ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 381 คาดเดา(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 381 คาดเดา(2)

ตอนที่ 381 คาดเดา(2)

ฉินมู่หลานก็มองด้วยความสงสัยเช่นกัน

“วันนี้เซี่ยอวี่หรงไปนัดดูตัว เติ้งซูหลานก็ออกไปข้างนอกเหมือนกัน หล่อนไปหาคุณนายเติ้ง”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ ก็ได้แต่รู้สึกไม่เข้าใจนิดหน่อย “เติ้งซูหลานไปหาแม่ของหล่อนมันก็เป็นเรื่องปกติไหมล่ะ”

แต่ถึงอย่างนั้น ฉินมู่หลานกลับรู้สึกสงสัยนิดหน่อย “เมื่อวานคุณนายเติ้งเพิ่งไปบ้านตระกูลเซี่ยมาเอง คุยกับเติ้งซูหลานนานมาก สองแม่ลูกยังมีเรื่องต้องคุยกันอีกเหรอ วันนี้ถึงไปเจอกันอีก”

“อืม…เติ้งซูหลานเพิ่งเจอคุณนายเติ้งไปเมื่อวานนี้เองเหรอ? แต่ถึงจะเพิ่งเจอกันไปเมื่อวาน วันนี้ไปเจอกันอีกก็ปกตินี่นา”

เซี่ยปิงชิงส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ปกติ หลังจากเติ้งซูหลานไปหาคุณนายเติ้งแล้ว ก็ได้ไปเจอผู้ชายอีกคน ผู้ชายคนนั้นดูท่าไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย และเติ้งซูหลานก็จ่ายเงินก้อนหนึ่งให้ผู้ชายคนนั้น”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ จึงขมวดคิ้วนิดหน่อย “พวกหล่อนสองแม่ลูกคิดจะทำอะไรกันแน่”

แต่ความสนใจของเซี่ยปิงหรุ่ยอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง เธอหันมองเซี่ยปิงชิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะเอ่ยถาม “เธอรู้เรื่องนั้นได้ยังไง หรือว่าเธอให้คนคอยจับตามองเติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงสองแม่ลูกเป็นพิเศษอย่างนั้นเหรอ?”

เมื่อเซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็เหลือบมองเซี่ยปิงหรุ่ย แล้วบอกกล่าว “พี่ลืมไปแล้วเหรอ ว่าตระกูลที่แยกออกมาทุกบ้านจะมีคนของตระกูลเก่าอยู่นะ”

“อะไรนะ…เธอติดต่อกับเส้นสายตระกูลเก่าที่อยู่ในปักกิ่งเหรอ?”

เซี่ยปิงหรุ่ยไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ “เธอทำยังไงให้คนพวกนั้นยอมทำเรื่องพวกนี้ให้ คนพวกนั้นจะยอมทำก็ต่อเมื่อได้เห็นสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลเท่านั้นนะ”

“อืม ตอนฉันออกจากบ้าน ฉันได้นำติดมือมาด้วย”

“เธอ…”

เซี่ยปิงหรุ่ยชี้นิ้วใส่เซี่ยปิงชิงพลางพูดอะไรไม่ออก หลังจากนั้นก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมา “เธอนี่ก็กล้าเหลือเกิน ถ้าคุณปู่รู้เข้า คงไม่ปล่อยเธอแน่” หลังจากพูดจบ หล่อนก็อดแปลกใจไม่ได้ “หรือว่าที่คุณปู่เขียนจดหมายมาบอกให้เธอกลับบ้านไปแต่งงาน เป็นเพราะรู้ว่าเธอขโมยเหรียญตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลไปหรือเปล่า”

“ไม่มีทาง ถ้าคุณปู่รู้เข้า ต้องมีอาการมากกว่านี้สิ”

“ก็จริง”

เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็รีบหันไปพูดกับฉินมู่หลาน “มู่หลาน เติ้งซูหลานกับแม่ของหล่อนคงมีแผนการไม่ดี ไม่รู้ว่าพวกหล่อนคิดจะทำอะไร”

ฉินมู่หลานกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง

“เมื่อวานตอนฉันไปกินข้าวที่บ้านตระกูลเซี่ย ฉันบอกว่าจะพาเด็ก ๆ ทั้งสองคนไปหาอาหลี่ด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็หรี่ตาลง แล้วพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าเติ้งซูหลานกำลังวางแผนจะทำร้ายพวกเธอตอนเดินทางนะ”

เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกว่าเรื่องราวครั้งนี้อาจยังไม่ถึงขนาดนั้น

“ไม่หรอกมั้ง ต่อให้เติ้งซูหลานไม่ชอบมู่หลาน แต่ก็คงไม่ถึงกับต้องลงมือหรอก”

เซี่ยปิงชิงอดหันมองพี่สาวฝาแฝดของตัวเองเสียไม่ได้ พลางพูดขึ้น “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พี่มองคนอื่นในแง่ดีมากเกินไป”

“ฉัน…เห็นได้ชัดว่าเธอกังวลมากเกินไปแท้ ๆ ตอนนี้มันยุคไหนกันแล้ว ทำไมถึงอยากจะลงมือฆ่าคนกันได้นักต่อนัก”

แต่ถึงอย่างนั้น ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงชิงต่างคิดเห็นแบบเดียวกัน

“ใช่ เติ้งซูหลานอาจจะสั่งให้คนมาทำร้ายฉันระหว่างเดินทาง เพราะนี่เป็นโอกาสที่เหมาะเลย”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานก็เห็นด้วยกับน้องสาว อยู่ ๆ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมา หรือว่าหล่อนไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ มองคนในแง่ดีเกินไปอย่างนั้นหรือ

“ปิงชิง ขอบคุณเธอมากนะที่มาบอกเรื่องนี้กับฉัน ตอนนี้ถึงได้ทราบว่าเติ้งซูหลานกำลังทำเรื่องแปลก เพราะฉะนั้นครั้งนี้ฉันจะเดินทางโดยที่ไม่เอาลูกทั้งสองคนไปด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็คาดเดาได้ทันทีว่าฉินมู่หลานกำลังคิดอะไร

“เธอจะไปฐานทัพคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่ ฉันไม่อยากพาลูกทั้งสองคนไปเสี่ยง เพราะฉะนั้นฉันจะไปคนเดียว นี่เป็นโอกาสดีสำหรับฉัน ถ้าสามารถโต้ตอบได้ แล้วสามารถใช้เรื่องนี้ได้ ก็จะใช้โอกาสจากเรื่องนี้จับตัวเติ้งซูหลานได้”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานมีความคิดอยู่แล้ว เซี่ยปิงชิงจึงไม่ต้องพูดอะไรมากมาย เพียงแค่บอกกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปกับเธอด้วย”

ฉินมู่หลานส่ายหัวพลางบอกกล่าว “ไม่ต้องหรอก ถ้ามีเธอเพิ่มมาอีกคน คงหาข้ออ้างได้ยาก แต่ถ้าเด็กสองคนไม่ได้ไปด้วย คงหาข้ออ้างได้มากกว่า เพราะส่วนใหญ่การดูแลลูกนั้นค่อนข้างลำบาก จึงเป็นเรื่องปกติที่ฉันอาจจะเปลี่ยนใจกะทันหัน และไม่พาพวกเขาไปด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ เธอระวังตัวด้วยนะ ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วว่าเติ้งซูหลานกำลังจะทำเรื่องผิดปกติ ถ้าอย่างนั้นตอนเธอออกเดินทางครั้งนี้ ก็อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมนะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “วางใจได้ ฉันจะพาคนฝีมือดีไปด้วย เพียงแต่หากมองเพียงผิวเผิน จะดูเหมือนฉันเดินทางไปหาอาหลี่แค่เพียงลำพัง”

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นทั้งสองพูดจาเข้าขากันได้ดี จึงอดพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาเสียไม่ได้ “ถ้าเกิดว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเธอคาดเดาเท่านั้นล่ะ ถึงแม้ว่าเติ้งซูหลานจะให้เงินกับผู้ชายคนนั้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเงินเพื่อขอให้ผู้ชายคนนั้นทำร้ายมู่หลานเสียหน่อย”

“พวกเรายังไม่สามารถแน่ใจได้ก็จริง เพราะฉะนั้นจึงต้องเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า หากไม่ใช่อย่างที่ว่าก็เป็นเรื่องดี แต่หากเป็นอย่างที่คาดเดา พวกเราก็จะสามารถรับมือได้ทันที” หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็เอ่ยเพิ่มเติม “จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เติ้งซูหลานจะจ่ายเงินเพื่อให้ผู้ชายคนนั้นมาทำร้ายฉัน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำแบบนี้”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยปิงหรุ่ยก็ดูแปลกใจ

“อะไรนะ…ไม่ใช่ครั้งแรก หรือว่าเติ้งซูหลานเคยทำร้ายเธอมาก่อนหน้านี้ด้วย” ขณะพูด เธอก็รีบจับมือฉินมู่หลานขึ้นมากอบกุมทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ

“เรื่องนั้นไม่ใช่หรอก แต่เติ้งซูหลานเคยใช้วิธีการที่คล้ายกันนี้ทำร้ายคนอื่น” ส่วนคนอื่นที่ว่านั้น ก็คือซูหว่านอวี๋ผู้เป็นแม่แท้ ๆ ของฉินมู่หลาน

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ ก็รู้สึกสงสัย “เธอไปรู้เรื่องอะไรมาอีก”

“แค่บังเอิญไปรู้เข้าน่ะ จึงเป็นสาเหตุที่ฉันต้องระวังตัวมาก”

ในตอนนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกว่าฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงชิงไม่ได้กังวลไปโดยเปล่าประโยชน์ บางทีเติ้งซูหลานอาจคิดทำร้ายมู่หลานระหว่างเดินทางจริงก็เป็นได้ “มู่หลาน ถ้าเป็นอย่างที่เธอบอก เธอคงตกอยู่ในอันตรายมากแน่”

“เธอวางใจได้ ฉันมีคนฝีมือดีคอยแอบคุ้มกันอยู่ลับๆ”

เซี่ยปิงหรุ่ยร็สึกว่ามันยังไม่ค่อยปลอดภัยนัก เพียงแต่ยังไม่ทันจะได้พูดต่อ เซี่ยปิงชิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้น “เมื่อกี้พี่บอกว่าจะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่กลับไปอีก”

“ฉัน…”

ในตอนนั้นเองเซี่ยปิงหรุ่ยจึงตระหนักได้ว่าตัวเองคงช่วยอะไรไม่ได้มากนัก สุดท้ายจึงทำได้เพียงลุกขึ้นยืนแล้วบอกกล่าว “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ”

“ได้สิปิงหรุ่ย เธอก็เดินทางปลอดภัยนะ”

หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยกลับไป ฉินมู่หลานก็เริ่มยุ่งขึ้นอีกครั้ง หากเป็นไปตามที่พวกเธอคาดเดาเอาไว้จริง ถ้าอย่างนั้นการเดินทางในครั้งนี้คงอันตรายมากเธอจึงต้องคิดถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น

เมื่อถึงเวลากินอาหารเย็น เจี่ยงสือเหิง ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งเจอก็ได้ทราบเรื่องนี้เช่นกัน

ซูหว่านอี๋เป็นคนแรกที่คัดค้าน “ไม่ได้นะมู่หลาน ลูกอย่าไปดีกว่า”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

หาทางสับขาหลอกได้ไหม อย่าไปคนเดียวเลยมู่หลาน ถึงจะมีคนคุ้มกันก็เถอะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท