ตอนที่ 357 หัวรั้น
ในที่สุดฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ก็หลับลงภายใต้ฤทธิ์ยา
ฮองเฮาจ้งซูอวิ้นกังวลใจอย่างมาก สีหน้าเต็มไปด้วยความกลุ้มใจ
นางมองเซียวเฉิงอี้ที่หลับสนิทด้วยความสงสารจับใจ เขาผอมจนใบหน้าซูบซีด
นางถามหลัวเสี่ยวเหนียน “ฝ่าบาททรงเป็นเช่นนี้มานานเพียงใดแล้ว”
หลัวเสี่ยวเหนียนทูลตอบอย่างระมัดระวัง “ทูลฮองเฮา ฝ่าบาทไม่ทรงพักผ่อนให้ดีเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว มักจะตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย”
นางขมวดคิ้ว “สถานการณ์แย่เพียงนี้เชียวหรือ”
หลัวเสี่ยวเหนียนส่ายหน้า “กระหม่อมไม่ทราบ!”
นางถอนหายใจแล้วเงียบไปชั่วขณะ “ปรนนิบัติฝ่าบาทให้ดี ข้าจะมาใหม่ในภายหลัง”
นางออกจากตำหนักซิงชิ่งไป พลันรับสั่งให้คนไปเชิญองค์หญิงเฉิงหยางผู้เป็นมารดาเข้าวัง
…
องค์หญิงเฉิงหยางเดินทางมายังตำหนักเว่ยยางอย่างอารมณ์ดี
จ้งซูอวิ้นไม่พอใจเล็กน้อย “โจรกบฏแทบจะบุกเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว ท่านแม่ยังยิ้มออกอีก”
องค์หญิงเฉิงหยางผงะไป จากนั้นถามขึ้น “ผู้ใดทำให้เจ้าไม่พอใจจนมาโมโหใส่ข้า มีสาวรับใช้ชั้นต่ำนางใดพูดเหลวไหลอยู่ข้างหูเจ้าใช่หรือไม่”
“ท่านแม่เข้าใจผิดแล้ว! ข้าขอโทษท่านแม่”
พูดจบ จ้งซูอวิ้นก็ถอนหายใจ พูดด้วยความกังวล “ฝ่าบาทไม่ได้ทรงพักผ่อนให้ดีมากว่าครึ่งเดือนแล้ว วันนี้พระองค์ทรงอดทนต่อไปไม่ไหว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาจึงบรรทมลงได้ ข้ากังวลใจอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พระวรกายของฝ่าบาทจะรับไม่ไหว ท่านแม่มีวิธีใดที่จะช่วยฝ่าบาทได้บ้าง”
องค์หญิงเฉิงหยางนั่งอยู่บนพื้น ส่งเสียงไม่พอใจ “เจ้าให้ข้าช่วยเขาอย่างไรอีก ขาดเสบียง ข้าบริจาคเสบียง สำนักเซ่าฝู่ไม่มีเงิน บิดาของเจ้าเหน็ดเหนื่อยกับการหารายได้ ย้ายนั่นยืมนี่ จึงรวบรวมเสบียงอันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกองทัพใหญ่ของราชสำนักได้
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ราษฎรก่อกบฏ อีกทั้งยังไม่อาจทำให้การเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิล่าช้า ท่านพ่อเจ้ายอมลดเกียรติของตนเอง ยืมคนยืมรถม้าจากตระกูลขุนนางทั้งหลายไปลำเลียงเสบียงไปทางเหนือ เจ้ารู้หรือไม่ นับแต่ท่านพ่อเจ้ารับตำแหน่งหัวหน้าสำนักเซ่าฝู่ เขาต้องติดหนี้บุญคุณมากน้อยเพียงใด หนี้บุญคุณเหล่านี้ อนาคตย่อมต้องให้ท่านพ่อเจ้าใช้คืน!”
จ้งซูอวิ้นตะกุกตะกัก แต่นางยังคงถามด้วยความหน้าไม่อาย “นอกจากรวบรวมเงินและเสบียงแล้ว ยังมีวิธีอื่นแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาทหรือไม่!”
ปัง!
องค์หญิงเฉิงหยางตบมือลงบนโต๊ะ “เจ้าคิดจะผลาญเงินในจวนองค์หญิงจนหมดเพื่อมาช่วยฮ่องเต้หรือ เจ้าช่างเหลวไหล! นับแต่โบราณมา ไม่เคยได้ยินว่าการทำสงครามจะต้องใช้สมบัติส่วนตัวของขุนนางมาใช้จ่าย”
“ราชสำนักขาดรายได้…”
“แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของข้า! อีกอย่าง ข้ากับท่านพ่อเจ้าทำถึงเพียงนี้แล้ว พยายามสุดความสามารถในการช่วยแบ่งเบาความกังวลของฮ่องเต้ เจ้ายังไม่พอใจ เจ้าคิดจะบีบพวกข้าให้ตายหรือ ตระกูลเถาเคยแบ่งเบาความกังวลแทนฝ่าบาทบ้างหรือไม่ พระพันปีเถาเคยพูดสิ่งใดหรือไม่ ท่านพี่ของเจ้าเตรียมตัวไปรบที่แนวหน้าแล้ว เจ้ายังต้องการสิ่งใด”
องค์หญิงเฉิงหยางขุ่นเคืองอย่างมาก
จ้งซูอวิ้นตกตะลึง “พี่ใหญ่จะไปทำสงครามทางเหนือหรือ? เขาคิดอย่างไรกัน มีงานดีๆ ทำ เหตุใดจึงคิดจะไปทำสงครามทางเหนือ”
“ยังจะเพราะเหตุใดได้! ก็เพราะข้ากับท่านพ่อเจ้าคัดค้านการแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกอ เขาโกรธพวกข้า”
พูดถึงเรื่องนี้ องค์หญิงเฉิงหยางก็เต็มไปด้วยความโกรธ
“ข้าไม่เข้าใจ เยียนอวิ๋นเกอมีเสน่ห์อันใดกัน ทำให้พี่ใหญ่ของเจ้าต้องการที่จะแต่งงานกับนางเท่านั้น นางปฏิเสธเขาอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาก็ยังปล่อยวางไม่ได้ เพิ่งเริ่มฤดูใบไม้ผลิก็บอกว่าจะไปรบที่แนวหน้าทางเหนือตอบแทนราชสำนัก เขาเหลวไหล! เขาแค่ไม่อยากอยู่ในเมืองหลวง ไม่อยากเผชิญหน้ากับข้าและท่านพ่อของเจ้า สุดท้ายแล้ว เขาก็แค่กำลังหนี!”
องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจนดื่มน้ำชารวดเดียวจนหมด
จ้งซูอวิ้นขมวดคิ้วมุ่น “พี่ใหญ่เหลวไหล! แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา เขาช่างหัวรั้นเสียจริง เมื่อไม่ได้มาครอบครอง ภายในใจก็ระลึกถึง ยิ่งระลึกถึงยิ่งต้องการ”
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะ “ไม่เพียงพี่ใหญ่เจ้าเหลวไหล แม้แต่เซียวอี้ก็ยังหลงเยียนอวิ๋นเกอ ข้าไม่เข้าใจ เยียนอวิ๋นเกอนอกจากบริหารเงินเป็น ยังมีสิ่งใดดีอีก แต่ละคนล้วนอยากได้นาง”
“เซียวอี้ก็ต้องการเยียนอวิ๋นเกอ? ท่านแม่รู้ได้อย่างไร หรือว่าเขาอยู่ในเมืองหลวง ไม่กลัวพระพันปีฆ่าเขาหรือ”
จ้งซูอวิ้นมีแต่ความสับสนอยู่เต็มหัว
หลังจากเข้าวังมา นางก็ไม่ได้สนใจเรื่องนอกวังเหมือนแต่ก่อนแล้ว ข่าวล่าช้าไปไม่น้อย
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะ “เซียวอี้ให้คนไปสู่ขอที่จวนองค์หญิง แต่ถูกจู้หยางปฏิเสธ เขาไม่ถอดใจไป ตามตื๊ออยู่อย่างนั้น หนังหน้าหนาเสียยิ่งกว่ากำแพงเมือง บนโลกนี้ไม่มีกำแพงไม่มีลมพัดผ่าน เรื่องใหญ่เช่นนี้ย่อมปิดบังข้าไม่ได้”
จ้งซูอวิ้นไม่พอใจเล็กน้อย “ข้าไม่ได้พบเยียนอวิ๋นเกอมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่รู้นางหน้าตางดงามขึ้นถึงเพียงใด ถึงกับทำให้พี่ใหญ่และเซียวอี้หลงใหลในตัวนาง หรือในยุคสมัยนี้ พวกผู้ชายต่างไม่ชอบคุณหนูที่อ่อนโยน กลับไปชอบเด็กสาวเมื่อวานซืนที่อารมณ์ร้อนแล้วหรือ”
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะร่า คำพูดของจ้งซูอวิ้นทำให้นางรู้สึกขบขัน
หลังจากหัวเราะ นางจึงพูดขึ้น “หากพูดถึงรูปลักษณ์ของเยียนอวิ๋นเกอนั้นถือว่าดียิ่งนัก แม้แต่ข้าก็หาข้อติเตียนไม่ได้ หากจะติจริงๆ ก็คือมีความเป็นบุรุษมากเกินไป อ่อนโยนไม่พอ หากพูดถึงนิสัยของนาง เมื่อเทียบกับตอนมาเมืองหลวงก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถือว่าอ่อนโยน
ผู้ชายล้วนชอบสิ่งสดใหม่ ตั้งแต่เล็กจนโต เห็นคุณหนูที่อ่อนโยนจนเคยชินไปแล้ว ย่อมไม่ชอบใจ ทันใดนั้นเห็นหญิงสาวที่มีนิสัยแตกต่างจากกุลสตรีในเมืองหลวงขึ้นมา ย่อมมีใจอยากรู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รอพวกเขาแต่งงานก็จะรู้ แต่งภรรยาย่อมต้องหาคนที่มีเมตตา สตรีที่อ่อนโยนเหมาะกับการแต่งงานมากกว่า อย่างเยียนอวิ๋นเกอ เมื่อความสดใหม่หมดไป เกรงว่าแต่ละวันจะมีแต่ความวุ่นวายและการปะทะ อย่าคิดจะมีชีวิตที่สงบสุขแม้แต่วันเดียว พี่ใหญ่เจ้าประสบการณ์น้อยเกินไป คิดไม่ตก ดื้อรั้น ข้ากับท่านพ่อเจ้ากลุ้มใจเรื่องของเขาอย่างมาก”
จ้งซูอวิ้นรีบพูด “การทำสงครามอันตรายยิ่งนัก ต้องห้ามพี่ใหญ่เอาไว้ ไม่ให้เขาไปเสี่ยงที่แนวหน้า เพียงเพื่อเยียนอวิ๋นเกอคนเดียว ทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ต้องเป็นห่วงเขา เขาไม่รู้สึกละอายใจหรือ”
องค์หญิงเฉิงหยางถอนหายใจ “เวลานี้เขาหัวรั้น พวกเราพูดสิ่งใดเขาก็ฟังไม่เข้าหู รอก่อนเถิด รอเขาสงบลง บางทีอาจจะคิดเองได้”
“หรือว่าท่านแม่จะมองดูพี่ใหญ่มุ่งหน้าไปทำสงครามทางเหนือจริงหรือ ไม่กลัวเกิดเหตุไม่คาดฝันหรือ”
“จะไม่มีเหตุไม่คาดฝัน! ข้ากับท่านพ่อเจ้าเตรียมการเอาไว้ให้เขาแล้ว เพียงแค่องครักษ์ส่วนตัวก็มอบให้เขากว่าพันนาย ทางกองทัพเหนือข้าก็บอกกล่าวเอาไว้แล้ว ไม่มีทางมอบหมายงานที่อันตรายเกินไปให้พี่ใหญ่ของเจ้า ให้ดีก็เป็นแค่ขุนนางฝ่ายส่งกำลังบำรุง ดูแลเสบียงและราษฎร งานนี้แทบจะไม่มีอันตราย”
จ้งซูอวิ้นขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ไม่กลัวท่านพี่ทำเป็นเชื่อฟังแค่ต่อหน้าหรือ”
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะ “คำบัญชาของทหารดุจดั่งภูผา ข้าไม่เชื่อว่าพี่ใหญ่ของเจ้าจะบังอาจขัดขืนคำสั่ง เอาเถิด เรื่องพี่ใหญ่ของเจ้ามีข้ากับท่านพ่อเจ้าเป็นกังวล ส่วนเจ้าดูแลวังหลังให้ดี ดูแลพระวรกายของฝ่าบาทให้ดี เรื่องอื่นไม่ต้องกังวลใจ”
จ้งซูอวิ้นยิ้มขมขื่น “ข้าจะไม่กังวลได้อย่างไร ท่านแม่ไม่เห็นฝ่าบาทในเวลานี้ พระองค์ผอมซูบลงไปมาก ข้ากังวลว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะ…จากไปก่อนวัยอันควร!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ดวงตาของนางก็แดงก่ำ ภายในใจเศร้าโศกเป็นพิเศษ อึดอัดแทบขาดใจ
องค์หญิงเฉิงหยางไม่เชื่อนัก “ร้ายแรงเหมือนที่เจ้าพูดจริงหรือ”
จ้งซูอวิ้นพยักหน้า “มีแต่จะร้ายแรงกว่าที่ข้าพูด หากท่านแม่ไม่เชื่อ ลองถามท่านพ่อได้ ท่านพ่อย่อมรู้สถานการณ์อย่างแน่นอน”
สีหน้าขององค์หญิงเฉิงหยางหนักใจ “ดูท่าทางสถานการณ์ไม่ดีนัก! ราชสำนักประกาศต่อภายนอกว่าสงครามทางเหนือราบรื่น ได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง ดูจากเวลานี้ ชัยชนะที่ว่าก็คงเป็นชัยชนะที่มีการสูญเสียอย่างมาก สังหารศัตรูหนึ่งพัน ทำลายตนเองแปดร้อย
ปัญหาเสบียงยังจัดการง่าย ทหารที่เชี่ยวชาญในการทำสงครามคงไม่อาจมีผู้ใดทดแทนได้ ทหารใหม่ที่ถูกส่งไปยังแนวหน้าทางเหนือไม่มีแม้แต่ประโยชน์ อย่างมากก็แค่เฝ้าคูเมือง พี่ใหญ่เจ้าไปแนวหน้าในเวลานี้ช่างไม่เหมาะสม”
จ้งซูอวิ้นถามด้วยความสงสัย “ท่านพ่อไม่ได้เอ่ยถึงสถานการณ์เหล่านี้มาก่อนหรือ”
“เจ้าก็รู้ ท่านพ่อเจ้าพูดน้อย ไม่ชอบพูดเรื่องในราชสำนัก ระยะนี้ข้าชะล่าใจเกินไป ไม่ทันได้สนใจสถานการณ์ของแผ่นดิน หลังจากกลับไป ข้าต้องครุ่นคิดพินิจเสียหน่อย”
“ทางฝ่าบาทเล่า ท่านแม่จะช่วยฝ่าบาทแบ่งเบาความกังวลได้หรือไม่”
“ข้าไม่ใช่แม่ทัพ ในมือข้าไม่มีพลทหาร เจ้าจะให้ข้าช่วยเขาอย่างไร อย่างมากก็แค่บริจาคเสบียงต่อไป นอกจากนี้ยังคงหวังพึ่งพลทหารที่ชายแดน หวังพึ่งกองกำลังที่แข็งแกร่งกลุ่มนั้น”
…
พื้นที่ห่างไกลกว่าพันลี้เต็มไปด้วยเสียงตะโกนเข่นฆ่า!
ภายในรัศมีแนวป้องกันกองทัพใหญ่ของราชสำนักห้าสิบลี้ พื้นดินอันเป็นสนามรบนั้นเห็นเพียงแต่พลทหาร ไม่เห็นประชาชน
กองกำลังจากหลากหลายทิศทางมารวมตัวกัน แบ่งแยกแนวป้องกัน เฝ้าระวังคูเมืองที่สำคัญ
ชีวิตของทุกคนต่างไม่ดีนัก
ทั้งสงครามใหญ่เล็กติดต่อกัน พลทหารบาดเจ็บและล้มตายนับไม่ถ้วน
กองทัพเหนือยังมีแหล่งกำลังพลมาทดแทนอย่างทันเวลา แต่แม่ทัพคนอื่นคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกถ่วงเวลา
หนึ่งในนั้นย่อมเป็นกองกำลังโยวโจวที่อ่อนแอที่สุดและลำบากที่สุด
ทั้งตัวของเยียนโส่วจ้านเต็มไปด้วยกลิ่นไอของสงคราม คนทั้งคนเหมือนดาบคมที่ถูกดึงออกจากฝัก เห็นคนก็ฟาดฟัน
เขาตบโต๊ะ สายตาราวกับสัตว์ร้าย
“สงครามนี้ทำต่อไปไม่ได้แล้ว! ทั้งกำลังพลทั้งม้าของข้าแทบจะตายหมดแล้ว กองทัพเหนือยังอยากให้ข้าถ่วงกองกำลังอูเหิงต่อไป เหตุใดเขาจึงไม่บอกให้ข้าไปตายมาตรงๆ !”
เยียนโส่วจ้านกัดฟันกรอด
หากแม่ทัพกองทัพเหนืออยู่ตรงนี้ เขาต้องฆ่าอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
ให้แม่ทัพกองทัพเหนือเป็นผู้บัญชาการกองกำลังจากหลากหลายพื้นที่เป็นแผนการของฮ่องเต้หย่งไท่
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ยืนกรานในการปฏิบัติตามรับสั่งนี้ ไม่เคยมีความคิดที่จะถอดถอนแม่ทัพกองทัพเหนือแม้แต่น้อย
หลังจากกองทัพเหนือพ่ายแพ้ในครั้งนั้น สงครามในเวลาต่อมาล้วนดำเนินไปอย่างยากลำบาก แต่ไม่ได้พ่ายแพ้
ชัยชนะแบบเฉียดฉิวก็เป็นชัยชนะ!
กำลังพลของกองทัพเหนือมีจำกัด จำเป็นต้องร่วมมือกับกองกำลังอื่นในการควบคุมกองกำลังอูเหิง
กำลังหลักของอูเหิง กองทัพเหนือจะจัดการเอง
กองกำลังอูเหิงทำสงครามติดต่อมานานหลายปี มีแต่พลทหารที่มากประการณ์ รบด้วยไม่ง่าย
ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ขบวนกำลังหนึ่งก็ต้องออกแรงเต็มที่จึงจะทำให้พวกเขาถอยไปได้
สงครามนี้ช่างยากเย็น ช่างน่าปวดใจ ช่างน่าอึดอัดใจสำหรับเยียนโส่วจ้านที่ต้องการจะรักษาความแข็งแกร่ง และไม่อาจขยับขยายกองกำลังได้เสียที
พลทหารที่เชี่ยวชาญในการทำสงครามที่ฝึกฝนออกมาอย่างยากเย็นนั้น เมื่อเห็นพวกเขาหายไปทีละคน เยียนโส่วจ้านเจ็บใจอย่างมาก!
หากทำสงครามต่อไป กองกำลังโยวโจวคงจะพังทลายอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้ต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงจะฟื้นคืนกลับมาได้