด
คนแบบนี้ล้วนมีนิสัยดื้อรั้น เมื่อตัดสินใจแล้ว ควายสิบตัวก็ลากไม่กลับ
เรื่องนี้คล้ายคลึงกับอวิ๋นเกอไม่น้อย
“เจ้าบอกให้ข้าให้โอกาสเจ้า ข้าไม่เข้าใจว่าต้องให้โอกาสใดกับเจ้า เจ้าคงไม่อาจให้ข้ายกบุตรสาวให้เจ้าบัดนี้ จากนั้นพวกเจ้าลองคบกันดู หากไม่เหมาะสมก็แยกย้าย เหลวไหลสิ้นดี!”
เซียวอี้ส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าแค่อยากให้องค์หญิงให้โอกาสข้าที่จะอดทนจนถึงท้ายที่สุด อย่าปฏิเสธความหวังดีของข้า ให้ข้าได้แสดงเสียบ้าง”
เซียวฮูหยินหัวเราะ “เจ้ากำลังบังคับคน! บุตรสาวข้าไม่ได้แต่งไม่ออก ไม่ใช่ต้องแต่งกับเจ้าเท่านั้น เหตุใดเจ้าจึงไม่ถอดใจ สู่ขอผู้อื่นแทน”
“ข้าอยากแต่งงานกับคุณหนูสี่เท่านั้น!”
“เด็กๆ มักชอบใช้ความรู้สึกและอารมณ์ในการทำเรื่องต่างๆ เจ้าก็ไม่ยกเว้น ข้าหวังว่าเจ้าจะสงบสติ อย่ารีบตัดสินใจ”
“องค์หญิงให้เวลาข้าหนึ่งปีได้หรือไม่ หลังจากหนึ่งปีแล้ว หากข้ายังไม่ได้รับการยอมรับจากองค์หญิง ไม่ได้รับการยอมรับจากคุณหนูสี่ ข้าจะถอยเอง ไม่เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานอีก”