ตอนที่ 357 โดดเด่นไม่เป็นรอง(1)
ตอนที่ 357 โดดเด่นไม่เป็นรอง(1)
เซี่ยอวี่หรงได้ยินคำพูดของเริ่นม่านนีก็หันไปมองแล้วบอกกล่าวกับเธอ “พี่สะใภ้ เดี๋ยวพองานเลี้ยงรับรองใกล้จะเริ่มแล้ว หนูจะออกไปรับหน้าแขกเองค่ะ”
เริ่นม่านนีได้ยินแบบนี้ ก็ยกยิ้มแล้วหันมองเซี่ยอวี่หรง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันเข้าใจนะว่าตอนนี้เธอรู้สึกยังไง เพราะวันนี้เป็นวันที่ฉินมู่หลานจะได้กลับเข้าตระกูล และหล่อนก็เป็นคนที่พวกเราไม่ชอบหน้า ฉันเองก็ขี้เกียจออกไปเผชิญหน้ากับหล่อนเหมือนกัน เพียงแต่…” หลังจากพูดถึงตอนท้าย เริ่นม่านนีก็ต้องพูดโน้มน้าวอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ยังไงพวกเราก็ควรจะไป ไม่อย่างนั้นฉินมู่หลานก็จะขโมยความโดดเด่นไปหมดนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี่หรงก็หันมองเริ่นม่านนีอย่างอดไม่ได้
และเริ่นม่านนีที่อยู่ตรงนั้นก็พูดขึ้นต่อ “ต่อให้ฉินมู่หลานได้กลับมาแล้วจะยังไงล่ะ หล่อนเป็นแค่ลูกสาวนอกสมรส เทียบกับลูกสาวแท้ ๆ ตามกฎหมายอย่างเธอไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นเธออย่าเลี่ยงฉินมู่หลานเลย เธอควรจะก้าวออกไป เพื่อให้ทุกคนในวันนี้ได้เห็นว่าคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเซี่ยที่แท้จริงคือเธอ”
ในตอนนี้ เติ้งซูหลานก็เดินเข้ามาเช่นกัน หล่อนได้ยินสิ่งที่เริ่นม่านนีพูดก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล จึงหันไปมองเซี่ยอวี่หรงแล้วพูดขึ้นทันที “เอาล่ะอวี่หรง พวกเราไปกันเถอะ”
เมื่อเห็นแม่พูดแบบนั้น เซี่ยอวี่หรงจึงพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ค่ะ พวกเราไปกัน”
ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ในตอนนี้กำลังทำความรู้จักกับสมาชิกคนอื่นในตระกูลเซี่ยอยู่ โดยมีเซี่ยฉางชิงเป็นคนนำ
“มู่หลาน อาหลี่ นี่คือคุณปู่กับคุณย่า”
นายท่านเซี่ยและคุณนายเซี่ยยิ้มพลางมองฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน อาหลี่ ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน”
พูดจบก็เอ่ยถามขึ้นอีก “แล้วลูก ๆ ของพวกเธอล่ะ?”
ฉินมู่หลานยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะบอกกล่าว “พวกแม่ ๆ ของฉันพาไปค่ะ”
นายท่านเซี่ยรู้สึกอิจฉาลูกแฝดของฉินมู่หลานนิดหน่อย ด้วยทราบว่าหลานชายคนโตแต่งงานมานานแล้วแต่ก็ยังไม่มีลูกสักที นอกจากนี้แม้แต่ตระกูลหลักทางซีอานก็เพิ่งได้ลูกแฝดเป็นเซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงอีก จึงไม่อยากพูดถึงทางตระกูลของพวกเขาที่แยกย่อยออกมา ไม่คิดเลยว่าฉินมู่หลานที่เป็นหลานสาวที่โดนทอดทิ้ง จะให้กำเนิดฝาแฝดมังกรหงส์ได้
ตามที่คาดไว้ว่ามีเชื้อสายของตระกูลเซี่ย จึงสามารถให้กำเนิดลูกแฝดได้
“มู่หลาน จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ตระกูลเราคลอดลูกแฝดกันหลายคน แต่ในตระกูลรุ่นเราไม่ได้มีฝาแฝดมานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าหลานจะแข็งแกร่งถึงกับให้กำเนิดฝาแฝดมังกรหงส์แบบนี้ อย่างที่คาดไว้เลยว่าต้องเป็นหลานสาวของเซี่ยเหยียนอู่อย่างฉันแน่นอน” หลังจากพูดจบ นายท่านเซี่ยก็หัวเราะออกมา แสดงให้เห้นว่าเขาดีใจแค่ไหน
เซี่ยฉางชิงเห็นพ่อยอมรับฉินมู่หลาน จึงพูดพร้อมรอยยิ้ม “มู่หลานเก่งมากจริง ๆ ครับ แต่หล่อนไม่ได้เก่งแค่เรื่องให้กำเนิดลูกนะ ยังมีความสามารถโดดเด่นกว่าคนรอบข้างส่วนใหญ่อีกด้วย”
เมื่อเห็นใบหน้าของเซี่ยฉางชิงดูภูมิใจ ว่านจี้อวิ๋นจึงอดพูดไม่ได้ “ดูฉางชิงของเราจะดีใจมากนะคะ เพิ่งได้ลูกสาวกลับมา ก็คิดไปเสียแล้วว่าหล่อนเก่ง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลายคนก็พากันหัวเราะ และเซี่ยฉางชิงก็หันไปพูดกับว่านจี้อวิ๋น “พี่สะใภ้ ผมไม่ได้รู้สึกไปเองนะครับ มู่หลานเก่งมากจริง ๆ”
“ก็ได้ๆๆ เก่งจริงๆ”
ว่านจี้อวิ๋นยอมรับเรื่องนี้พร้อมรอยยิ้ม เพียงแต่น้ำเสียงของหล่อนฟังราวกับว่าฉินมู่หลานไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลยจริง ๆ มีเพียงแค่เซี่ยฉางชิงที่เป็นพ่อเท่านั้น ที่รู้สึกว่าลูกสาวของตัวเองเก่ง
แน่นอนว่าคนอื่นก็คิดแบบเดียวกัน
เซี่ยฉางชิงเห็นแบบนี้จึงขมวดคิ้วนิดหน่อย อยากจะพูดต่ออีกสักหน่อย แต่ฉินมู่หลานกลับเปิดปากยิ้มแล้วพูดก่อน “นี่คือคุณป้าสะใภ้ใช่ไหมคะ จากที่ได้ยินคนอื่นพูดมา คุณทั้งสง่างาม ใจกว้างและงดงามเป็นที่สุด เป็นลูกสะใภ้ที่ดีของคุณท่านกับคุณนายทีเดียว”
ว่านจี้อวิ๋นได้ยินแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
ตระกูลเซี่ยมีลูกสะใภ้สองคน คือหล่อนกับเติ้งซูหลาน ตอนนี้ฉินมู่หลานบอกว่าหล่อนดีที่สุด ถ้าอย่างนั้นเติ้งซูหลานก็คงไม่ดี ดูเหมือนว่าหลังจากนี้อีกครอบครัวหนึ่งคงมีเรื่องให้ตื่นเต้นมากขึ้น ซึ่งหล่อนก็มีความสุขที่จะได้คอยรับชมเหมือนกัน
“มู่หลาน ไม่คิดเลยว่าเธอเพิ่งกลับมาจะพูดกับฉันแบบนี้ น่าภูมิใจจังเลย หลังจากนี้มีเรื่องอะไร ก็มาบอกป้าสะใภ้ได้นะ”
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรหนูจะไปหาป้าสะใภ้แน่นอนค่ะ”
ว่านจี้อวิ๋นเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ จึงเริ่มหัวเราะขึ้น ขณะเดียวกันก็อดหันมองเติ้งซูหลานที่ยืนอยู่ทางด้านหลังสุดเสียไม่ได้ สายตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันน่าปิติยินดี
เติ้งซูหลานจ้องมองพี่สะใภ้อย่างว่านจี้อวิ๋นอย่างเย็นชา
ในฐานะน้องพี่สะใภ้สะใภ้ พวกหล่อนสองคนดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ความจริงแล้วมันเป็นเพียงฉากจอมปลอม ตอนนี้พี่สะใภ้เผยธาตุแท้แล้ว แล้วยังอยากจะให้หล่อนยิ้มด้วยหรือ
เมื่อเซี่ยฉางชิงเห็นว่ามู่หลานพูดคุยกับพี่สะใภ้ด้วยความสนิทสนมกลมเกลียว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขากลับเอ่ยแนะนำพร้อมรอยยิ้ม “มู่หลาน นี่คือป้าของลูก ส่วนนั่นเป็นลุงของลูก”
เมื่อเซี่ยฉางหมิงมองฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วพยักหน้ารับเป็นเชิงทักทาย
อันที่จริงเขาไม่เห็นด้วยกับการที่น้องชายจะรับลูกสาวแท้ ๆ กลับมา ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่าคนอื่นจะพูดถึงตระกูลเซี่ยอย่างไรด้วย แต่น้องชายกลับยืนยันหัวชนฝาว่าชื่อของฉินมู่หลานจะต้องมีประดับเอาไว้ในแผนผังวงศ์ตระกูลด้วย และจะต้องกลายมาเป็นคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเซี่ยที่ปักกิ่ง ในเมื่อเรื่องทุกอย่างดำเนินมาจนถึงจุดนี้แล้ว ต่อให้เขาจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ จึงต้องจำใจยอมรับหลานสาวคนโตคนนี้ด้วยรอยยิ้มแทน
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพยักหน้าตอบกลับ หลังจากนั้นก็เอ่ยเรียกคุณลุง แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
ในตอนนี้ เริ่นม่านนีกับเซี่ยอวี่เซิงสามีของหล่อนได้เดินเข้ามา เซี่ยฉางชิงจึงถือโอกาสแนะนำ “มู่หลาน นี่คือลูกพี่ลูกน้องของลูกกับพี่สะใภ้”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันเคยเจอพี่สะใภ้หลายครั้งแล้ว”
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ก็ต่างทราบข้อพิพาทระหว่างตระกูลเริ่นกับตระกูลเหยากันมาแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมายืนอยู่ด้วยกัน หลายคนจึงมองดูด้วยความสนอกสนใจ
แน่นอนว่านายท่านเซี่ยก็ทราบเรื่องนี้ด้วย เขาจึงหันมองนายท่านเหยาแล้วเอ่ยขึ้น “เหล่าเหยา ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนะ”
นายท่านเหยาได้ยินแบบนี้จึงปรายตามองนายท่านเซี่ย แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับหันหน้าไปมองท่านเริ่นกับคุณนายเริ่นแทน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทางนี้ไม่ได้เข้าใจผิดอะไร ตระกูลเหยาของเราไม่เคยคิดทำร้ายใคร”
“ท่านเหยา ท่าน…ท่านอย่า…”
เพียงแต่คุณนายเริ่นยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนนายท่านเริ่นรั้งเอาไว้เสียก่อน
แม้แต่นายท่านเซี่ยก็หันมองเริ่นม่านนีด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ส่งความหมายผ่านทางสายตาอย่างชัดเจน อยากให้พวกเขาไม่ก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงรับรองในวันนี้ เพราะในวันนี้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็มีไม่น้อย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่น่านับถือด้วย
เริ่นม่านนีก็เข้าใจว่านายท่านเซี่ยความหมายว่าอย่างไร จึงฝืนยิ้มออกมา แล้วพูดขึ้น “นายท่านเหยาคะ ก่อนหน้านี้ครอบครัวเราผิดเองค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ถึงยังไงตอนนี้น้องสาวของฉันก็เสียไปแล้ว ดังนั้นพวกเราสองครอบครัวก็ควรเลิกยึดติดกับเรื่องนี้เสียทีนะคะ”
ไม่รอให้นายท่านเหยาได้ทันเปิดปากพูด ฉินมู่หลานก็เข้าร่วมวงสนทนาด้วยทันที “พี่สะใภ้ พี่กำลังพูดอะไรกันคะ ตอนนี้เราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แน่นอนว่าก็ไม่ใช่คนนอกกัน เพราะฉะนั้นต่อไปเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดจาตรงไปตรงมา นายท่านเซี่ยก็ยิ่งรู้สึกพอใจมากขึ้นเท่านั้น หลานสาวคนโตคนนี้มีเหตุผลมาก “มู่หลานของเราพูดถูกแล้ว เราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”
นายท่านเหยาซึ่งเป็นคุณตาเห็นฉินมู่หลานกำลังทำหน้าที่อย่างเป็นธรรมชาติ ก็ไม่พูดอะไรอีก ประหนึ่งว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว
เพียงแต่ทุกคนในตระกูลเริ่นยังรู้สึกเสียใจ สุดท้ายพวกเขาก็ยังสงสัยตระกูลเหยา
และในตอนนี้ เซี่ยฉางชิงก็แนะนำมาถึงเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรง แต่เมื่อเห็นท่าทางของภรรยากับลูกสาวตัวเองเป็นแบบนี้ เซี่ยฉางชิงก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยแนะนำอย่างไรในชั่วขณะหนึ่ง
เริ่นม่านนีที่อยู่ข้าง ๆ จึงพูดขึ้นแทน “มู่หลาน นั่นคือแม่ของเธอ ส่วนนั่นคือเซี่ยอวี่หรงน้องสาวของเธอ จากนี้ไปพวกเธอก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” หลังจากพูดจบ แววตาของหล่อนก็เปล่งประกาย
ฉินมู่หลานเป็นคนใจกว้างไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็อยากจะเห็น ว่าฉินมู่หลานเป็นคนใจกว้างขนาดนั้นหรือเปล่า ถึงขนาดที่จะยอมให้เติ้งซูหลานเป็นแม่
เพราะหากตระกูลเซี่ยไม่ได้แต่งงานกับตระกูลเติ้งอย่างกะทันหันในปีนั้น คนที่จะแต่งเข้ามาก็จะเป็นซูหว่านอวี๋แม่แท้ ๆ ของฉินมู่หลาน ถึงตอนนี้ซูหว่านอวี๋จะเสียชีวิตไปแล้ว และภรรยาของเซี่ยฉางชิงก็กลายเป็นเติ้งซูหลานแล้ว แต่หล่อนก็ไม่ปักใจเชื่อว่าฉินมู่หลานจะไม่แค้นฝังใจกับเติ้งซูหลาน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตระกูลเซี่ยสายรองนี่มีแต่เสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้นเลย มู่หลานระวังตัวด้วยนะ
ไหหม่า(海馬)