ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 355 สั่นคลอนอย่างมาก(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 355 สั่นคลอนอย่างมาก(1)

ตอนที่ 355 สั่นคลอนอย่างมาก(1)

เซี่ยเจ๋อหลี่กับเจี่ยงสือเหิงได้ยินเรื่องที่ฉินมู่หลานบออก ก็ต่างพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ได้ พวกเราจะไปที่นั่นด้วยกัน”

เหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นด้วย “ถึงตอนนั้นฉันจะไปตามพวกคุณตาไปด้วยกัน”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็รีบพูดขึ้น “ค่ะ มีคุณตากับพี่ใหญ่และพวกพี่สะใภ้ไปด้วย พวกเราจะได้สนุกกันหน่อย”

“ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปบอกพวกคุณพ่อให้”

ทุกคนกินอาหารด้วยกันอย่างคึกคัก หลังจากกินเสร็จ ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาลูก ๆ กลับไปที่ห้อง

หลังจากลูกทั้งสองหลับแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หันมองฉินมู่หลานด้วยความลังเลที่จะเอ่ย

ฉินมู่หลานเห็นเขาดูแปลกไป จึงรีบเอ่ยถาม “ทำไมเหรอคะ? หรือว่าเจออะไรเข้า?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ถอนหายใจ ก่อนจะพูด “อีกไม่กี่วันผมจะกลับไปทำงานที่กองทัพแล้วน่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดตกใจไม่ได้ ก่อนจะถามขึ้น “คุณเปลี่ยนมาทำงานที่สถาบันวิจัยแล้วไม่ใช่เหรอ”

แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกตัวขึ้นมา

ตอนแรกเซี่ยเจ๋อหลี่ได้รับบาดเจ็บ จึงย้ายมาทำงานที่สถาบันวิจัย จริง ๆ แล้วตอนนั้นเธอก็แอบสงสัยอยู่บ้าง เพราะอาการบาดเจ็บของเซี่ยเจ๋อหลี่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และเขาเองก็ทราบเรื่องนี้เหมือนกัน สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ ดูเหมือนว่าเซี่ยเจ๋อหลี่มาทำงานที่สถาบันตั้งแต่ตอนนั้นเพราะเป็นภารกิจอย่างหนึ่ง เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เขาจึงจะกลับไป

คำอธิบายของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้ยืนยันข้อสงสัยนี้ด้วย

“ตอนนั้นเห็นว่าที่สถาบันวิจัยมีปัญหา ส่วนผมก็บาดเจ็บ เลยอาศัยประโยชน์จากสถานการณ์ตรงนั้นย้ายมาทำงานที่สถาบันวิจัย ตอนนี้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว ทางฝั่งพ่อบุญธรรมก็คงไม่มีปัญหาอะไรอีก ผบ.เจียงก็มาตามตื๊อผมอยู่หลายครั้งแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากงานเลี้ยงรับรองตระกูลเซี่ยแล้วผมก็ต้องกลับไป”

เมื่อพูดถึงตอนท้าย เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เป็นกังวลเรื่องฉินมู่หลานนิดหน่อย

“มู่หลาน คุณกลับไปแล้วจะไม่เป็นไรจริงเหรอ ผมให้โหยวหย่งคอยคุ้มกันคุณได้นะ ถึงยังไงเรื่องที่สถาบันก็จบลงแล้ว ภารกิจของโหยวหย่งก็จบแล้วเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ยิ้มพลางส่ายหัว “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันอยู่ตรงนี้ไม่มีปัญหาอะไร มีชุยเสี่ยวผิงกับเหวินเฉียนคอยอยู่ด้วย แล้วไหนจะเซี่ยปิงชิงอีก”

ขณะพูด ฉินมู่หลานก็บอกความลับของเซี่ยปิงชิง “เซี่ยปิงชิงแอบบอกฉันว่าในตระกูลเซี่ยสายรองนั่นมีคนตระกูลหลักของหล่อนคอยแฝงตัวอยู่ด้วย หากต้องการความช่วยเหลือ หล่อนจะให้คนช่วยฉัน”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่คิดว่าตระกูลเซี่ยทางซีอานจะมีวิธีการเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงโล่งใจนิดหน่อย

“อย่างนั้นก็ดี แต่เดี๋ยวผมจะคอยบอกโหยวหย่งเอาไว้ด้วย หากเขาอยากทำงานนี้ ผมก็จะให้เขาคอยช่วยตามคุ้มกันคุณ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ไม่ปฏิเสธอีก

“ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณลองถามดูแล้วกัน”

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เหยาจิ้งจือก็หาเวลาไปเยี่ยมบ้านตระกูลเหยา

“พ่อคะ พ่อไปงานเลี้ยงรับรองในวันเสาร์นี้ด้วยกันเถอะค่ะ”

นายท่านเหยาทราบเรื่องตัวตนของฉินมู่หลานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินแบบนี้ จึงอดพูดไม่ได้ “มู่หลานวางแผนจะกลับเข้าตระกูลเซี่ยเหรอ”

“ใช่ค่ะ”

เหยาจิ้งจืออดถอนหายใจไม่ได้ ก่อนจะบอกเหตุผลให้ฟัง “เป็นไปได้ว่าแม่แท้ ๆ ของฉินมู่หลานจะโดนฆาตกรรม เพราะฉะนั้นมู่หลานก็เลยวางแนจะกลับเข้าตระกุลเซี่ยเพื่อตามสืบเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น แล้วก็อยากจะคอยขัดขวางเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงสองแม่ลูกด้วย จึงวางแผนจะกลับตระกูลเซี่ย แล้วคว้าทุกอย่างมาไว้ในกำมือทั้งหมด จะไม่ปล่อยให้เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงสองแม่ลูกได้อยู่เป็นสุขแน่นอน”

นายท่านเหยาได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้ม แล้วบอกกล่าว “มู่หลานทำอะไรก็ดีอยู่แล้ว หล่อนเป็นเด็กที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว หลายอย่างที่หล่อนทำมันออกมาดีมากจริง ๆ”

เมื่อเห็นชายชรายกย่องลูกสะใภ้มากขนาดนี้ เหยาจิ้งจือก็อดหัวเราะไม่ได้

“พ่อคะ ดูเหมือนพ่อจะชอบมู่หลานมากเลยนะ หล่อนทำได้ดีจริงค่ะ ความสามารถเต็มเปี่ยมทีเดียว” หล่อนเคยกังวลในตอนแรกที่ลูกชายคนเล็กแต่งงานกับฉินมู่หลาน แต่มองดูตอนนี้ การแต่งงานในตอนนั้นดูเหมือนจะถูกต้องที่สุดแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตาของทั้งสองคน

หลังจากเหยาจิ้งจือคุยกับนายท่านเหยาได้สักพัก ก็อดถามไม่ได้ “แล้วถึงตอนนั้นคุณนายจะไปไหมคะ?”

“หล่อนก็จะไปด้วย”

นายท่านเหยาตัดสินใจแทนคุณนายเหยาเรียบร้อยแล้ว “ตอนนี้แม่ของลูกเปลี่ยนไปมาก เรื่องของเริ่นม่านลี่ก่อนหน้านี้ค่อนข้างส่งผลกับหล่อนมาก สุดท้ายหล่อนก็ตระหนักได้ว่าตัวเองทำผิดไป ยังไงลูกก็…เฮ้อ…จะพูดยังไงดีล่ะ ก็ดีกันได้แล้ว จะได้กลับมาเป็นแม่ลูกกัน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็ไม่ได้ยอมตกลงทันที หลังจากเงียบไปสักพัก ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ พ่อ ต่อไปฉันจะพยายามคืนดีกับคุณนายนะคะ”

เมื่อได้ยินลูกสาวบอกแบบนั้น นายท่านเหยาก็รู้สึกดีใจมาก จึงยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยความหวัง “วันนี้กลับมากินข้าวมื้อเที่ยงที่บ้านกันเถอะ ตอนเที่ยงทั้งเสวี่ยเยี่ยนกับเจ๋อเหว่ยก็กลับมาหมดเลย”

“ค่ะ”

สุดท้ายเหยาจิ้งจือก็ตอบตกลง

เมื่อถึงเวลากินข้าวตอนเที่ยง คุณนายเหยาก็มาที่ห้องอาหารด้วย นางทราบอยู่แล้วว่าลูกสาวมาที่บ้าน แต่ยังไม่กล้าออกมาพบหล่อน ด้วยกลัวว่าลูกสาวจะยังฝังใจเรื่องที่นางเคยทำก่อนหน้านี้ แต่ติดที่ยังอยากเจอหน้าลูกสาว จึงยอมออกมา

เหยาจิ้งจือเห็นคุณนายเหยา ก็เปิดปากขึ้น ก่อนจะเอ่ยเรียกว่าคุณนาย

เมื่อได้ยินลูกสาวเอ่ยเรียกตัวเองด้วยสรรพนามนั้น คุณนายเหยาก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย แต่เข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของตัวเอง จึงพยายามยกยิ้มอย่างเต็มที่แล้วเอ่ยขึ้น “จิ้งจือ ลูกมาแล้ว รีบมานั่งเร็ว จะได้กินข้าว”

“ค่ะ”

เป็นเรื่องยากที่ครอบครัวสามคนจะอยู่กันพร้อมหน้า แล้วกินข้าวด้วยกัน

แม้เหยาจิ้งจือจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่นายท่านเหยากับคุณนายเหยาก็ยังรู้สึกมีความสุขมาก

หลังจากกินเสร็จ เหยาจิ้งจือก็ไปที่โรงงาน พร้อมบอกลูกสะใภ้คนโตเรื่องที่จะไปงานเลี้ยงรับรองของตระกูลเซี่ยในวันเสาร์นี้ด้วย

ตอนนี้หลี่เสวี่ยเยี่ยนรู้สึกสะเทือนใจนิดหน่อย “ไม่คิดเลยว่ามู่หลานจะเป็นเชื้อสายของตระกูลเซี่ยที่ปักกิ่ง แต่หล่อนควรใส่ใจเรื่องที่จะกลับเข้าตระกูลด้วยนะคะ ถ้าคนในบ้านใหญ่เกิดมีปัญหาคงแย่มากแน่” หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันมองเหยาจิ้งจือก่อนจะยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “บ้านเราดีมากเลยค่ะ แม่กับพวกคุณตาน่ารัก ในครอบครัวก็ไม่มีใครคิดร้ายใส่”

เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ ก็หันมองหลี่เสวี่ยเยี่ยนก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ตั้งแต่มาปักกิ่ง เธอก็พูดเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ”

“แม่คะ ฉันพูดแต่ความจริงทั้งนั้น”

อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานเอ่ยเตือนเซี่ยปิงหรุ่ยอีกครั้ง “ปิงหรุ่ย วันเสาร์เธออย่าลืมไปบ้านตระกูลเซี่ยนะ ปิงชิงก็จะไปด้วยเหมือนกัน”

“ได้ ฉันไม่ลืมหรอก”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็นึกถึงเรื่องเซี่ยปิงชิง ก่อนจะพูดด้วยอีกไม่กี่คำ “ปิงชิงอยู่ที่บ้านของพวกเธอเรียบร้อยดีใช่ไหม”

“เรียบร้อยดี”

หลังกลับจากมหาวิทยาลัยเธอจะได้คุยกับเซี่ยปิงชิงสักพัก แต่เวลาส่วนใหญ่ เซี่ยปิงชิงจะอยู่ในห้องพักเพื่อทำสูตรสกัดพิษของตัวเอง เพราะฉะนั้นทั้งสองจึงไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก แต่เห็นว่าทุกวันนี้เซี่ยปิงชิงอารมณ์ดี มีความสุขกับการอยู่กับตัวเองมาก

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดเบะปากตัวเองไม่ได้ ก่อนจะพูด “ดูเหมือนว่าจะมีความสุขมากเกินไปแล้วนะ แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องของหล่อน”

เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยเป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “ปิงหรุ่ย ถ้าเธอว้าวุ่นใจ จะไปหาปิงชิงทุกวันก็ได้นะ”

“เหอะ…ใครอยากจะไปหาหล่อนกัน”

ทั้งสองพูดคุยกันขณะเดิน แล้วตรงไปที่โรงอาหาร

แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันจะได้ไปซื้อข้าว ก็เห็นชายหนุ่มหน้าคุ้นเคยเดินเข้ามาหา

“นักศึกษาฉิน กำลังจะไปซื้อข้าวเหรอครับ เดี๋ยวผมช่วยต่อแถวให้เอง”

ฉินมู่หลานขมวดคิ้วแล้วจ้องมองฮั่วหย่าซงที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้”

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ขอให้ได้คืนดีเป็นแม่ลูกกันนะคะ สิ่งที่คุณนายเหยาทำก่อนหน้านี้มันเกินไปจริงๆ

ไอหนุ่ม มู่หลานแต่งงานมีลูกแล้วนะ อย่าไปเป็นเครื่องมือให้นังงูพิษอวี่หรงเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท