ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 352 เข้าอาศัย(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 352 เข้าอาศัย(2)

ตอนที่ 352 เข้าอาศัย(2)

หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นฉินมู่หลานอยู่ที่บ้าน จึงรีบก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วยิ้มทักทาย “มู่หลาน ฉันมาที่นี่เพราะจะมาหาเธอ อยากจะเล่าเรื่องที่ฉันทำงานในโรงงานสองวันที่ผ่านมาให้ฟังน่ะ”

ฉินมู่หลานก็ดีใจที่ได้พบหลี่เสวี่ยเยี่ยน “พี่สะใภ้ ถ้าอย่างนั้นมาคุยกันค่ะ”

หลังจากทั้งสองนั่งลงพวกเขาก็พูดคุยกันมากมาย นอกจากนี้หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ได้ถามเกี่ยวกับเครื่องสำอางและการแต่งหน้ามากมาย หากไม่ใช่ว่าเย็นมากแล้ว หล่อนก็คงอยากอยู่ต่อ

“มู่หลาน ฉันกลับก่อนนะ เอาไว้ครั้งหน้าจะมาคุยกับเธอใหม่”

“ได้ค่ะ”

ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า หลังหลี่เสวี่ยเยี่ยนกลับไปแล้ว เธอก็หันไปทางเหยาจิ้งจือแล้วเอ่ยถามเรื่องล่าสุดที่โรงงาน

“มู่หลาน สินค้าทั้งหมดที่เจนนี่กับคนอื่น ๆ สั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้เสร็จหมดแล้ว คำสั่งซื้อของคุณวิลเลียมก็เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ต่อไปเครื่องสำอางทั้งหมดที่เราผลิตจะถูกนำไปวางขายในห้างสรรพสินค้าของทั้งสองคน เพียงแต่ว่า…”

หลังจากพูดถึงท้ายประโยค เหยาจิ้งจือก็รู้สึกกังวลนิดหน่อย

“ถ้าไม่มีชาวต่างชาติซื้อล่ะ ฉันไม่รู้ว่าเครื่องสำอางของเราจะดีขนาดนั้นหรือเปล่าด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รีบพูด “แม่คะ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เดี๋ยวอีกสองวันฉันจะไปดูที่ร้าน แล้วถ้าทางฝั่งของวิลเลียมขายดี เขาก็จะสั่งซื้อของเราต่อแน่นอนค่ะ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานไม่กังวล เหยาจิ้งจือจึงรู้สึกโล่งใจนิดหน่อย

ซูหว่านอี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ยังกล่าวเสริมต่อ “จิ้งจือ มู่หลานทำอะไรก็เก่งไปหมด หล่อนพูดอะไรก็จะเป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้นคงไม่มีปัญหาหรอก”

“ใช่ ฉันกังวลเกินไปเอง”

เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็รีบเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อถึงเวลากินข้าวเย็น คนอื่นก็กลับมากันแล้ว แต่เจี่ยงสือเหิงยังไม่กลับมา

ฉินมู่หลานจึงอดไม่ได้ที่จะหันมองแล้วเอ่ยถามเซี่ยเจ๋อหลี่ “อาหลี่ วันนี้คุณกับพ่อบุญธรรมไม่ได้กลับด้วยกันเหรอคะ?”

“พ่อบบุญธรรมยังมีธุระต่อ ก็เลยให้ผมกลับมาก่อน”

เมื่อเห็นภรรยาคิ้วขมวด เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เข้าใจว่ามู่หลานอาจเป็นห่วงเจี่ยงสือเหิง จึงยกยิ้มแล้วบอกสถานการณ์ล่าสุดให้เธอฟัง “วางใจได้ พวกเขี้ยวเล็บตัวร้ายในสถาบันโดนถอนออกหมดแล้ว แล้วยังมีโหยวหย่งกับหวังหู่อยู่ด้วย พ่อบุญธรรมไม่เป็นอะไรหรอก”

หลังจากเจี่ยงสือเหิงโดนลักพาตัวไปครั้งที่แล้ว ทางสถาบันจึงให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยส่วนบุคคลของเขามากขึ้น ดังนั้นจึงให้โหยวหย่งกับหวังหู่คอยคุ้มกันเขาตลอด

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ จึงเหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วพูดขึ้น “ถึงมีโหยวหย่งกับหวังหู่คอยอยู่คุ้มกัน แต่พ่อบุญธรรมเพิ่งได้รับบาดเจ็บมาเอง ต้องใส่ใจให้มากกว่านี้ ตอนที่คุณกลับก็ควรบอกให้พ่อบุญธรรมกลับมาด้วยกัน”

ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกัน เจี่ยงสือเหิงก็กลับมาพอดี สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ มีใครบางคนเดินตามมาข้างหลังเขา

“ปิงชิง เธอมาได้ไงเนี่ย”

ฉินมู่หลานแปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นเซี่ยปิงชิงเดินตามเจี่ยงสือเหิงมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ดีใจมาก

“ฉันมากินข้าวที่บ้านน่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของฉินมู่หลานก็ดูแปลกใจ “เย็นนี้เธอค้างที่นี่หรือเปล่า แล้วปิงหรุ่ยล่ะ?”

“พวกเราทะเลาะกันน่ะ”

เซี่ยปิงชิงบอกอย่างกระชับได้ใจความ หลังจากนั้นก็หันมองเจี่ยงสือเหิงแล้วเอ่ยถาม “คุณลุงไม่สะดวกให้ฉันค้างคืนเหรอคะ”

เจี่ยงสือเหิงรีบส่ายหัวทันที “ไม่ใช่อยู่แล้ว เธอจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่เธอเลย”

“จริงเหรอคะ?”

“จริงอยู่แล้ว”

เจี่ยงสือเหิงรู้สึกเพียงแค่อยากตอบแทนผู้ช่วยชีวิตตัวเองให้มากที่สุด ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการที่พักพิง ก็ไม่ใช่ปัญหาเลย

เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ ก็ไตร่ตรองอย่างรอบคอบครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกกล่าวขึ้น “ถ้าคุณลุงบอกแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขออยู่ต่ออีกสักหน่อยนะคะ บ้านของฉันกำลังอยู่รหว่างปรับปรุง ยังเข้าพักไม่ได้ค่ะ ก่อนหน้านั้นฉันขออยู่ที่นี่ก่อนนะคะ”

เจี่ยงสือเหิงไม่คิดว่าเซี่ยปิงชิงจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักจริง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ทำเพียงแค่บอกให้ลุงเจี่ยงไปเตรียมห้อง

“ได้ครับนายน้อย ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

ลุงเจี่ยงก็รู้สึกขอบคุณเซี่ยปิงชิงมาก เพราะสุดท้ายแล้วหากไม่ได้เซี่ยปิงชิงช่วยเจี่ยงสือเหิงเอาไว้ ก็คงไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

ฉินมู่หลานเห็นโอกาส จึงหันไปเอ่ยถามเซี่ยปิงชิง “ทำไมเธอกับปิงหรุ่ยถึงทะเลาะกันได้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“จะเป็นอะไรไปได้ล่ะ เซี่ยปิงหรุ่ยใจแคบจริง ๆ ฉันแค่สกัดพิษสองขวดเองไม่ใช่เหรอ แต่หล่อนถึงกับไล่ฉันออกจากบ้าน”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดพูดไม่ได้ “ปิงหรุ่ยอาจจะไม่ชอบของพวกนั้นก็ได้นี่นา”

“เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ หล่อนบอกว่าบอกฉันหลายรอบแล้ว ฉันทำให้หล่อนเบื่อ ก็เลยไล่ฉันออกมาจากบ้าน หลังจากนั้นฉันก็เจอพ่อบุญธรรมของเธอ ก็เลยตามกลับมาด้วยกัน”

เมื่อได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฉินมู่หลานก็ยิ้มพลางส่ายหัว ความสัมพันธ์ของเซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงสองพี่น้องเห็นได้ชัดว่าไม่เลวเลย แม้จะมีทะเลาะกันบ้าง “ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้ก็พักที่นี่ก่อน พวกเราจะได้เจอหน้ากันทุกวันด้วย”

“ใช่ ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็ลุกขึ้นแต่เช้าแล้วไปเข้าเรียน

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลานมา ก็รีบกวักมือเรียกเธอ หลังจากฉินมู่หลานนั่งแล้วก็รีบเอ่ยถามทันที “เมื่อวานนี้ปิงชิงไปอยู่กับเธอเหรอ”

“ใช่แล้ว เมื่อคืนฉันบอกเธอแล้วนี่นา เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องห่วง”

ฉินมู่หลานเกรงว่าเซี่ยปิงหรุ่ยจะเป็นห่วง จึงส่งคนไปบอกเซี่ยปิงหรุ่ย เพื่อหล่อนจะได้สบายใจ

“เหอะ…ใครเป็นห่วงกัน ฉันก็แค่ถาม”

ทั้งสองยังคุยกันไม่จบ การเรียนการสอนก็เริ่มขึ้นแล้ว ทั้งสองจึงตั้งใจฟัง จนกระทั่งเลิกเรียน เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดไม่ไหว หันไปบอกกับฉินมู่หลาน “ตอนนี้ยังไม่มืดเลย ฉันว่าจะชวนเธอไปนั่งตรงนั้นสักหน่อย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ยิ้มแล้วตอบตกลง “ได้สิ พวกเราไปกัน”

ทั้งสองกำลังนั่งคุยหัวเราะคิกคักด้วยกัน คนจำนวนไม่น้อยจึงพากันมองมา ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยหน้าตาค่อนข้างดี สวยกันคนละแบบ เมื่อทั้งสองมายืนคู่กัน จึงดูเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ

เซี่ยอวี่หรงก็เห็นฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยเหมือนกัน เมื่อนึกไปถึงว่าฉินมู่หลานกำลังจะได้กลับเข้าตระกูล จึงไม่อาจทำใจมองข้ามผ่านไปได้ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดของพวกนักศึกษาชายสองคน

“นั่นใช่นักศึกษาแพทย์ฉินมู่หลานหรือเปล่า สวยมากเลยนะ”

“นักศึกษาคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างหล่อนก็สวยเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าพวกนักศึกษาแพทย์จะสวยกันขนาดนี้”

“ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าพวกหล่อนจะมีข้อบกพร่องตรงไหนกันบ้าง”

เซี่ยอวี่หรงรู้จักหนึ่งคนในนั้น พวกเขาเป็นนักศึกษาผู้ชายที่อยู่คณะเดียวกัน ฐานะทางบ้านค่อนข้างดี หน้าตาก็ค่อนข้างใช้ได้ จึงค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบ

“นักศึกษา นายคือฮั่วหย่าซงใช่ไหม”

ฮั่วหย่าซงได้ยินดังนั้นก็หันไปมอง ก่อนจะรีบยิ้มแล้วกล่าว “นักศึกษาเซี่ยนี่เอง พวกเราอยู่ชั้นเดียวกัน เธอจำไม่ได้เหรอ”

เซี่ยอวี่หรงได้ยินแบบนี้ก็รีบยิ้มแล้วพูดขึ้น “รู้จักอยู่แล้ว แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินพวกนายเพิ่งพูดถึงฉินมู่หลานเหรอ หล่อนพักอยู่ข้างห้องพักฉันเอง จึงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหล่อนมานิดหน่อย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฮั่วหย่าซงก็มีตาเป็นประกาย แล้วเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยเล่าเรื่องฉินมู่หลานเพื่อนร่วมหอพักเธอให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ยัยอวี่หรงมีแผนร้ายอะไรอีก กัดไม่เลิกนะหล่อน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน