ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 380 คาดเดา(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 380 คาดเดา(1)

ตอนที่ 380 คาดเดา(1)

เซี่ยอวี่หรงได้ยินคำพูดของแม่ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

“แม่ ทำไมถึงเร็วขนาดนี้ล่ะ แม่กับคุณยายเพิ่งคุยเรื่องนี้กันวันนี้เองนะ แล้วจะให้นัดดูตัวพรุ่งนี้เลย กับใครกัน”

“เดี๋ยวยายแกจะไปบ้านตระกูลซู เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้แกจะต้องไปนัดดูตัวกับหลานชายคนโตของตระกูลซู ถ้าเป็นไปได้ ก็ควรรีบจัดการให้เร็วที่สุด”

ถึงแม้ว่าเซี่ยอวี่หรงจะยอมตกลงเรื่องนัดดูตัว แต่ความเร็วขนาดนี้มันอยู่เหนือความคาดหมายของหล่อนมากนัก ดังนั้นจึงคิดต่อต้านอยู่ในใจนิดหน่อย ถึงอย่างนั้นเติ้งซูหลานก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้เสียไป “ถึงไม่อยากแกก็ต้องไป ครั้งนี้ยายแกบอกแล้ว ถ้าแกไม่ยอมไปดูตัวดี ๆ ท่านจะยกสมบัติทั้งหมดที่ทิ้งเอาไว้ไปให้จือจิ่นที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของแกทั้งหมด ”

“แม่…”

เซี่ยอวี่หรงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ทำไมคุณยายถึงทำแบบนี้ ท่านก็เคยบอกกล่าวเอาไว้ชัดเจนแล้ว ว่าของพวกนั้นจะยกให้หนู” เป็นเพราะสนิทสนมกับคุณยายมาตั้งแต่เด็ก คุณยายจึงชอบหล่อนและไม่ชอบลูกสาวของคุณลุง คุณยายเคยบอกเอาไว้เมื่อนานมาแล้วว่าสมบัติทั้งหมดนั้นเป็นของหล่อน แต่ครั้งนี้กลับจะยกมันให้เติ้งจือจิ่น

เติ้งซูหลานเหลือบมองลูกสาว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ของพวกนั้นยังเป็นของยายแก ท่านจะยกให้ใครก็ได้ เพราะฉะนั้นแกเชื่อฟังท่านดีกว่า ไม่อย่างนั้นแกจะชวดส่วนแบ่งของแกไปหมด”

“หนูไป หนูไปก็ได้”

หากเป็นเพียงสิ่งของเพียงเล็กน้อยเธอคงไม่ชอบแน่นอน แต่เท่าที่หล่อนทราบ คุณยายท่านมีของอยู่ไม่น้อย ต้องบอกว่าเยอะแยะมากมาย ดังนั้นหล่อนจึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ ของพวกนั้นเห็นได้ชัดว่าต้องเป็นของหล่อน

เมื่อเห็นลูกสาวพยักหน้า เติ้งซูหลานจึงยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “แกเข้าใจก็ดีแล้ว เอาล่ะ ตอนนี้แกก็ลองไปคิดดู ว่าพรุ่งนี้จะใส่ชุดอะไร”

อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานกลับจากบ้านตระกูลเซี่ย เธอก็วางแผนจัดเก็บของให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลาจะเดินทางไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่ทางนั้น จะได้พร้อมออกเดินทางได้ทันที

เซี่ยปิงชิงเดินเข้ามา ก็ได้บังเอิญเห็นฉินมู่หลานเตรียมจัดกระเป๋า หล่อนจึงอดถามไม่ได้ “มู่หลาน เธอยุ่งอยู่เหรอ?”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็หันไปมอง ก่อนจะเอ่ยถาม “ปิงชิง เธอมีอะไรหรือเปล่า?”

“วันนี้ปิงหรุ่ยมาหาแต่เธอไม่อยู่ หล่อนจึงว่าจะมาใหม่พรุ่งนี้ ก็เลยอยากมาถามว่าพรุ่งนี้เธอจะออกไปไหนหรือเปล่า?

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “พรุ่งนี้ฉันไม่ได้ออกไปไหน ปิงหรุ่ยมีธุระอะไรเหรอ?”

“หล่อนสับสนเรื่องใบสั่งยาสองใบนิดหน่อย ก็เลยอยากจะมาถามเธอ” หลังจากพูดจบ เซี่ยปิงชิงก็เอ่ยถามอีกครั้ง “เธอคิดจะออกเดินทางเมื่อไหร่?”

“อีกสองวันว่าจะเดินทางแล้ว ฉันว่าจะไปอยู่กับอาหลี่สักหนึ่งเดือนแล้วค่อยกลับมา เพราะฉะนั้นพวกเราคงไม่ได้เจอหน้ากันสักพักเลยนะ”

เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้จึงอดพูดไม่ได้ “ทำไมนานจังเลย ถ้าอย่างนั้นพวกเราคงไม่ได้เจอหน้ากันอีกนานเลยสิ”

แต่ฉินมู่หลานก็อดพูดจาติดตลกไม่ได้ “ไม่เป็นไรหรอก พ่อบุญธรรมก็อยู่ เพราะฉะนั้นเธอก็คงไม่เหงาหรอก”

แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยปิงชิงก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “ต่อให้เจี่ยงสือเหิงไม่อยู่ ฉันก็ไม่รู้สึกเหงาหรอกนะ”

ฉินมู่หลานสะอึกเมื่อได้ยินแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะ “จริงสิ เธอยุ่งอยู่กับการสกัดพิษพวกนั้นทุกวันเลย คงไม่มีเวลาเหงาหรอก”

หลังจากทั้งสองคุยกันต่ออีกสักพัก เซี่ยปิงชิงก็กลับไป เพราะว่ายุ่งมากกับการรีบเร่งสกัดพิษ

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็มาหาตามคาด เมื่อเห็นฉินมู่หลานอยู่ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความดีใจ “มู่หลาน เธออยู่บ้านเหรอเนี่ย ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอหน่อย”

“เมื่อวานปิงชิงบอกฉันแล้ว เธอถามมาได้เลย”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็เอ่ยถามอย่างรวดเร็ว ครั้งล่าสุดหล่อนกำลังศึกษาเรื่องใบสั่งยาทางนรีเวชสองฉบับ เพียงแต่ยังไม่มั่นใจว่ามีสมุนไพรทั้งหมดกี่ชนิด จึงอยากมาถามฉินมู่หลาน

หลังจากฉินมู่หลานอ่านใบสั่งยาที่เซี่ยปิงหรุ่ยส่งให้ทั้งสองฉบับแล้ว ก็เสนอแนะแนวคิดของตัวเอง แล้วเปลี่ยนชนิดและปริมาณของยาอีกสองสามอย่าง

หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยพิจารณาแล้ว สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ

“จริงสิ แบบนี้ก็ได้ ทำไมฉันถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ” เมื่อรู้สึกตื่นเต้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดพูดชมเชยไม่ได้ “มู่หลาน เธอเก่งเกินไปแล้ว”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงรีบโบกมือทันที ก่อนจะบอกกล่าว “ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก จริง ๆ แล้วเธอก็เก่งมากเหมือนกันนะ ยาทั้งสองชนิดก่อนหน้านี้เธอคิดขึ้นเองไม่ใช่เหรอ เธอคิดได้แบบนี้มันไม่ง่ายเลยนะ”

เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกเขินกับคำชมนี้ แต่ก็ทราบว่าฉินมู่หลานกำลังจะไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่เร็ว ๆ นี้ จึงรีบเอ่ยถาม “มู่หลาน เธอจะออกเดินทางเมื่อไหร่?”

“ในอีกสองวันนี้ ถ้าเธอมีคำถามอะไรอีก ก็มาหาฉันได้ตลอดอีกสองวันเลยนะ”

“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”

หลังจากนั้น ฉินมู่หลานก็หันมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “หยุดกันหมดแล้ว เธอกับปิงชิงไม่กลับบ้านเหรอ?”

“ใช่ พวกเราไม่กลับบ้าน เอาไว้ช่วงปีใหม่ค่อยกลับ” เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกว่าการอยู่ที่เมืองหลวงนี้มีอิสระมากกว่า ดังนั้นจึงไม่อยากกลับไป ส่วนเซี่ยปิงชิงน้องสาวไม่ค่อยเต็มใจกลับไปนัก ถึงแม้ว่าตอนนี้หล่อนจะมีคู่ครองอย่างเจี่ยงสือเหิงอยู่แล้วก็ตาม แต่ใครจะรู้ว่าหากหล่อนกลับไป คุณปู่จะบังคับให้หล่อนแต่งเข้าตระกูลเฟิงอีกหรือเปล่า

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “อยู่ที่นี่คงดีกว่า หากเธอไม่มีธุระอะไรก็มาคุยกับปิงชิงบ่อย ๆ ก็ได้นะ”

เซี่ยปิงหรุ่ยบอกกล่าวตามตรง “เซี่ยปิงชิงไม่อยากให้ฉันมาคุยกับหล่อนหรอก ขอเพียงแค่หล่อนได้มีเวลาหมกมุ่นอยู่กับพิษ หล่อนก็สามารถขลุกอยู่ในบ้านทั้งวันโดยไม่ออกไปไหนได้”

จากนั้นก็ไปถึงว่าหลังจากเซี่ยปิงชิงมาที่นี่ หล่อนก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องของตน ฉินมู่หลานจึงไม่พูดอะไรอีก

“เอาล่ะมู่หลาน ตอนนี้ฉันถามไปหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นขอตัวกลับก่อนนะ”

“ได้ ระวังตัวด้วยนะ”

แต่เซี่ยปิงหรุ่ยยังไม่ทันได้ออกไป เซี่ยปิงชิงก็เดินเข้ามา

“ที่แท้พี่ก็มาแล้วเหรอ”

เซี่ยปิงชิงเห็นเซี่ยปิงหรุ่ย จึงเอ่ยทักทายเสียงเบา

เซี่ยปิงหรุ่ยหันมองเซี่ยปิงชิงอย่างนึกสงสัยก่อนจะพูดขึ้น “เธอตั้งใจออกมาหาฉันเหรอ มีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่า”

“พี่คิดมากไปแล้ว ฉันไม่ได้ออกมาหาพี่ ฉันออกมาหามู่หลาน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็เบะปากแล้วพูด “ฉันรู้อยู่แล้วแหละว่าเธอไม่ได้มาหาฉันหรอก ก็อย่างว่าแหละฉันคิดมากไปเอง”

แต่หล่อนก็อยากรู้ว่าน้องสาวมาหาฉินมู่หลานด้วยเรื่องอะไร จึงไม่รีบร้อนจากไป

ฉินมู่หลานได้ยินที่เซี่ยปิงชิงพูดก็หันหน้าไปมอง แล้วเอ่ยถาม “ปิงชิง เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?”

“เป็นเรื่องของทางตระกูลเซี่ยนู่น”

ตอนนี้ฉินมู่หลานอยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย

“เรื่องของตระกูลเซี่ยเหรอ? ตระกูลเซี่ยทำไมเหรอ?”

เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็อยากรู้อยากเห็นด้วยเหมือนกัน “เซี่ยปิงชิง เธอรีบพูดสิ เกิดเรื่องอะไรที่ตระกูลเซี่ยเหรอ?”

“วันนี้เซี่ยอวี่หรงไปนัดดูตัวแล้ว”

เมื่อได้ยินข่าว เซี่ยปิงหรุ่ยจึงรู้สึกทนไม่ไหว พลางเบะปากก่อนจะเอ่ยขึ้น “เซี่ยอวี่หรงไปดูตัวก็เรื่องของหล่อนสิ ทำไมต้องเอาเรื่องพวกนี้มาใส่ใจด้วย”

ฉินมู่หลานขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้น “ในที่สุดเซี่ยอวี่หรงก็เลิกจมปลักกับอาหลี่สักที ก็เลยไปนัดดูตัวสินะ นี่ถือเป็นเรื่องดี ก็ขอให้หล่อนเจอสามีที่ถูกใจ แล้วแต่งงานมีครอบครัวไปซะ”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “ใช่ หวังว่าเซี่ยอวี่หรงจะดูตัวได้สำเร็จ แล้วรีบแต่งงานไปซะ”

หลังจากพูดจบ เซี่ยปิงหรุ่ยก็หันมองเซี่ยปิงชิงแล้วเอ่ยถาม “เธอมาเพื่อบอกเรื่องนี้กับมู่หลานเหรอ แต่ต่อให้เซี่ยอวี่หรงจะไม่ได้ไปนัดดูตัว มู่หลานก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะเซี่ยอวี่หรงไม่ได้มีอะไรเลย”

เซี่ยปิงชิงส่ายหัว แล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องของเซี่ยอวี่หรงมันเป็นแค่เป็นเรื่องเสริมน่ะ ฉันมาเพื่อบอกมู่หลานอีกเรื่องต่างหาก”

“ถ้าอย่างนั้นแกก็รีบพูดสิยะ”

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นเซี่ยปิงชิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จึงอยู่พูดคุยต่ออีกสักพัก

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ปิงชิงรู้เรื่องอะไรโปรดพูดมาค่ะ ทางนี้ก็อยากรู้ด้วย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท