ตอนที่ 359 ต้องการทั้งหมด(1)
ตอนที่ 359 ต้องการทั้งหมด(1)
หลังทุกคนได้ยินเรื่องความสำเร็จของฉินมู่หลานแล้ว ต่างก็รู้สึกประหลาดใจมาก
กระทั่งนายท่านเซี่ยก็พิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เขาหันมองคุณนายเซี่ยด้วยความแปลกใจก่อนจะเอ่ยถาม “หลานสาวคนโตของเราเก่งมากขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมไม่เคยได้ยินเซี่ยฉางชิงพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย”
“ฉางชิงเพิ่งพามู่หลานกลับมา บางทีก็อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนค่ะ”
คุณนายเซี่ยพูดอย่างคลุมเครือ รู้สึกว่าหลานสาวคนโตคนนี้แตกต่างไปจากที่พวกเขาจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง แต่เมื่อเห็นหลายคนยอมรับและชื่นชมฉินมู่หลาน นายก็รู้สึกว่าการตัดสินใจรับหลานสาวคนนี้กลับมาถือเป็นเรื่องที่ชาญฉลาดมาก ถือเป็นการเสริมความรุ่งโรจน์ให้กับตระกูลเซี่ยของพวกเขา
เมื่อได้ยินคำชมของนายท่านเซี่ยและคุณนายเซี่ย สีหน้าของเติ้งซูหลานก็ดูมืดมนมากขึ้น
ว่านจี้อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ตอนแรกหล่อนคิดว่าการรับเด็กสาวกลับมาถือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ดูจากศึกในวันนี้ น้องเขยทั้งแนะนำญาติและมิตรสหาย อีกทั้งยังแนะนำให้รู้จักกับพวกคนใหญ่คนโตอีก และฉินมู่หลานก็เป็นคนที่มีความสามารถมากจริง เช่นนั้นหลังจากนี้ไปหากมีคนพูดถึงตระกูลเซี่ย ก็คงจะจดจำแค่ฉินมู่หลานได้เพียงคนเดียว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ว่านจี้อวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะหันมองนายท่านเซี่ย “พ่อคะ ตอนนี้มู่หลานก็กลับตระกูลเซี่ยของเราแล้ว แบบนี้หล่อนต้องเปลี่ยนแซ่ไหมคะ”
นายท่านเซี่ยไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้ได้ยินแบบนี้แล้ว จึงพยักหน้าเห็นด้วยแล้วบอกว่า “ใช่ เหมือนจะต้องเปลี่ยนนะ ฉางชิงนี่ก็ไม่ค่อยรอบคอบเลย มู่หลานควรเปลี่ยนแซ่ให้เรียบร้อยก่อนที่จะถึงวันนี้เสียอีก”
ว่านจี้อวิ๋นเห็นว่าชายชราอยากจะให้ฉินมู่หลานเปลี่ยนแซ่โดยเร็ว จึงอดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นพ่อก็ให้ฉางชิงไปบอกมู่หลานสิคะ จะได้หาเวลาไปเปลี่ยนแซ่เร็ว ๆ”
นายท่านเซี่ยพยักหน้าแล้วจำเรื่องนี้เอาไว้
เติ้งซูหลานแอบปรายตามองว่านจี้อวิ๋น เมื่อเห็นว่าหล่อนก็มองมา ก็อดขยับริมฝีปากยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “พี่สะใภ้ดูเป็นห่วงมู่หลานมากเลยนะคะ”
“เรื่องนั้นฉันต้องใส่ใจอยู่แล้ว ยังไงมู่หลานก็เป็นถึงหลานสาวคนโตของผู้อาวุโส”
คุณนายเซี่ยเห็นลูกสะใภ้ทั้งสองคนเริ่มจะทะเลาะกันขึ้นมาอีกครั้ง จึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วบอกกล่าว “พอแล้ว พวกแกอย่าอยู่ว่าง ๆ กันอีกเลย รีบไปทักทายแขกกับฉัน”
ได้ยินที่คุณนายเซี่ยบอก เติ้งซูหลานกับว่านจี้อวิ๋นก็ต่างลุกขึ้นยืน แล้วไปทำหน้าที่กับคุณนายเซี่ย
เซี่ยอวี่หรงนั่งนิ่งไม่ไหวติง สายตาจับจ้องไปยังฉินมู่หลาน เมื่อเห็นว่าเธอยังคงตามติดพ่อเพื่อทำความรู้จักกับคนอื่น และยังพาเซี่ยเจ๋อหลี่ตามติดไปด้วย แววตาของหล่อนก็ยิ่งโศกเศร้ามากขึ้นเรื่อย ๆ
เริ่นม่านนีก็กำลังจ้องมองฉินมู่หลานไม่ต่างกับเซี่ยอวี่หรงนัก เมื่อเห็นฉินมู่หลานตามเซี่ยฉางชิงไปเพื่อทำความรู้จักกับคนพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย ก็อดพูดกับสามีของตนเสียไม่ได้ “ดูเหมือนว่าฉินมู่หลานที่เป็นลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะไม่ธรรมดาเลยนะ โตมาในบ้านนอกแท้ ๆ แต่ดูหล่อนตอนนี้สิ ไม่มีคำว่าบ้านนอกออกมาเลย”
เซี่ยอวี่เซิ่งพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว เป็นลูกสาวของคุณอาอย่างไม่ต้องสงสัย สุดยอดมาก”
เมื่อได้ยินสิ่งที่สามีพูด เริ่นม่านนีก็อดกระแอมไอเสียไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าสามีจะมีความคิดแบบนี้ “อวี่เซิ่ง คุณไม่กลัวว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของคุณจะสุดยอดเกินไปจนพวกเราโดนที่บ้านมองข้ามเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี่เซิ่งก็โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดขึ้น “ม่านนี คุณคิดมากเกินไปแล้ว ถึงมู่หลานลูกพี่ลูกน้องหญิงคนนี้จะเก่งมาก แต่หล่อนก็เป็นลูกสาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรานี่นา”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันมองแล้วพูดบอกเริ่นม่านนี “ผมเห็นว่าคุณอาให้เกียรติมู่หลานมาก ต่อไปถ้าให้ดีคุณก็ควรจะญาติดีกับเธอเอาไว้”
เริ่นม่านนี “…”
เมื่อเห็นภรรยาไม่พูดอะไร เซี่ยอวี่เซิ่งก็นึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตระกูลเริ่นกับตระกูลเหยา จึงรีบเอ่ยแนะแนวทันที “เมื่อกี้ก็เพิ่งพูดกันไปแล้วว่าตระกูลของคุณกับตระกูลเหยาจะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อีกเพราะฉะนั้นก็อย่ายึดติดกับมันเลย”
เริ่นม่านนีได้ยินแบบนี้ก็แค่นหัวเราะขึ้นด้วยความโกรธ
“ตอนนี้คุณอยากให้ฉันไปคอยเอาอกเอาใจฉินมู่หลานอย่างนั้นเหรอ?”
เซี่ยอวี่เซิ่งมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ผมพูดแบบนั้นตอนไหน ผมก็แค่อยากให้คุณกับมู่หลานสมานฉันท์กันเอาไว้”
ฉินมู่หลานที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้เลย ตอนนี้เธอกำลังตามเซี่ยฉางชิงมาพบปะผู้คนมากมาย หลังจากนั้นพ่อแท้ ๆ ของเธอคนนี้ที่เพิ่งได้เจอกันไม่นานก็เข้ามาดื่มอวยพรให้กับเจี่ยงสือเหิง ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิง
เซี่ยฉางชิงกำลังถือแก้วไวน์ ก่อนจะมองไปที่ฉินเจี้ยนเซ่อและซูหว่านอี๋ด้วยท่าทางเคร่งขรึม “หว่านอี๋ เจี้ยนเซ่อ ขอบคุณพวกคุณมากที่เลี้ยงดูมู่หลานมาได้ดีขนาดนี้”
ซูหว่านอี๋เม้มปากไม่พูดอะไร หากไม่ใช่เพราะต้องการสืบความจริงเรื่องของพี่สาว หล่อนคงไม่ยอมให้ฉินมู่หลานกลับไปหาตระกูลเซี่ยหรอก ส่วนฉินเจี้ยนเซ่อที่ปฏิบัติกับฉินมู่หลานเหมือนลูกสาวแท้ ๆ มาโดยตลอดได้มาเห็นพ่อแท้ ๆ ของมู่หลานในตอนนี้ก็รู้สึกอึดอัดใจนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นภรรยาไม่พูดอะไร เขาก็ไม่พูดเหมือนกัน
เซี่ยฉางชิงเห็นทั้งสองต่างไม่พูดอะไร ก็รินไวน์ลงในแก้ว
“ผมรู้ว่าพวกคุณต่างพยายามอย่างหนัก แล้วก็เข้าใจพวกคุณด้วยว่าไม่อยากส่งตัวมู่หลานต่อให้มู่หลานจะกลับตระกูลเซี่ยแล้วก็ตาม แต่ความจริงที่ว่าพวกคุณคือพ่อแม่แท้ ๆ ก็ไม่เปลี่ยนหรอกนะ” สิ้นคำพูด เซี่ยฉางชิงก็ดื่มไวน์เข้าไปอีกสองแก้ว
ฉินเจี้ยนเซ่อเห็นเซี่ยฉางชิงมีท่าทางเช่นนี้ จึงยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยเช่นกัน
ซูหว่านอี๋ที่อยู่ข้าง ๆ จ้องมองไปที่เซี่ยฉางชิงแล้วเอ่ยขึ้น “คุณต้องทำกับมู่หลานให้ดี ๆ อย่าปล่อยให้หล่อนต้องทนทุกข์กับความไม่ยุติธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น”
เซี่ยฉางชิงให้คำมั่นหลังจากได้ยินแบบนี้ “แน่นอน มู่หลานเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของผม แม้จะรักและปกป้องหล่อนได้ช้าไปหน่อย แต่จะไม่ปล่อยให้หล่อนต้องทุกข์ทรมานอีก”
แต่ถึงอย่างนั้นซูหว่านอี๋ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้คุณก็มีภรรยากับลูกอยู่แล้ว ตัวคุณเองอาจปกป้องมู่หลานได้ดี แต่พวกภรรยาและลูกสาวของคุณอาจจะไม่ เพราะยังไงมู่หลานก็เป็นเหมือนหนามที่ยอกอยู่ในอกของพวกหล่อน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยฉางชิงก็ยังคงเอ่ยให้คำมั่นต่อไป “หว่านอี๋ เรื่องนี้คุณวางใจได้เลย ผมจะไม่ยอมให้มู่หลานต้องโดนทำร้ายระหว่างที่อยู่ในตระกูลเซี่ยแน่นอน”
“เหอะ…จำคำที่พูดเอาไว้แล้วกัน”
แม้ฉินเคอวั่งจะยังอายุน้อย แต่มู่หลานก็เป็นพี่สาวสุดที่รักของเขา ดังนั้นเขาจึงยอมขยับปากแล้วพูดขึ้น “คุณอาเซี่ย หวังว่าจะทำอย่างที่พูดนะครับ”
หลังจากพูดจบ แววตาของเขาก็เป็นสีแดงก่ำ หลังจากนี้ไปพี่สาวของเขาก็จะกลายเป็นพี่สาวของคนอื่นแล้ว
เซี่ยฉางชิงเห็นฉินเคอวั่งเป็นแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ “เธอคือเคอวั่งน้องชายของมู่หลานใช่ไหม พวกเธอสองคนเป็นพี่น้องกัน หลังจากนี้ต่อไปก็ยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม พวกเธอสองพี่น้องนี่เก่งเหมือนกันเลยนะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วตบบ่าฉินเคอวั่งก่อนจะพูดขึ้น “เคอวั่ง ต่อไปก็กินเยอะ ๆ หน่อยนะ”
“ได้ครับพี่”
เมื่อได้ยินมู่หลานพูดแบบนี้ สีหน้าของฉินเคอวั่งก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
หลังจากที่เซี่ยฉางชิงดื่มอวยพรกับทางครอบครัวของฉินเจี้ยนเซ่อแล้ว เขาก้หันไปมองเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยเหวินปิงอีกครั้ง ก่อนจะรินไวน์ลงในแก้วสามใบ หลังจากนั้นก้ดื่มอวยพรให้กับนายท่านเหยาและคุณนายเหยาด้วยท่าทางแสนจริงใจ
นายท่านเหยาเห็นท่าทางของเซี่ยฉางชิงก็อดพยักหน้าไม่ได้ มองออกได้ทันที ว่าเซี่ยฉางชิงให้ความสำคัญกับฉินมู่หลานลูกสาวคนนี้จริง ๆ
คุณนายเซี่ยเห็นภาพเหตุการณ์ทางฝั่งลูกชายคนเล็กเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าลูกชายคนเล็กดื่มไปมากขนาดนั้นแล้ว ก็อดห่วงไม่ได้
นายท่านเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ จึงพูดขึ้น “ญาติของมู่หลานอยู่ตรงนั้นกันหมด แล้วยังมีครอบครัวที่เลี้ยงดูมู่หลานมาตั้งแต่เด็กด้วย ฉางชิงดื่มอวยพรให้หลายแก้วก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว”
“ถึงจะเหมาะสมก็เถอะ แต่ฉางชิงก็จริงใจเกินไป จะดื่มกับพวกเขาทีละแก้วแบบนั้นไม่ได้”
ว่านจี้อวิ๋นทนไม่ไหวก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น “นี่แสดงให้เห็นว่าฉางชิงให้ความสำคัญกับมู่หลานมากนะคะ” พูดจบก้หันไปปรายตามองเติ้งซูหลาน
เติ้งซูหลานไม่ได้สนใจว่านจี้อวิ๋น หันมาสนใจกับอาหารในจานของตัวเองแทน วันนี้มีคนหัวเราะเยาะหล่อนมามากพอแล้ว เพราะฉะนั้นหล่อนจึงไม่อยากทำอะไรผิดพลาด ไม่อย่างนั้นคงทำให้ทุกคนคงหัวเราะเยาะหล่อนกันใหญ่
เซี่ยอวี่หรงเห็นแม่นั่งกินข้าวอยู่ตลอดก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นจึงกินอาหารในจานตัวเอง
ส่วนฉินมู่หลานดื่มอวยพรเสร็จแล้วก็ได้หันมองแล้วพูดกับเซี่ยฉางชิง“พ่อคะ พ่อกลับไปหาคุณปู่ก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะอยู่กับอาหลี่จะอยู่กินกันตรงนี้”
เมื่อเห็นลูกสาวพูดแบบนั้น เซี่ยฉางชิงก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่ยิ้มแล้วพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อก็จะไปหาอะไรกินหน่อยเหมือนกัน พวกลูกก็นั่งกินกันอยู่ตรงนี้ไปก่อนนะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เริ่มมีคนอิจฉามู่หลานอยู่หลายคนเลย คืนนี้น่าจะได้เห็นธาตุแท้คนตระกูลเซี่ยในปักกิ่งแต่ละคนชัดขึ้นอีกเยอะ
ไหหม่า(海馬)