ตอนที่ 340 จุดจบของเหยาอี้หนิง(2)
ตอนที่ 340 จุดจบของเหยาอี้หนิง(2)
ฉินมู่หลานส่ายหน้าพลางเอ่ย “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เขาจะจัดการธุระทางนั้นให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยกลับมา แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทางนั้นไม่มีปัญหาอะไรแล้ว อาหลี่แค่อยู่จัดการธุระแล้วเดี๋ยวก็กลับมาแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็ไม่เอ่ยถามอะไรมากมายอีก ขอแค่ลูกชายไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว
ในตอนนั้นเอง ลุงเจี่ยงก็เดินมาแล้วบอกกล่าว “อาหารเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ทุกคนจะกินกันเลยไหมครับ?”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็รีบบอกกล่าว “ใช่ พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ไม่ต้องรอพวกเจี้ยนเซ่อหรอก”
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่ายังมีคนไม่กลับมา จึงรีบบอกกล่าวทีนที “คุณน้าคะ พวกฉันไม่เป็นไรค่ะ รอพวกคุณอากลับมาก่อนแล้วค่อยกินด้วยกันเถอะค่ะ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อกับอีกหลายคนก็กลับมากันแล้ว เมื่อพวกเขาก้าวเข้าประตูมาก็เห็นฉินมู่หลานกับเจี่ยงสือเหิง “สือเหิง มู่หลาน กลับมาแล้วเหรอ”
หลังจากพูดก็หันมองแล้วเอ่ยถามเจี่ยงสือเหิง “สือเหิง นายไม่เป็นไรใช่ไหม”
เจี่ยงสือเหิงยิ้มแล้วพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นไร”
หลังจากพูดจบก็หันไปแนะนำเซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงสองพี่น้อง
เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อเอ่ยขอบคุณพวกหล่อนอีกครั้ง เมื่อทราบว่าผู้ช่วยชีวิตเจี่ยงสือเหิงเป็นน้องสาวของเพื่อนร่วมคณะของฉินมู่หลาน จึงจดจำบุญคุณครั้งนี้
ฉินเคอวั่งที่ตามมาข้างหลังยังไม่ได้เอ่ยพูดอะไร หลังจากมาถึงห้องกินอาหารแล้วก็เอ่ยถามฉินมู่หลาน “พี่ พี่เขยล่ะ ไม่ได้กลับมาด้วยกันหรอกเหรอ?”
ฉินมู่หลานอธิบายเหตุการณ์ให้ฟังอย่างกระชับ หลังจากนั้นก็บอกให้เขานั่งลง
มื้อเย็นนี้ช่างอุดมสมบูรณ์นัก ทุกคนกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข หลังจากนั้นเจี่ยงสือเหิงก็ให้คนไปส่งเซี่ยปิงชิงและเซี่ยปิงหรุ่ยทั้งสองคนพี่น้องกลับบ้าน
เซี่ยปิงชิงเดินตามเซี่ยปิงหรุ่ยมาที่บ้านในเมืองหลวง หลังจากมองสำรวจโดยรอบสักพักแล้ว ก็เอ่ยด้วยความรังเกียจนิดหน่อย “ทำไมถึงซื้อบ้านเล็กจังล่ะ แล้วฉันจะอยู่ยังไง?”
เซี่ยปิงหรุ่ยปรายตามองเซี่ยปิงชิง ก่อนจะเอ่ย “ที่นี่มีห้องตั้งเยอะแยะ แค่หาสักห้องแล้วเข้าไปพักก็พอแล้ว แถมสนามหน้าบ้านก็ไม่เล็กเกินไปด้วย แล้วยังอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ฉันให้คนมาช่วยหาอยู่สักพักเลยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำยังไงกับห้องสกัดพิษล่ะ พื้นที่ของพี่ไม่พอให้ฉันใช้เป็นห้องปฏิบัติการเลยสักนิด”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็คิ้วขมวดแล้วหันมองน้องสาวตัวเองก่อนจะเอ่ยถาม “ห้องสกัดพิษอะไร เธอจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยหรือไง อยู่แค่ไม่กี่วัน ไม่ต้องใช้ห้องสกัดพิษหรอก นอกจากนี้อย่าเอาของมีพิษพวกนั้นของเธอมาเล่นที่นี่ด้วย บ้านหลังน้อย ๆ ของฉันเผชิญเรื่องที่เธอจะก่อไม่ได้หรอกนะ”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็บ่นขึ้นอีกครั้ง “ไม่เข้าใจเธอเลยจริง ๆ เห็นชัดว่าทุกคนในครอบครัวต่างเรียนหมอ แต่เธอกลับนอกลู่นอกทางมาตั้งแต่เด็ก ไปเรียนรู้พวกพิษอะไรนั่นแทน บางครั้งฉันก็กลัวที่จะคุยกับเธอนะ ถ้าโดนเธอวางยาขึ้นมาจะทำยังไง”
เซี่ยปิงชิงปรายตามองเซี่ยปิงหรุ่ยราวกับว่าเห็นคนโง่เง่าก่อนจะพูดขึ้น “พี่กับฉันโตมาด้วยกัน ก็ไม่เคยเห็นว่าฉันจะวางยาพี่เลยไม่ใช่เหรอ นอกจากนี้ถ้าฉันจะวางยาพิษพี่จริงก็คงต้องอาศัยจังหวะช่วงที่พี่ไม่ได้อยู่กับฉัน ถ้าทำอย่างนั้นฉันก็จะวางยาพี่ได้”
“เธอ…”
เซี่ยปิงหรุ่ยพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทำได้เพียงเอ่ยถามต่อไป “เธอจะอยากได้ห้องสกัดพิษไปทำไม หรือว่าช่วงนี้เธอจะมาปักหลักที่เมืองหลวง?”
เซี่ยปิงชิงพูดบอกตามตรง “ใช่ ฉันไม่กลับบ้านในเร็ววันนี้หรอก”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็ดูสงสัย “แล้วทำไมเธอไม่กลับ?”
เซี่ยปิงชิงมองตรงไปที่เซี่ยปิงหรุ่ยพลางเอ่ยถาม “พี่ก็รู้ตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอว่าพ่อกับแม่อยากให้พวกเราแต่งงาน เพราะฉะนั้นพี่ก็เลยปิดบังเรื่องมาสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัย รอจนมาถึงเมืองหลวงแล้วก็เพิ่งสารภาพกับพวกเขาไม่ใช่หรือไง?”
เซี่ยปิงหรุ่ยส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่ ฉันไม่รู้”
ขณะเอ่ย ดวงตาหล่อนก็เป็นประกาย ตระหนักบางอย่างขึ้นมาได้
“หรือว่าพ่อกับแม่อยากให้เธอแต่งงาน?”
เซี่ยปิงชิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ใช่ พวกเขาเห็นว่าพี่ไม่อยู่ก็เลยอยากให้ไปนัดดูตัวกับใครสักคน แล้วรีบแต่งงานไปซะ ฉันก็เลยมาหาพี่ ถ้าพวกเขาจะมาตามหา อย่างน้อยก็ยังมีพี่เป็นโล่กำบัง มีเหตุผลอะไรที่น้องสาวอย่างฉันจะต้องแต่งงานก่อนล่ะ”
“เซี่ยปิงชิง…”
เซี่ยปิงหรุ่ยตะคอกใส่เสียงดัง ทุกครั้งที่ได้เจอน้องสาวคนนี้ หล่อนมักจะหัวเสียจนแทนกระอักเลือด หล่อนเคยสงสัยว่าทำไมน้องสาวคนนี้ถึงอยากมาที่เมืองหลวง มันเป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง
เซี่ยปิงชิงปิดหูตัวเอง ก่อนยืนขึ้นแล้วบอกกล่าว “ฉันจะไปดูห้อง ว่าจะอยู่ค้างกับพี่ที่นี่สักคืน”
“แกไม่ต้องมาอยู่เลย”
แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยปิงชิงก็เดินออกไปตั้งนานแล้ว ไม่ได้สนใจเซี่ยปิงหรุ่ยสักนิด
อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้เจี่ยงสือเหิงอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนยาให้เขา ก่อนจะพาลูกทั้งสองคนเข้านอน
ตอนแรกเธอคิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะกลับมาในเร็ว ๆ นี้ ไม่คิดว่าเข้าวันที่สิบแล้วเขาถึงเพิ่งจะกลับถึงบ้าน
“อาหลี่ ในที่สุดคุณก็กลับมาสักที พ่อกับแม่เป็นห่วงคุณอยู่ทุกวันเลย ฉันเองก็เป็นห่วงนิดหน่อยด้วย”
เจี่ยงสือเหิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็บอกกล่าวตาม “ใช่แล้ว อาหลี่ ทำไมตั้งนานถึงเพิ่งกลับมาล่ะ วันนั้นก็จับพวกเหยาอี้หนิงได้หมดแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เล่าอย่างสบายๆ “ระหว่างทางเจอคนอีกกลุ่มหนึ่งครับ เป็นพวกกำลังเสริมที่จะมาช่วยพวกเหยาอี้หนิง ก็เลยช้า”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยถาม “แล้วเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรไหม?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่มี”
หลังจากนั้นก็หันมองแล้วเอ่ยถามเจี่ยงสือเหิงอีกครั้ง “พ่อบุญธรรม อาการบาดเจ็บของพ่อเป็นยังไงแล้วบ้างครับ?”
“พ่อไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว มู่หลานคอยเฝ้าให้พ่อกินยาทุกวันและคอยเปลี่ยนตัวยาให้ตลอด ก็เลยดีขึ้นเร็วมาก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ”
เซี่ยเจ๋อหลี่อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเสียอดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดนิดหน่อย “ผมคุ้มกันพ่อบุญธรรมได้ไม่ดีพอ”
เจี่ยงสือเหิงบอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เธอทำงานได้ดีมากแล้ว ใช้เวลาแค่แปปเดียวก็ตามตัวพ่อเจอ นอกจากนี้ในตอนแรกพ่อก็ไม่คิดเลยว่าหวงจิ่นซงจะเป็นคนร้ายกาจเช่นนั้น เพราะเขาเองก็ทำงานอยู่ในสถาบันวิจัยมานาน ฉะนั้นพวกเราจึงไม่ได้ระวังตัวอะไรกับเขามากนัก ก็ได้แต่นึกว่าเป็นเรื่องดีที่คุณสมบัติของเขาแค่ปานกลาง ถึงจะอยู่ในสถาบันวิจัยมาตั้งหลายปีขนาดนั้นแล้วแต่ก็ยังไม่ก้าวหน้าอะไรเลย เขาก็เลยเข้าร่วมโครงการหลายอย่างไม่ได้”
หลังจากพูดจบ เจี่ยงสือเหิงก็เอ่ยถามเพิ่มอีก
“หวงจิ่นซงตายแล้ว เรื่องนี้ก็คงใกล้จบแล้ว ต่อไปเธอจะทำงานที่สถาบันวิจัยต่อไหม?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ช่วงนี้ผมจะยังอยู่ที่สถาบันวิจัยก่อนครับ”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้จึงพยักหน้า จากนั้นก็ไม่ถามอะไรมากมายอีก
ในตอนนั้นเอง เหยาจิ้งจือก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที “แล้วเหยาอี้หนิงล่ะ เขาหักหลังกองทัพจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นสุดท้ายแล้วเขาจะเป็นยังไง?”
“ตอนนี้เหยาอี้หนิงโดนควบคุมตัวไปแล้ว เรื่องที่แน่นอนก็คือว่า เขาทรยศต่อกองทัพ เพราะฉะนั้นคิดภาพผลลัพธ์ที่ตามมาเอาไว้ได้เลย”
พวกทรยศ สุดท้ายก็ไม่รอดพ้นจากความตายได้
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้จึงส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “บอกได้คำเดียวว่าครอบครัวของพวกเขาจิตใจโหดเหี้ยมทั้งบ้านเลย”
เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงเอ่ยพูดขึ้น “เอาเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว เรือนสี่ประสานหลังนั้นใกล้จะตกแต่งเสร็จแล้ว มู่หลาน เดี๋ยวพวกเราไปดูกัน”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คนร้ายแพ้แล้ว จะมีเรื่องอะไรอีกไหมนะ อาหลี่กับพ่อบุญธรรมบาดเจ็บบ่อยเหลือเกิน
ไหหม่า(海馬)