ตอนที่ 356 สั่นคลอนอย่างมาก(2)
ตอนที่ 356 สั่นคลอนอย่างมาก(2)
แม้ฉินมู่หลานจะปฏิเสธแล้ว แต่ฮั่วหย่าซงก็ยังเดินตามติดเธอ ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันช่วยเธอซื้อข้าวได้ หาที่นั่งแล้วนั่งรอเถอะ”
เมื่อเห็นฮั่วหย่าซงดูเหมือนจะไม่เข้าใจ สีหน้าของฉินมู่หลานจึงมืดมนลง
“นักศึกษาฮั่ว ฉันบอกว่าไม่ต้องไง ฉันไปซื้อข้าวเองได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนายหรอก”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานปฏิเสธอีกครั้ง ฮั่วหย่าซงจึงยอมหยุด ก่อนจะหันมองฉินมู่หลานด้วยความสงสัยพลางเอ่ยถาม “นักศึกษาฉิน เธอไม่ต้องการการให้ฉันช่วยเหรอ?”
ก่อนหน้านี้มีนักศึกษาหญิงตั้งหลายคนที่เข้ามาตีสนิทกับเขา และเมื่อเขายอมพูดคุยอย่างสนิทสนมด้วย คนพวกนั้นก็รู้สึกดีใจมาก คิดไม่ถึงเลยว่าฉินมู่หลานจะดึงสีหน้าเย็นชาใส่เขาอยู่เสมอ
ฉินมู่หลานพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาแล้วบอกกล่าว “ใช่ ฉันไม่ต้องการให้นายช่วย”
พูดจบเธอก็พาเซี่ยปิงหรุ่ยตรงไปต่อแถวซื้ออาหารทันที
หลายคนเห็นเหตุการณ์นี้ นักศึกษาหญิงหลายคนที่ล้วนรู้จักฮั่วหย่าซงได้เห็นฉินมู่หลานปฏิเสธฮั่วหย่าซงอย่างไร้ความปราณี จึงอดขมวดคิ้วแล้วมองไปเสียไม่ได้
“นักศึกษาหญิงคนนั้นเป็นใครกัน ทำไมหล่อนถึงได้พูดจาหยาบคายแบบนี้”
“ใช่แล้ว ถึงจะค่อนข้างสวยก็เถอะ แต่หล่อนก็ไม่ควรทำตัวหยิ่งขนาดนี้ไหม ไม่เห็นหรือไงว่านักศึกษาฮั่วหย่าซงเสียใจมากแค่ไหน”
ฉินมู่หลานเมินเฉยเรื่องพวกนี้ เธอมองดูถ้วยกับข้าวผ่านทางกระจกฉากกั้น แล้วสั่งไปสองอย่าง
และเซี่ยปิงหรุ่ยก็หันมองฉินมู่หลานด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะเอ่ยถาม “คนที่ชื่อฮั่วหย่าซงนั่นดูเหมือนเขาจะชอบเธอนะ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงอยากจะมาต่อแถวซื้ออาหารให้เธอล่ะ”
“ไม่มีทางหรอก ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยนะ”
ฉินมู่หลานปฏิเสธโดยไม่ได้คิดอะไรเลย “แล้วเธอก็รู้เรื่องของฉันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันไม่สามารถมองชายอื่นได้”
“แต่คนอื่นไม่ได้รู้เรื่องของเธอนะ ฮั่วหย่าซงคนนั้นก็คงไม่รู้เหมือนกัน”
ฉินมู่หลานครุ่นคิดหลังจากได้ยินเรื่องนั้น ก่อนจะบอกกล่าว “ดูเหมือนว่า ครั้งต่อไปฉันจะต้องบอกเขาแล้วล่ะว่ามีลูกมีสามีแล้ว ถ้าบอกอย่างนั้นก็คงช่วยประหยัดเวลาได้มาก”
“นั่นก็จริง”
หลังจากทั้งสองนั่งลง เฉินเซี่ยวอวิ๋นกับเหมาชุนเถาทั้งสองคนก็เดินเข้ามาหา
เฉินเซี่ยวอวิ๋นมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน เมื่อกี้ฮั่วหย่าซงก็แค่อยากจะช่วยต่อแถวซื้ออาหารให้เธอเอง เขาสนใจเธอนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ขมวดคิ้วแล้วหันมองเฉินเซี่ยวอวิ๋นพลางพูดขึ้น “เธอเห็นแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องเห็นตอนที่ฉันปฏิเสธเข้าด้วยใช่ไหม ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันมีลูกแล้ว นี่เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่”
“อะไรนะ…”
เหมาชุนเถาหันมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน เธอ…เธอแต่งงานมีลูกแล้วเหรอ?”
“ใช่แล้ว เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็รู้เรื่องนี้แล้วด้วย”
“ฉัน…”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นไม่คิดเลยว่าฉินมู่หลานจะพูดออกมาแบบนี้ จึงทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ ฉันรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหมาชุนเถาก็อดหันมองเฉินเซี่ยวอวิ๋นแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “เซี่ยวอวิ๋น แล้วทำไมเธอถึงพูดเรื่องฮั่วหย่าซงกับมู่หลานแบบนั้นล่ะ มู่หลานแต่งงานมีลูกแล้ว จะให้สนใจเพื่อนนักศึกษาชายคนอื่นก็คงไม่ได้หรอกนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อย่างน้อยชุนเถาก็ยังเข้าใจฉัน ฉันไม่ได้สนใจเพื่อนนักศึกษาชายคนนั้นเลย ครั้งหน้าอย่ามาพูดเรื่องนี้กับฉันอีกนะ”
เหมาชุนเถาพูดเห็นด้วย “ได้ ครั้งหน้าจะไม่พูดถึงแน่นอน พวกเราที่แต่งงานมีลูกกันแล้ว จิตใจก็ต้องอยู่กับคนที่บ้าน ทำได้เพียงรำคาญพวกนักศึกษาชายพวกนั้นที่เข้ามาเกาะแกะเท่านั้นแหละ”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นพูดอะไรไม่ออก แล้วทำได้เพียงก้มหน้าก้มตากินข้าว
เป็นเพราะฉินมู่หลานไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทำให้คนอื่นได้ทราบเรื่องของตัวเองด้วย หลายคนจึงทราบว่าฉินมู่หลานแต่งงานมีลูกแล้ว
เมื่อฮั่วหย่าซงทราบเรื่องนี้ ก็รู้สึกหัวใจดิ่งวูบ
“เป็นไปไม่ได้ ฉินมู่หลานดูไม่เหมือนคนมีลูกเลยสักนิด หล่อนคงไม่ได้อยากจะปฏิเสธฉันจึงพูดอะไรแบบนั้นออกมาหรอกใช่ไหม”
จางเสวียหล่างตบไหล่สหายคนสนิทแล้วพูดขึ้น “ถ้าไม่ใช่ นักศึกษาฉินคงไม่ปฏิเสธนายแน่นอน ถึงขนาดยอมทำลายชื่อเสียงตัวเอง เพียงเพื่อบอกว่าหล่อนแต่งงานมีลูกแล้วเนี่ยนะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกตินะ เพื่อนที่เรียนระดับชั้นเดียวกันกับพวกเราแต่งงานมีลูกแล้วก็เยอะอยู่”
ถึงแม้จะเข้าใจเรื่องนี้ แต่ฮั่วหย่าซงก็ยังรู้สึกโกรธ
“เซี่ยอวี่หรงหลอกฉัน”
จางเสวียหล่างร่วมพูดคุยด้วย ก่อนจะบอกกล่าว “ไม่มีใครรู้เรื่องที่ฉินมู่หลานแต่งงานมีลูกแล้วมาก่อนเลยนะ วันนี้หล่อนเพิ่งพูดเรื่องนี้ออกมา เพราะฉะนั้นเซี่ยอวี่หรงก็อาจไม่รู้เหมือนกัน”
เซี่ยอวี่หรงต้องรู้อยู่แล้วแน่นอน
ในตอนนี้หล่อนก็ได้ยินข่าวเรื่องของฉินมู่หลานแล้วเหมือนกัน แววตาของหล่อนเป็นประกายก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะอธิบายว่าตัวเองแต่งงานมีลูกแล้ว แต่เรื่องที่ฮั่วหย่าซงต้องการต่อแถวซื้อข้าวให้เธอล้วนอยู่ในสายตาของทุกคน ดังนั้น….ไม่รู้ว่าทุกคนจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากฉินมู่หลานอธิบายแล้วก็เมินเฉยเรื่องนี้ไป
เมื่อถึงวันเสาร์ ฉินมู่หลานก็พาทุกคนในครอบครัวมาที่โรงแรมปักกิ่งอย่างเร่งรีบ
เซี่ยฉางชิงรออยู่ตรงหน้าประตูนานแล้ว เมื่อเห็นพวกฉินมู่หลานมา ก็รีบยกยิ้มแล้วเดินมาทักทายข้างหน้า “มู่หลาน ในที่สุดพวกลูกก็มาแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขาก็ทักทายเจี่ยงสือเหิง ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเจ๋อหลี่
พวกเจี่ยงสือเหิงก็ยิ้มแล้วทักทายกลับเป็นมารยาท
“เชิญด้านในครับ พวกคุณไปนั่งตรงส่วนเจ้าภาพได้เลยครับ”
นายท่านเซี่ยและคุณนายเซี่ยกำลังรับแขกอยู่ข้างใน เมื่อเห็นพวกฉินมู่หลานมาแล้วก็รีบยิ้มทักทาย ลูกชายคนเล็กทำเพื่อฉินมู่หลานลูกสาวแท้ ๆ ของเขาคนนี้ วันนี้ไม่รู้ว่าเชิญแขกมากันมากน้อยแค่ไหน รู้เพียงว่าพวกเขายิ้มจนเหงือกแทบแห้งแล้ว แต่แขกก็ยังถาโถมเข้ามาเรื่อย ๆ พวกเขาจึงต้องยกยิ้มต่อไป
เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงก็เห็นพวกฉินมู่หลานอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ใส่ใจจะก้าวเดินมาหาเลย
นับตั้งแต่มีข่าวเรื่องตัวตนของฉินมู่หลานออกมา ก็มีคนมากมายที่หัวเราะเยาะหล่อนทั้งต่อหน้าและลับหลังจนแทบเชิดหน้าไม่ขึ้น
และในตอนนี้ พวกนายท่านเหยาก็มาแล้ว สิ่งที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่านั้นก็คือ หลิวเสวียข่ายกับอี้หัวก็มาด้วย
“สหายฉิน ยินดีด้วยครับ”
หลิวเสวียข่ายยิ้มแล้วก้าวเดินมาหาเพื่อทักทายฉินมู่หลาน เช่นเดียวกับอี้หัว
ฉินมู่หลานเห็นดังนั้น ก็ยิ้มแล้วก้าวเดินมาข้างหน้า
หลังจากนั้นก็ยังมีคนอื่นมากันต่อเรื่อย ๆ ผ่านไปสักพัก โรงแรมปักกิ่งก็คึกครื้นขึ้นมา งานเลี้ยงรับรองการเข้าตระกูลถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
ในตอนนี้ เริ่นม่านนีก็เดินตรงไปหาเซี่ยอวี่หรงด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม ก่อนจะยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “อวี่หรง เธอมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ ออกไปข้างหน้าด้วยกันเถอะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เดี๋ยวก็รู้ ว่างานเลี้ยงตระกูลครั้งนี้เธอจะมีหน้าสู้คนอื่นหรือเปล่ายัยอวี่หรง เก่งแต่ลอบกัดลับหลังนะ
ไหหม่า(海馬)