ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 343 สิบห้านาที

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 343 สิบห้านาที

ตอนที่ 343 สิบห้านาที

ฉินมู่หลานพาเซี่ยปิงชิงตรงไปที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อพวกเธอไปถึงห้องพักผู้ป่วยของเริ่นม่านลี่ ก็พบว่ามีคุณนายเริ่นอยู่ในนั้น

เซี่ยปิงชิงกำลังจะก้าวเดินเข้าไป แต่ก็โดนฉินมู่หลานคว้าเอาไว้เสียก่อน

เซี่ยปิงชิงหันมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าท่าทางสับสน ก่อนจะเอ่ยถาม “ทำไมเหรอ ไหนบอกว่าจะให้ฉันช่วยดูไง?”

“พวกเรารอกันก่อนเถอะ ถ้าเข้าไปตรง ๆ แม่ของคนที่โดนวางยาคงไม่ให้พวกเราลองเข้าไปดูแน่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็ขมวดคิ้วทันที

“ฉันมาที่นี่เพื่อจะช่วยตรวจดูว่าช่วยล้างพิษให้ลูกสาวหล่อนได้ไหม แล้วหล่อนยังจะขัดขวางฉันเหรอ หล่อนไม่อยากให้ลูกสาวของตัวเองหายหรือไง”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็รีบเอ่ย “คนครอบครัวนี้มีปัญหานิดหน่อย แล้วก็ยังคิดว่าพวกเราเป็นคนทำร้ายลูกสาวหล่อนด้วย”

เมื่อไม่นานมานี้ ตระกูลเริ่นก็ได้ก่อปัญหาให้กับพวกคุณตาด้วย เพียงแต่ว่าคุณตาแข็งแกร่งมากจึงไม่มีใครมาห่มเหงได้ นอกจากนี้ยังสั่งสอนบทเรียนให้ตระกูลเริ่นอยู่หลายครั้ง ตอนนี้พวกเขาจึงยอมอ่อนข้อบ้างแล้ว

“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เดี๋ยวฉันจะให้คนพาคุณนายเริ่นออกไปก่อน”

ฉินมู่หลานตรงไปที่ห้องพักแพทย์ ก่อนจะไปตามหาตัวหลี่ปิ่งฉวนที่คุ้นเคยกัน

หลี่ปิ่งฉวนได้เจอฉินมู่หลานก็ดีใจมาก “หมอฉิน มาทำอะไรครับเนี่ย รีบเข้ามานั่งก่อน”

ฉินมู่หลานยิ้มทักทายหลี่ปิ่งฉวน หลังจากนั้นเธอก็อธิบายจุดประสงค์อย่างชัดเจน “เป็นเพราะครอบครัวนั้นมีเรื่องเข้าใจผิดกับฉันนิดหน่อยค่ะเพราะฉะนั้นฉันโผล่เข้าไปเลยคงไม่ใช่เรื่องง่าย จึงอยากขอให้คุณช่วย พวกเราจะได้เข้าไปดูอาการของคนไข้ค่ะ”

พูดจบก็แนะนำเซี่ยปิงชิง

“ฉันไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องพิษ แต่เพื่อนของฉันเชี่ยวชาญมาก ฉันจึงอยากให้หล่อนช่วยลองตรวจดูให้หน่อยค่ะ”

หลี่ปิ่งฉวนได้ยินแบบนี้ จึงพยักหน้าแล้วบอกกล่าวโดยตรง “ครับ ไม่มีปัญหา แต่ว่าผมขอเข้าไปด้วยได้ไหมครับ”

ในด้านหนึ่ง เขาอยากเห็นว่าเซี่ยปิงชิงจะสามารถรักษาคนไข้ได้ไหม ส่วนในอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้พวกเริ่นม่านลี่ต่างอาศัยอยู่ในโรงพยาบาลปักกิ่ง จึงต้องคอยดูแลคนเป็นอย่างดีด้วย

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าตามเคย พลางบอกกล่าว “ได้อยู่แล้วค่ะ”

หลังจากนั้นหลี่ปิ่งฉวนจึงขอให้แพทย์หนุ่มคนหนึ่งไปหาคุณนายเริ่น ในไม่ช้าคุณนายเริ่นก็โดนพาออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

หลังจากคุณนายเริ่นออกไปจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว ฉินมู่หลานก็พาเซี่ยปิงชิงกับหลี่ปิ่งฉวนเข้ามาข้างใน

“ปิงชิง หล่อนนี่แหละ เธอรีบตรวจดูให้หน่อยว่าหล่อนโดนพิษชนิดไหน ฉันรู้แค่ว่าเป็นพิษที่ร้ายแรงมาก หลังจากที่หล่อนโดนยาพิษไป ฉันรีบฝังเข็มให้หล่อนในทันทีแล้ว เพราะแบบนี้หล่อนจึงยังมีลมหายใจอยู่”

เซี่ยปิงชิงก้าวเดินไปข้างหน้าหลังจากได้ยินแบบนี้ ก่อนจะเริ่มจับชีพจรของเริ่นม่านลี่ หลังจากนั้นก็สำรวจบริเวณเปลือกตาและบริเวณหลังหูของเริ่นม่านลี่

“มันคือพิษของแมงมุมที่หาได้ยากมาก”

“อะไรนะ?”

หลี่ปิ่งฉวนไม่ค่อยเข้าใจนัก แล้วก็ไม่ทราบด้วยว่าเป็นแมงมุมชนิดไหน แต่คงเป็นเรื่องดีหากคนตรงหน้าสามารถล้างพิษให้ได้ เริ่นม่านลี่คนนี้ต้องนอนให้สารน้ำที่โรงพยาบาลอยู่ทุกวัน การทำงานของระบบร่างกายยังไม่ดีขึ้น ถึงแม้ว่ารายงานผลเลือดของวันนี้จะออกมาเป็นปกติ แต่ก็มีตัวบ่งชี้ว่ามีค่าบางอย่างต่ำกว่าเมื่อวานนิดหน่อย

เซี่ยปิงชิงหันมองหลี่ปิ่งฉวน ก่อนจะบอกกล่าว “เป็นพิษของแมงมุมชนิดหนึ่ง”

พูดจบ เซี่ยปิงชิงห็หันมองฉินมู่หลานอีกครั้งแล้วพูดขึ้น “แมงมุมพิษชนิดนี้หาได้ยากมาก ส่วนใหญ่จะเจอได้แค่ตามภูเขาลึกของทางฝั่งใต้เท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่นี่จะโดนพิษชนิดนี้เข้าได้”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงเอ่ยถาม “แล้วเธอมีวิธีล้างพิษมันไหม?”

เซี่ยปิงชิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “สายเกินไปแล้ว อวัยวะในร่างกายของหล่อนเสียหาย เพราะฉะนั้นช่วยให้ฟื้นกลับมาไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าตอนนี้หล่อนจะยังมีลมหายใจ แต่อีกสักประมาณปีหรือสองปี หล่อนอาจจะเสียชีวิต”

“อะไรกัน…ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”

สีหน้าของหลี่ปิ่งฉวนดูแปลกใจ เพราะหลายคนที่ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ก็มีจุดจบแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าเริ่นม่านลี่จะเหลือเวลาชีวิตอยู่เพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้น หากเริ่นม่านลี่มาเสียชีวิตในโรงพยาบาล คนในครอบครัวพวกนี้ก็คงตำหนิพวกเขาอย่างนั้นใช่ไหม

เมื่อได้ยินเซี่ยปิงชิงพูดแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดถอนหายใจไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พลังชีวิตของหล่อนหายไปแล้วนั่นแหละ ฉันเคยพยายามรักษาเพื่อให้หล่อนฟื้นขึ้นมา แต่ก็เปล่าประโยชน์ ตอนแรกฉันคิดว่าแค่ล้างพิษก็เพียงพอแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะสายเกินแก้”

“เธออยากให้หล่อนฟื้นขึ้นมาเหรอ?”

ฉินมู่หลานได้ยินเซี่ยปิงชิงพูด จึงพยักหน้า แล้วบอกกล่าว “ใช่ ฉันมีคำถามที่อยากจะถามหล่อน”

“ฉันช่วยให้หล่อนฟื้นขึ้นมาได้นะ เพียงแต่ว่า…” หลังจากพูดจบ เซี่ยปิงชิงก็หันมองหลี่ปิ่งฉวน เป็นเพราะคนผู้นี้อยู่ตรงนี้ หล่อนจึงพูดจาแบบไม่ค่อยเป็นกันเองนัก

ฉินมู่หลานคาดไม่ถึงว่าจะต้องพบเจอความฉงนใจอะไรเช่นนี้ เมื่อมองดูท่าทางของเซี่ยปิงชิง กลับดูเหมือนว่าการช่วยชีวิตคนในครั้งนี้กลับไม่ค่อยเป็นเรื่องที่เข้าท่านัก

แต่ถึงอย่างนั้นหลี่ปิ่งฉวนก็หันไปมองเซี่ยปิงชิงด้วยสีหน้าตื่นเต้นพลางเอ่ยถาม “คุณช่วยให้คุณเริ่นม่านลี่ฟื้นได้จริงเหรอครับ นี่มันดีมากเลย”

“ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก”

เซี่ยปิงชิงเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ได้พูดขัดอะไร จึงเอ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมา

“หลังจากล้างพิษแล้วฟื้นขึ้นมาแล้ว หล่อนจะมีเวลาอยู่ได้เพียงสิบห้านาทีเท่านั้น”

จริง ๆ แล้ววิธีนี้มันทำให้ช่วงชีวิตของเริ่นม่านลี่ลดเหลือลงเพียงเศษเสี้ยวของชั่วโมง

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รู้สึกสะเทือนใจนิดหน่อย

หลี่ปิ่งฉวนพลันเอ่ยขึ้น “หมอฉินครับ เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่เหมาะ หากอยู่ ๆ คุณเริ่นม่านลี่สิ้นใจไป คนในครอบครัวของเขาต้องตำหนิโรงพยาบาลของเราแน่ครับ เพราะฉะนั้นเราจะล้างพิษให้คุณเริ่นม่านลี่ดีไหมนั้น ปล่อยให้ครอบครัวของหล่อนตัดสินใจเองดีกว่านะครับ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ได้รับรู้ถึงความกังวลของหลี่ปิ่งฉวนด้วย จึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “หมอหลี่ไม่ต้องห่วงค่ะ พวกฉันจะไม่ลงมือตามอำเภอใจอย่างแน่นอน ตอนนี้ลองตรวจเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะ”

หลี่ปิ่งฉวนได้ยินแบบนี้จึงรีบเอ่ยถาม “หมอฉินครับ ทำไมพวกคุณถึงไม่อยู่รอบอกเรื่องนี้กับครอบครัวคนไข้ล่ะครับ?”

“หมอหลี่คะ ฉันรบกวนฝากคุณไปแจ้งครอบครัวคนไข้หน่อยนะคะ ถ้าหากพวกเขาต้องการ เดี๋ยวฉันจะให้เพื่อนมาช่วยล้างพิษให้ ถ้ามีคนในครอบครัวคนไหนถามรายละเอียด คุณก็ไม่ต้องบอกเรื่องฉันนะคะ ฉันกลัวว่าพวกเขาจะไม่สนิทใจ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนั้น หลี่ปิ่งฉวนก็พยักหน้า แล้วบอกกล่าว “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะแจ้งให้คุณนายเริ่นทราบในภายหลัง ถ้าหากพวกเขาต้องการ ผมจะติดต่อคุณไปอีกครั้งครับ”

“ค่ะ”

หลังจากชี้แจงให้หลี่ปิ่งฉวนฟังแล้ว ฉินมู่หลานก็พาเซี่ยปิงชิงกลับไป

“ปิงชิง หากตระกูลเริ่นเต็มใจยอมให้เริ่นม่านลี่ได้ล้างพิษ ถึงตอนนั้นฉันต้องขอรบกวนเธอเทียวไปเทียวมาหน่อยนะ” หลังจากพูดจบ เธอก็ยังแสดงเจตจำนงของตัวเอง “หลังจากเริ่นม่านลี่ฟื้นขึ้นมา ฉันจะได้ถามหล่อนว่าใครเป็นคนให้หล่อนวางยาพิษ ตอนแรกพิษนี้จะถูกวางให้คุณยายของฉัน แต่ว่าพวกเราเห็นเข้าก่อน สุดท้ายหล่อนเลยกระดกกลืนเข้าไปด้วยตัวเอง”

ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องกับเซี่ยปิงชิง บอกเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังตามตรง ขณะเดียวกันก็ได้แบ่งปันความคิดเห็นในการคาดเดาของเธอด้วย

“เซี่ยอวี่หรงเหรอ? เธอสงสัยว่าเป็นฝีมือหล่อน?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ใช่ ฉันสงสัยว่าเป็นหล่อน เพราะหล่อนชอบสามีของฉัน จึงคิดว่าฉันขโมยความสุขของหล่อนมา” หลังจากนั้นเธอก็เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับเซี่ยอวี่หรงและเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วย “สามีของฉันเจอหน้าหล่อนแค่ไม่กี่ครั้งเอง ไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนัก เรื่องนี้แค่ลองถามก็รู้แล้ว ฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องโกหก”

เซี่ยปิงชิงเห็นท่าทางตรงไปตรงมาของฉินมู่หลาน จึงทราบได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริง หล่อนจึงอดส่ายหัวก่อนจพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมตระกูลที่แตกแยกออกไปถึงได้ทำตัวต่ำระดับล่างแบบนี้นะ คอยตามตื๊อผู้ชายที่เขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว เธอไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอสอบสวนอย่างชัดเจนเลย”

อีกด้านหนึ่ง หลี่ปิ่งฉวนได้บอกเล่าสถานการณ์ของเริ่นม่านลี่ให้คุณนายเริ่นฟัง หลังจากนั้นจึงเอ่ยถาม “คุณอยากให้ลูกสาวของคุณได้ล้างพิษไหมครับ?”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ปิงชิงสกิลอย่างเทพ จับชีพจรกับตรวจดูสภาพเนื้อเยื่อนิดหน่อยก็รู้เลยว่าโดนพิษอะไร

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท