ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 363 ข่าวลือ(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 363 ข่าวลือ(1)

ตอนที่ 363 ข่าวลือ(1)

หลังจากหยวนปิงซินไปแล้ว เจียงอันปังก็ตบไหล่เซี่ยเจ๋อหลี่แล้วพูดขึ้นว่า “ยินดีต้อนรับกลับมานะ ต่อไปก็ทำงานให้ดี”

“ครับ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ทำท่าวันทยาหัตถ์ด้วยท่าทางเคร่งขรึม หลังจากนั้นก็กลับไปที่บ้านพักสวัสดิการ วางสัมภาระของตัวเองลง ตอนแรกเขาคิดจะไปโรงอาหารเพื่อหาข้าวกิน ไม่คิดว่าฟู่ซวี่ตงจะไปตักมาเรียบร้อยแล้ว

“อาหลี่ ฉันได้ยินว่านายกลับมาแล้ว ก็เลยไปเอาอาหารมานั่งกินกับนาย”

หลังจากฟู่ซวี่ตงวางอาหารลงแล้ว ก็เดินตรงไปข้างหน้าก่อนจะสวมกอดเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างแรง “อาหลี่ ในที่สุดนายก็กลับมา เหล่าสหายคิดถึงนายมากเลย”

เมื่อเห็นใบหน้าตื่นเต้นของฟู่ซวี่ตง ใบหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็มีรอยยิ้มเช่นกัน เขาตบไหล่ฟู่ซวี่ตงอย่างแรงก่อนจะพูดขึ้น “ไว้หาเวลานัดไปฉลองรวมกลุ่มเพื่อนเรากัน”

“ได้”

ฟู่ซวี่ตงรีบยิ้มแล้วพยักหน้า หหลังจากนั้นก็ชวนเซี่ยเจ๋อหลี่กินข้าว “อาหลี่ นายคงหิวแล้ว พวกเรากินข้าวกันเถอะ ไว้กินเสร็จพวกเราค่อยคุยกัน”

เซี่ยจ๋อหลี่รู้สึกหิวแล้วจริง ๆ หลังจากนั่งลงแล้วก็รีบกินข้าวกับฟู่ซวี่ตงทันที หลังกินเสร็จทั้งสองก็นั่งลงแล้วเล่าเรื่องปัจจุบันของตัวเอง และฟู่ซวี่ตงก็ได้ถามถึงภรรยาของตัวเองด้วย “หรูฮวนอยู่ปักกิ่ง ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”

“หรูฮวนสบายดี แต่ถ้านายมีเวลาก็กลับไปหาหาล่อนบ้างนะ นายไม่ค่อยได้อยู่กับหรูฮวนเลย หล่อนอยู่คนเดียวคงคิดถึงนายมากแน่” อันที่จริงเขายังกลัวว่าตระกูลเสิ่นยังไม่ชอบขี้หน้าตระกูลฟู่สักเท่าใด เพราะตอนนี้เสิ่นหรูฮวนอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่น และฟู่ซวี่ตงสามารถกลับไปเยี่ยมได้ ไม่เพียงแค่เสิ่นหรูฮวนจะมีความสุขเท่านั้น แต่คนในตระกูลเสิ่นก็จะมีความสุขด้วย

ฟู่ซวี่ตงก็อยากกลับไปหาเสิ่นหรูฮวนเหมือนกัน ดังนั้นจึงหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยแววตาเปล่งประกายก่อนจะพูดขึ้น “อาหลี่ ฉันก็รอนายกลับมาอยู่นี่ไง หลังจากนายกลับมาแล้ว ฉันก็จะว่างมากขึ้น ถึงตอนนั้นก็อาจจะลาหยุดสักสองวัน แล้วกลับปักกิ่งไปหาหรูฮวน”

ฟู่ซวี่ตงคิดเรื่องนี้เอาไว้หมดแล้ว เพียงแค่รอเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาเท่านั้น

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฟู่ซวี่ตงลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวฉํนไปเปิดเอง อาจจะเป็นหวังเจียเหอ ติงจวงกับคนอื่น ๆ มาหา”

เพียงแต่เมื่อเปิดประตูออก ฟู่ซวี่ตงก็เห็นเวินเนี่ยนอันที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยท่าทางแปลกใจ “เนี่ยนอัน เธอมาทำไม?”

เวินเนี่ยนอันไม่คิดว่าฟู่ซวี่ตงก็อยู่ด้วย หล่อนกล่าวทักทายอย่างอิดออดนิดหน่อย ก่อนจะหันมองไปทางเซี่ยเจ๋อหลี่

เซี่ยเจ๋อหลี่แปลกใจนิดหน่อยเมื่อได้เจอเวินเนี่ยนอัน จึงเอ่ยถามตามตรง “เนี่ยนอัน ทำไมเธอถึงมาที่นี่ หรือว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าถึงมาหาฉัน?”

เวินเนี่ยนอันมีบางอย่างอยากถามเซี่ยเจ๋อหลี่ เพียงแต่เมื่อเห็นฟู่ซวี่ตงก็อยู่ที่นั่นด้วย จึงลังเลนิดหน่อย แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าฟู่ซวี่ตงเป็นคนปักกิ่ง นอกจากนี้ยังสนิทกับเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วย หล่อนจึงไม่คิดมากแล้วเอ่ยถามตรง ๆ “พี่ใหญ่เซี่ย…พี่สะใภ้กับอวี่หรง พวกหล่อน…เป็นพี่น้องกันจริงเหรอคะ?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่คิดว่าเวินเนี่ยนอันจะถามถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าแล้วบอกตามตรง “ใช่แล้ว พวกเธอเป็นพี่สาวน้องสาวกัน”

เวินเนี่ยนอัน “…”

ถึงแม้จะพอทราบเรื่องนี้อยู่บ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่กับหูตัวเอง หล่อนก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี “นี่…เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอสองคนเนี่ย นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”

ฟู่ซวี่ตงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้กลับไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ และช่วงนี้ก็ยุ่งทั้งวันจึงไม่ทราบเรื่องนี้ หลังจากได้ยินสิ่งที่เวินเนี่ยนอันกล่าวในตอนนี้ ก็หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยความตกใจ แล้วเอ่ยถาม “อาหลี่ นี่…เรื่องจริงเหรอ?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ปรายตามองฟู๋ซวี่ตงก่อนจะบอกกล่าว “จะมาโกหกเรื่องแบบนี้ทำไมกัน”

ฟู่ซวี่ตงทราบอยู่แล้วว่าต้องเป็นเรื่องจริง แต่เขาแค่ยังรู้สึกแปลกใจ “นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว”

เรื่องงานเลี้ยงรับรองของมู่หลานที่ปักกิ่งนั้นไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้น เมื่อฟู่ซวี่ตงกลับถึงเมืองหลวงแล้วก็จะได้ทราบเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่จึงไม่ต้องปิดบังอะไร แล้วเอ่ยเล่าให้ฟังตามตรง ขณะเดียวกันก็พูดถึงแม่แท้ ๆ ของมู่หลานด้วย

ฟู่ซวี่ตงกับเวินเนี่ยนอันตั้งใจฟังด้วยท่าทางสงบ จนกระทั้งเซี่ยเจ๋อหลี่เล่าให้ฟังจนจบ ทั้งสองก็ยังมีความคิดเห็นบางส่วน

“นึกไม่ถึงเลยว่าพ่อแท้ ๆ ของอาซ้อคือเซี่ยฉางชิง และแม่แท้ ๆ คือซูหว่านอวี๋”

เมื่อหยวนปิงซินได้ยินเรื่องนี้ จึงได้แต่รู้สึกตกใจ

“นี่…มู่หลานเป็นลูกของตระกูลเซี่ยเหรอเนี่ย น่าเหลือเชื่อมากเลย แถมจริง ๆ แล้วยังเป็นลูกสาวของซูหว่านอวี๋อีก น่าตกใจจริง ๆ” แต่เธอก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันถูดต้อง เพราะตอนซูหว่านหยูเป้นวัยรุ่นก็สร้างชื่อเสียงเอาไว้ และมู่หลานซึ่งเป้นลูกสาวก็มีความสามารถพอกัน

ฉินมู่หลานที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ทราบเลยว่าเรื่องของตัวเองได้แพร่ไปทั่วทางฝั่งฐานทัพเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เธอขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามเซี่ยปิงหรุ่ย “เกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้ทุกคนมองฉันแปลก ๆ หรือว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้าพลางกล่าว “มีเรื่องนิดหน่อย ข่าวลือเรื่องเธอแพร่ไปทั่วมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นทุกคนถึงได้มองด้วยความสอดรู้สอดเห็นไงล่ะ”

“ข่าวลืออะไร?”

ฉินมู่หลานไม่ทราบเลยว่าในมหาวิทยาลัยเธอถูกพูดถึงอย่างไร หากไม่ใช่เพราะสายตาที่ทุกคนมองเธอในวันนี้มันดูแปลก เธอคงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าฉินมู่หลานเหมือนจะอยากรู้อยากเห็น จึงบอกตามตรง “เห็นหลายคนพูดกันว่า เธอแต่งงานมีลูกแล้ว แล้วทำไมถึงยังไปเล่นชู้กับเพื่อนนักศึกษาชายคนอื่นอีก ปกติแล้วต้องรักเดียวใจเดียว”

“อะไรนะ…”

ฉินมู่หลานไม่คิดเลยว่าจะมีข่าวลือแบบนี้ และเธอก็นึกถึงประเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว “หรือว่าเป็นเพราะฮั่วหย่าซง ครั้งก่อนเขาอยากจะต่อแถวซื้ออาหารให้ฉัน หลายคนคงเห็น ถึงได้มีข่าวลือแบบนี้”

เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ เป็นเพราะฮั่วหย่าซงนั่นแหละ”

หลังจากพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน “เป็นเพราะฮั่วหย่าซงชอบเธอ ถึงได้ทำเรื่องนั้นด้วยตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าเธอต้องมาโดนนินทาลับหลัง มันน่าโมโหจริง”

เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยโมโหแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้

“พอแล้ว ฉันยังไม่ได้โกรธขนาดนั้นเลย แล้วเธอโกรธอะไร”

เซี่ยปิงหรุ่ยหันทมองฉินมู่หลานด้วยความโกรธก่อนจะพูดขึ้น “ฉันจะรู้สึกโกรธแทนเธอไม่ได้เหรอ แล้วนี่เธอจะทำยังไงต่อไป หรือว่าจะลองไปหาฮั่วหยาซงนั่นแล้วคิดหาทางออก”

ฉินมู่หลานส่ายหัวทันทีแล้วเอ่ย “คิดบัญชีกับเขาจะไปมีประโยชน์อะไร ก่อนอื่นเราต้องหาคนปล่อยข่าวลือก่อน แล้วให้คนนั้นขอโทษฉันอย่างถูกต้อง ฉันสงสัยว่าข่าวลือนี้ที่แพร่มาจากทางมหาวิทยาลัยของเราเป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือเซี่ยอวี่หรงเพราะฉะนั้นเราต้องหาข้อมูลเรื่องนี้ให้ดี”

และฉินมู่หลานก็คิดเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว เธอกำลังคิดขอให้ทางมหาวิทยาลัยจัดการเรื่องนี้

เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานพูด “เธอจะบอกอาจารย์เหรอ?”

เมื่อเห้นท่าทางแปลกใจของเซี่ยปิงหรุ่ย ฉินมู่หลานก็กล่าวขึ้นทันที “เรื่องนี้มันส่งผลเสียกับฉันมาก และเรื่องนี้ก้เป้นเรื่องที่เกิดในมหาวิทยาลัยด้วย แล้วทำไมถึงจะบอกอาจารย์ไม่ได้ล่ะ ถึงตอนนั้นทางมหาวิทยาลัยก็ต้องตัดสินใจ ลงโทษคนที่ปล่อยข่าวลือนี้ให้สาสม”

เซี่ยปิงหรุ่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าวธีนี้ก็ค่อนข้างดี จึงอดมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเสียไม่ได้ “มู่หลาน หัวเธอไวมาก”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ยัยคนปล่อยข่าว เมื่อไหร่จะถึงตาของเธอบ้าง ถึงตอนนั้นคุกเข่าอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่มีใครช่วยแล้วนะ วิธีแก้เผ็ดของมู่หลานต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท