ตอนที่ 370 งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งขวบ(2)
ตอนที่ 370 งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งขวบ(2)
ไม่แปลกใจเลยที่เซี่ยอวี่หรงจะไม่ชอบฉินมู่หลานมาตั้งนานแล้ว กลายเป็นว่าหล่อนไปชอบสามีเขานี่เอง นี่มันช่าง…หน้าด้านเหลือเกิน หล่อนรู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่แต่งงานแล้ว แต่ก็ยังหมกมุ่นในเรื่องนี้อยู่ได้ นอกจากนี้ฉินมู่หลานยังเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเซี่ยอวี่หรงด้วย ดังนั้นอย่าได้หวังถึงความสัมพันธ์อันแสนวุ่นวายแบบนี้เลย
“แม่คะ นี่เป็นเรื่องของครอบครัวน้องรอง ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
ว่านจี้อวิ๋นทราบสถานการณ์โดยคร่าว ๆ แล้ว จึงไม่อยากอยู่อีกต่อไป แล้วลากเริ่นม่านนีออกไป
ส่วนทางด้านนายท่านเซี่ยก็หันมองแล้วเอ่ยถามคุณนายเซี่ยอย่างคาดคั้น “คุณรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วเหรอ?”
“ฉัน…ตอนนั้นมู่หลานก็ยังไม่ได้กลับเข้าตระกูลไม่ใช่เหรอ แล้วตอนแรกที่อวี่หรงเจอเซี่ยเจ๋อหลี่ ตอนนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ยังไม่แต่งงานเลยนะ มันก็เลยมีความคิดอะไรนิดหน่อย ต่อมาพอรู้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่แต่งงานแล้ว อวี่หรงก็หยุดความคิดนั้นแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“แล้วทำไมตอนนี้ถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นอีกล่ะ”
ถึงอย่างนั้นสีหน้าของนายท่านเซี่ยก็ยังยับยู่น่าเกลียดอยู่ดี รู้สึกว่าตระกูลเซี่ยต้องมาอับอายเพราะเซี่ยอวี่หรง
คุณนายเซี่ยยังไม่ทันได้โต้ตอบ เติ้งซูหลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นเสียก่อน “พ่อคะ เดิมทีอวี่หรงเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเซี่ย แต่พอตอนนี้พอฉินมู่หลานกลับมา ก็ทำให้จิตใจไขว้เขวไป หล่อนรู้ตัวว่าครั้งนี้ทำผิด เพราะฉะนั้นต่อไปจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเติ้งซูหลาน นายท่านเซี่ยก็หันไปมองเซี่ยอวี่หรงด้วยสายตาตำหนิ ก่อนจะเอ่ย “เป็นอย่างนี้นี่เอง ต่อไปอย่าได้ทำอะไรแบบนี้อีก มู่หลานเป็นพี่สาวแท้ ๆของแก ครอบครัวเดียวกันก็ต้องสามัคคีกันเอาไว้ แทนที่จะคิดทำร้ายกันเอง”
หลังจากพูดจบ นายท่านเซี่ยก็หันไปมองเซี่ยฉางชิงแล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวจัดการเถอะ พวกเราไม่สนใจแล้ว”
คุณนายเซี่ยก็ไม่อยากสนใจเหมือนกัน จึงรีบจากไปพร้อมกับชายชรา
หลังจากทุกคนเดินกลับไปแล้ว เซี่ยฉางชิงก็หันไปมองเซี่ยอวี่หรงแล้วพูดขึ้น “พรุ่งนี้แกควรจะไปขอโทษพี่สาวแก ถ้าพี่สาวแกไม่ยกโทษให้ แกก็ไม่ต้องกลับบ้าน”
เซี่ยฉางชิงพูดจบก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าลูกสาวคนเล็กจะยอมขอโทษไหม
ตอนแรกเขาอยากจะปฏิบัติกับลูกสาวทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน แต่หากลูกสาวคนเล็กไม่ยอมขอโทษ หลังจากนี้เขาจะเอนเอียงไปทางฝั่งฉินมู่หลานอย่างแน่นอน มู่หลานต้องได้บางอย่างมากกว่าบ้าง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องทนทุกข์ทรมานเกินทน
แววตาของเซี่ยอวี่หรงเต็มไปด้วยความเกลียดชังขณะเฝ้ามองแผ่นหลังของเซี่ยฉางชิงเดินจากไป
“แม่ ทำไมพ่อเขาถึงทำกับพวกเราแบบนี้ อยากจะให้หนูไปขอโทษฉินมู่หลานงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”
ตอนนี้เติ้งซูหลานก็โกรธมากเช่นกัน หลังจากได้ยินคำพูดของลูกสาว จึงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วพูดขึ้น “ใช่ ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก แต่…” หลังจากพูดถึงท้ายประโยค เติ้งซูหลานก็หันมองลูกสาวด้วยสีหน้าน่าเกลียดก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันเคยบอกแกชัดแล้วว่าอย่าทำอะไรฉินมู่หลานโดยไม่ได้วางแผนรอบคอบ ทำไมแกถึงไม่ฟังบ้างเลย ตอนนี้ก็จบกันแล้ว ขโมยไก่ไม่ได้แถมยังเสียข้าวสาร* ทำให้พ่อเห็นความคิดของแกด้วย”
(*ไม่ได้โอกาสแล้วยังทำพลาดอีก)
“ตอนนั้นหนูก็แค่หลุดพูดไปนิดหน่อยอง ใครจะไปรู้ว่าจะเป็นแบบนี้”
“ตอนนั้นแกควรจะระวังคำพูดให้มากขึ้นหน่อย ฉันบอกแล้วไงว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน แกไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเซี่ยอวี่หรงได้ยินแบบนี้ หล่อนก็เริ่มขยับปากแล้วพูดขึ้น “ก็ไม่เห็นว่าแม่จะทำอะไรเลยเหมือนกัน”
“แก…”
เติ้งซูหลานรู้สึกโกรธลูกสาวตัวเองมาก “จะทำอะไรก็ควรลงมือรวดเดียวให้จบ ถ้าทำแล้วเป็นการทุบหัวตัวเองอย่างแก ไม่ทำอะไรเลยเสียยังดีกว่า”
เซี่ยอวี่หรงก็ทราบว่าสิ่งที่ตัวเองทำก่อนนี้ผิดพลาดอย่างมหันต์ จึงเข้าใจว่าสิ่งที่แม่พูดนั้นถูกต้อง แล้วไม่พูดอะไรอีก
หลังจากฉินมู่หลานกลับไป ซูหว่านอี๋ก็อดดึงเธอเข้าไปเอ่ยถามเสียไม่ได้ “มู่หลาน ทำไมวันนี้อยู่ ๆ ลูกไปกินข้าวที่บ้านตระกูลเซี่ยล่ะ หรือว่ามีเรื่องอะไร?”
หล่อนทราบดีที่สุดว่าลูกสาวคิดเห็นต่อตระกูลเซี่ยอย่างไร หากเป็นสถานการณ์ปกติคงไม่ไปแน่นอน
ฉินมู่หลานไม่มีอะไรต้องปกปิดซูหว่านอี๋ จึงเล่าให้ฟังตามตรงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “ตอนนี้เซี่ยฉางชิงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วค่ะ”
หลังจากซูหว่านอี๋ได้ฟังสิ่งที่ฉินมู่หลานเล่าแล้ว ใบหน้าก็แดงก่ำด้วยความโกรธ
“เซี่ยอวี่หรงคนนี้ ทำไมถึงยังไม่ยอมหยุดอีก”
ฉินมู่หลานพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่ นี่เป็นแค่เรื่องเล็ก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นอกจากนี้เซี่ยฉางชิงก็ออกโรงมาเข้าข้างเราแล้ว พวกเราจะต้องมีอะไรให้กังวลอีก”
ต่อให้เซี่ยฉางชิงจะไม่ทำอะไรเลย แต่เมื่อมองจากตัวเธอในฐานะพี่สาว การลงโทษอย่างรุนแรงก็คงไม่ใช่เรื่องเหนือความสามารถ
ซูหว่านอี๋นึกถึงความพยายามของเซี่ยฉางชิงที่จะทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปให้กับฉินมู่หลาน ก็ทราบว่าอีกฝ่ายต้องทำอะไรสักอย่างแน่นอน จึงไม่ต้องพูดอะไรมากอีก “เอาเถอะ หยุดพูดเรื่องแย่ ๆ พวกนี้ดีกว่า พวกเรามาคุยเรื่องงานเลี้ยงฉลองครบรอบหนึ่งขวบของเด็กสองคนดีกว่า”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แววตาของฉินมู่หลานก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“แม่คะ ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยรายละเอียดกันให้เรียบร้อยเถอะค่ะ”
เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก พริบตาเดียวเด็กทั้งสองคนก็อายุครบหนึ่งขวบแล้ว เหยาจิ้งจือทราบว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกัน จึงเข้ามาร่วมวงด้วย
“มู่หลาน เราต้องจัดงานเลี้ยงครบรอบหนี่งขวบให้เฉินเฉินกับชิงชิงแบบตื่นตาตื่นใจไปเลย จริงสิ ถึงตอนนั้นอาหลี่ก็จะกลับมาด้วย”
เมื่อพูดถึงเรื่องงานวันเกิดครบหนึ่งขวบของหลานชายและหลานสาว ใบหน้าของซูหว่านอี๋ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ฉินมู่หลานได้ยินว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะกลับมา ก็ดีใจมาก “อาหลี่ติดต่อมาที่บ้านเหรอคะ เขาจะกลับมาเมื่อไหร่คะ”
“อาหลี่บอกว่าจะมาถึงก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ งานฉลองวันเกิดของเด็ก ๆ มี-ขึ้นวันอาทิตย์ เขากลับมาทันแน่นอน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ”
แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้ตั้งตารอเซี่ยเจ๋อหลี่ เซี่ยฉางชิงก็มาหาเสียก่อนแล้ว “มู่หลาน อีกไม่นานเด็ก ๆ ก็จะครบหนึ่งขวบกันแล้วใช่ไหม พวกลูกจะไปจัดงานฉลองให้เด็ก ๆ ที่ไหน อยากให้พ่อมาช่วยจัดที่นี่ไหม”
ฝาแฝดมังกรหงส์เป็นหลานชายและหลานสาวของเขา
ฉินมู่หลานปฏิเสธทันทีหลังจากได้ยิน “ไม่ต้องหรอกค่ะคุณพ่อ ที่บ้านจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะไปฉลองวันเกิดให้เด็ก ๆ ทั้งสองคนที่โรงแรม ถ้าวันนี้คุณพ่อไม่ได้มาหา ฉันก็ว่าจะไปส่งจดหมายเชิญให้อยู่พ่อดีเลยค่ะ”
หลังจากพูดจบก็หยิบจดหมายเชิญออกมาหนึ่งฉบับพลางบอกกล่าว “ถ้าอย่างนั้นฝากคุณพ่อเอาจดหมายเชิญนี้ไปให้คุณปู่กับคุณย่าด้วยนะคะ”
เซี่ยฉางชิงพยักหน้าตกลงอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็เอ่ยถาม “อวี่หรงได้ขอโทษลูกหรือเปล่า?”
ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่เลยค่ะ ตั้งแต่วันนั้นมาฉันก็ไม่เจอน้องอวี่หรงเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเซี่ยฉางชิงก็หม่นหมองลงทันที “อวี่หรงไม่มาขอโทษลูกจริง ๆ ด้วย”
ฉินมู่หลานก็คาดเดาเรื่องนี้เอาไว้แล้วเช่นกัน เธอวางแผนไว้แล้วว่าจะรอหลังงานวันเกิดครบหนึ่งขวบของลูกทั้งสอง แล้วจะหาโอกาสแอบสั่งสอนบทเรียนให้เซี่ยอวี่หรง
“มู่หลาน ทั้งหมดเป็นเพราะพ่อสอนหล่อนไม่ดี แต่ลูกวางใจได้เลยนะ ในเมื่อหล่อนทำความผิด เพราะฉะนั้นพ่อจะเอาส่วนแบ่งแต่เดิมที่เป็นของหล่อนมาให้ลูก” หลังจากพูดจบ เซี่ยฉางชิงก็หยิบโฉนดที่ดินสองฉบับออกมาแล้วพูดขึ้น “ตอนแรกลูกกับน้องสาวลูกจะได้กับคนละใบ แต่ตอนนี้ให้ลูกหมดเลย หลังจากนี้น้องสาวของลูกจะได้ทรัพย์สินน้อยลงแน่นอน”
ฉินมู่หลานรับไปอย่างไม่เกรงใจ “ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
เมื่อเห็นลูกสาวยอมรับ เซี่ยฉางชิงก็รู้สึกดีใจมาก หลังจากนั้นก็กลับไปพร้อมจดหมายเชิญ
จนกระทั่งถึงคืนวันศุกร์ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับมาแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาเพิ่งก้าวผ่านประตู เด็กทั้งสองจะเอ่ยเรียกเขาว่า ‘ปะป๊า’…
“ชิงชิง เฉินเฉิน…”
เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่คิดว่าเด็กทั้งสองยังจำเขาได้ จึงมีสีหน้าตื่นเต้นสุดขีด
ฉินมู่หลานและคนอื่นเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ก็รู้สึกดีใจมาก
เหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยทักทายทันที “อาหลี่ แกกินข้าวเย็นมาหรือยัง?”
“แม่ ผมกินเรียบร้อยแล้วครับ แม่ไม่ต้องลำบากหรอก”
เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กพูดแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็ไม่พูดอะไรอีก แต่กลับขอให้เขาใช้เวลากับฉินมู่หลานและเด็กทั้งสองคนมากขึ้น
จนกระทั่งถึงวันฉลองครบรอบหนึ่งขวบของเด็กทั้งสองครั้งแรก ฉินมู่หลานก็อุ้มชิงชิง เซี่ยเจ๋อหลี่อุ้มเฉินเฉิน ทั้งสี่คนไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารร่วมกับคนอื่น ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รอมู่หลานคิดบัญชีได้เลยยัยอวี่หรง บันเทิงแน่
ไหหม่า(海馬)