ตอนที่ 382 ออกเดินทาง(1)
ตอนที่ 382 ออกเดินทาง(1)
เหยาจิ้งจือได้ฟังเรื่องที่ลูกสะใภ้คนเล็กกล่าวแล้วก็รู้สึกว่าอันตราย จึงเอ่ยเสริม “ใช่แล้วมู่หลาน อันตรายเกินไป เธอไม่ต้องไปหาอาหลี่หรอก อยู่ที่นี่ก็พอ”
ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “แม่คะ ครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสดี ฉันจึงอยากลองดู นอกจากนี้จะพาพวกเหวินเฉียนกับเสี่ยวผิงไปด้วย แล้วยังขอความช่วยเหลือจากโหยวหย่งอีก ดังนั้นมันจึงคุ้มที่จะลองนะคะ”
เจี่ยงสือเหิงเห็นฉินมู่หลานยืนกราน จึงอดพูดไม่ได้ “มู่หลาน ถึงตอนนั้นให้พ่อไปกับลูกด้วยเถอะ”
ก่อนที่ฉินมู่หลานจะทันได้พูดอะไร เซี่ยปิงชิงก็เปิดปากเอ่ยขึ้นเสียก่อน “คุณไม่ต้องไปหรอก ขนาดฉันมู่หลานยังไม่ยอมให้ไปด้วยเลย ไม่ต้องพูดถึงคุณหรอก ถ้าคุณไปก็เป็นตัวถ่วงเปล่าๆ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็เหลือบมองเซี่ยปิงชิงอย่างเสียอดไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “จริง ๆ แล้ว…ผมไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่คุณคิดนะ”
แต่ถึงอย่างนั้น เซี่ยปิงชิงก็ไม่ได้หันมองเจี่ยงสือเหิงเลยสักนิด พลางพูดขึ้น “ถ้าคุณทำอะไรได้จริง ครั้งก่อนคงไม่ต้องให้ฉันช่วยหรอก”
“ผม…”
เจี่ยงสือเหิงพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง คำพูดนี้ไม่มีสิ่งใดมาลบล้างได้เลย
ฉินมู่หลานกันมองเจี่ยงสือเหิงแล้วบอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พ่อคะ พ่อวางใจเถอะ ฉันไม่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายแน่นอน และคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับเซี่ยฉางชิงด้วย เพราะเติ้งซูหลานเป็นภรรยาของเขา ถ้าอย่างนั้นก็ควรบอกให้เขาได้ทราบว่าคนข้างกายของเขาทำตัวแบบไหน”
เจี่ยงสือเหิงรู้สึกลังเลนิดหน่อยเมื่อได้ยินแบบนี้
“มู่หลาน จะบอกเซี่ยฉางชิงจริงเหรอ หากเขาแสดงจุดอ่อนต่อหน้าเติ้งซูหลานขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?”
“ไม่ควรเป็นแบบนั้นค่ะ ตอนนี้เซี่ยฉางชิงกำลังตามสืบเรื่องในปีนั้นแล้ว เติ้งซูหลานเองก็ไม่ทราบ เพราะฉะนั้นครั้งนี้บอกเขาก็คงไม่เสียหายค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงจึงไม่พูดอะไรอีก
“ก็จริง เซี่ยฉางชิงนับเป็นคนที่มีอำนาจคนหนึ่ง” แต่ถึงอย่างไร เจี่ยงสือเหิงก็ไม่วางใจนัก
ในตอนนี้ เซี่ยปิงชิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงพูดขึ้น “มู่หลาน ฉันจะบอกให้คนที่แอบแฝงอยู่ในตระกูลเซี่ยคอยคุ้มกันเธออย่างลับ ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ ความเสี่ยงของเธอก็จะลดลงด้วย”
“ทำแบบนั้น จะมีผลกระทบอะไรกับเธอหรือเปล่า? ถ้าคุณปู่ของเธอรู้เขา จะต้องตำหนิเธอแน่”
เซี่ยปิงชิงโบกมือพลางบอกกล่าว “ไม่รู้หรอก และถึงต่อให้คุณปู่ทราบเรื่องมันก็ไม่ได้สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของเธอ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็จ้องมองด้วยแววตาซาบซึ้ง
“ปิงชิง ขอบคุณเธอมากนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
เซี่ยปิงชิงบอกกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก
เจี่ยงสือเหิงหันมองเซี่ยปิงชิงด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะพูดขึ้น “ปิงชิง ขอบคุณนะ”
เซี่ยปิงชิงเหลือบมองเจี่ยงสือเหิงอย่างแง่งอน ก่อนจะบอกกล่าว “ฉันกำลังช่วยมู่หลาน ไม่ได้ช่วยคุณสักหน่อย คุณไม่ต้องมาขอบคุณเลย แล้วฉันก็เพิ่งพูดด้วยว่าไม่ต้องขอบคุณ พวกคุณก็ยังพูดจาแบบนี้ออกมา”
เจี่ยงสือเหิงบอกกล่าวพร้อมสายตาอ่อนโยน “ได้ ผมไม่พูดแล้ว”
เมื่อเห็นแววตาของเจี่ยงสือเหิง เซี่ยปิงชิงจึงรู้สึกแปลกนิดหน่อยประหนึ่งโดนผึ้งต่อย จึงรีบหันหน้าหนีออกไปแล้วไม่มองเจี่ยงสือเหิงอีก เพราะรู้สึกว่าสายตาของเจี่ยงสือเหิงที่จ้องมองมาเมื่อสักครู่ดูประหลาดนิดหน่อย
ฉินมู่หลานเห็นทั้งสองเป็นแบบนี้ก็รู้สึกว่ามันตลกนิดหน่อย สุดท้ายเธอก็ค้นพบว่าพ่อบุญธรรมปฏิบัติกับปิงชิงต่างออกไป เพียงแต่ปิงชิงยังมองไม่ออก จึงได้แต่หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองจะไปได้ดี
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นว่ามีคนคอยช่วยเหลือ จึงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ขอเพียงพวกเขาเตรียมตัวให้พร้อม เรื่องก็จะเป็นไปตามที่ฉินมู่หลานคาดการณ์เอาไว้ แล้วก็จะเอาผิดเติ้งซูหลานได้
และเหยาจิ้งจือก็นึกคำถามขึ้นมาได้อีกหนึ่งอย่าง
“มู่หลาน เรื่องนี้ควรบอกอาหลี่หน่อยไหม เผื่อให้เขาได้เตรียมตัวรับมือทางฝั่งนั้นเสียหน่อย”
“ควรค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้พวกโหยวหย่งหาทางส่งข่าวเรื่องนี้ไปบอกอาหลี่” เธอกลัวว่าหากติดต่อกับเซี่ยเจ่อหลี่โดยตรงจะโดนจับสังเกตได้ นอกจากนี้พวกโหยวหย่งก็เคยทำงานในกองทัพมาก่อน จึงอาจมีวิธีที่สามารถส่งข้อความอย่างลับ ๆ ได้มากกว่า
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้น “ดี อีกไม่นานเธอก็ต้องไปที่นั่นแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรรีบส่งข้อความหาอาหลี่ให้เร็วที่สุดนะ”
“ค่ะ”
เหวินเฉียนกับชุยเสี่ยวผิงเห็นว่าฉินมู่หลานตัดสินใจแล้ว ฝ่ายเหวินเฉียนจึงเปิดปากบอกกล่าวทันที “พี่สะใภ้คะ เดี๋ยวฉันจะติดต่อโหยวหย่งให้เองค่ะ”
ชุยเสี่ยวผิงจึงพูดขึ้นด้วย “พี่สะใภ้ อยากให้ฉันติดต่อสหายพวกนั้นของฉันให้ไหมคะ”
ครั้งล่าสุดพวกเขาก็ได้ไปช่วยเจี่ยงสือเหิงด้วย คนพวกนั้นฝีมือค่อนข้างดี หากรวมกำลังคอยแอบคุ้มกันฉินมู่หลานในครั้งนี้ด้วย คงปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
ถึงแม้ว่าเธอจะคาดเดาว่าเติ้งซูหลานอาจลงมือกับเธอ แต่ถ้าเธอคิดมากเกินไปล่ะ เช่นนั้นแล้วการเดินทางของคนพวกนี้อาจเปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งก่อนชุยเสี่ยวผิงก็ไปรบกวนพวกเขามาแล้วด้วย ในเมื่อเคยรบกวนไปแล้วหนึ่งครั้ง ฉินมู่หลานจึงรู้สึกลังเลนิดหน่อย
แต่แล้วซูหว่านอี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้น “เสี่ยวผิง ถ้าอย่างนั้นรบกวนเธอด้วยนะ”
“ได้ค่ะน้าซู เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อสหายให้นะคะ”
ชุยเสี่ยวผิงเห็นว่าฉินมู่หลานไม่พูดอะไรก็ได้เข้าใจถึงความกังวลของเธอ จึงพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “พี่สะใภ้คะ ถึงการเดินทางครั้งนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงเราก็ควรเตรียมพร้อมให้ดี ถึงตอนนั้นหากมีเรื่องเกิดขึ้นจริงจะได้ไม่เสียใจทีหลัง”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะบอกกล่าว “เสี่ยวผิงพูดถูกแล้ว ฉันแค่คิดมากเกินไปหน่อย ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นรบกวนเธอหน่อยนะ”
หลังจากนั้นชุยเสี่ยวผิงกับเหวินเฉียนก็ออกไปพร้อมกัน
และฉินมู่หลานก็โดนเซี่ยปิงชิงลากไปที่ลานบ้านของหล่อน
“มู่หลาน นี่คือผลงานล่าสุดของฉัน” เซี่ยปิงชิงชี้ไปยังขวดที่ตั้งอยู่ตรงหน้า แววตาเปล่งประกาย “เธอดูนี่สิ มันทำให้ลำไส้และกระเพาะอาหารของคนทะลุได้เลยนะ ส่วนแป้งในขวดสีดำนั่น แค่ใช้ทาเพียงนิดเดียวเท่านั้น ก็จะทำให้ตรงบริเวณผิวหนังมีแผลและพุพองเกิดหนองได้เหมือนตายทั้งเป็นเลย แล้วยังมียาในขวดกระเบื้องสีเขียวนั่น สามารถฆ่าคนได้ในทันทีเลย ออกไปข้างนอกก็ควรมีพกติดตัวหน่อย”
ฉินมู่หลานได้ฟังคำแนะนำของเซี่ยปิงชิง สุดท้ายก็เข้าใจเจตนาของเซี่ยปิงชิงนิดหน่อย
ของพวกนี้ เพียงแค่โดนมันเข้าอย่างไม่ทันระวังตัว ก็ทำให้ตายได้ อีกทั้งยังไม่สามารถหาสาเหตุการตายได้ด้วย
ยิ่งเซี่ยปิงชิงพูดมากเท่าใด หล่อนก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น “มู่หลาน เธอวางใจได้ ฉันเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยาพวกนี้หมดแล้ว ไม่มีทั้งสีและกลิ่น และมองด้วยตาไม่ออก เธอสามารถใช้ได้อย่างมั่นใจเลย”
“ปิงชิง ของพวกนี้อาจฆ่าคนได้ถ้าเอาออกมาใช้ หากว่าฉันโดนจับได้ว่าเป็นฝ่ายทำจะทำยังไง”
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ สายตาก็เยือกเย็นลง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยคนพวกนั้นตายไปอย่างเงียบ ๆ สิ แบบนั้นก็ไม่มีใครรู้แล้ว”
ฉินมู่หลาน “…”
ในตอนนั้นเอง เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะกลายเป็นนักฆ่าที่ไร้ความปรานี “ปิงชิง ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก ครั้งนี้มีคนคอยตามคุ้มกันฉันเยอะมาก เพราะฉะนั้นฉันคงแอบทำไม่ได้แน่ ฉันจะเลือกอันที่เป็นประโยชน์ไปสักสองสามขวดแล้วกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยปิงชิงก็ดูเสียดาย
“ก็จริง มีคนคอยตามคุ้มกันเธอมากมาย ถึงตอนนั้นคงกำจัดหลักฐานทั้งหมดไม่ได้” พูดจบหล่อนก็แนะนำพิษสามตัวให้กับฉินมู่หลาน “เธอเอาผงกระดูกอ่อนอันนี้ไปก็ได้ ถึงเวลานั้นเธอก็แค่พูดคุยอะไรบางอย่างกับคนพวกนั้น แล้วเดี๋ยวพวกเขาก็จะขยับตัวไม่ได้ไปเอง” ขณะพูดเธอก็หยิบยาถอนพิษออกมาด้วย แล้วบอกกล่าว “ทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอจะต้องกินยาแก้พิษเอาไว้ก่อนล่วงหน้า”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ปิงชิงโหดสุดๆ เลย เจ้าแม่สารพัดพิษเปล่าเนี่ย
ไหหม่า(海馬)