ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 391 กลับไปเผชิญหน้าที่ปักกิ่ง(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 391 กลับไปเผชิญหน้าที่ปักกิ่ง(1)

ตอนที่ 391 กลับไปเผชิญหน้าที่ปักกิ่ง(1)

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็ดูยินดีเป็นอย่างมาก

“จริงเหรอ ถ้าจับคนที่ติดต่อกับเติ้งซูหลานโดยตรงได้ ดูเหมือนว่าจะเอาผิดเติ้งซูหลานได้โดยตรงเลยสินะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่แล้ว ถ้าเอาผิดเติ้งซูหลานได้ ก็แก้ไขปัญหาเรื่องอันตรายอีกเรื่องไปได้”

แต่เขาก็ยังไม่ไว้วางใจ “หลังจากชายคนนั้นโดนจับได้ ก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรแลย ไม่รู้ว่าจะบังคับให้เขาพูดความจริงได้หรือเปล่า”

สำหรับเรื่องนี้ ฉินมู่หลานไม่ได้เป็นห่วงมากนัก

“ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นฉันจะให้ยารีดเค้นความจริง ถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่พูดหรอก”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานบอกแบบนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็วางใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย เดี๋ยวผมจะพาคนพวกนั้นไปขังเอาไว้ แล้วให้โหยวหย่งแจ้งตำรวจทีหลัง”

“ค่ะ”

หลังจากโหยวหย่งออกไปแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาฉินมู่หลานมาตรงลานกว้าง ซึ่งแก๊งของชายวัยกลางคนกับแก๊งของลวี่เถี่ยต่างถูกพามาไว้ตรงนี้

ถึงแม้ลวี่เถี่ยจะไม่สามารถขยับตัวได้ แต่ดวงตายังสามารถมองเห็นได้ เมื่อเห็นแก๊งของชายวัยกลางคนโดนพาตัวมาหมดแล้ว สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาโดนจับได้หมดแล้ว ครั้งนี้คงหนีไม่รอดอย่างแน่นอน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นคนสั่งให้ตัวเองจับตัวฉินมู่หลาน ภายในใจจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“พวกแกไม่ได้ตรวจสอบให้รอบคอบตั้งแต่แรกเหรอ ว่าจับตัวผู้หญิงคนนี้ได้หรือเปล่า ดูสิ่งที่เราเจอตอนนี้สิ คงจะดีถ้าไม่ไปจับตัวคนมาตั้งแต่แรก”

ชายวัยกลางคนผู้นั้นเงียบปากมาโดยตลอด แต่เมื่อได้ยินลวี่เถี่ยพูดบ่น จึงแค่นหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ถ้าพวกแกไม่หิวเงิน พวกแกก็คงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้หรอก ทุกงานย่อมมีความเสี่ยงอยู่แล้ว พอโดนจับได้ก็มาโบ้ยว่าเป็นความผิดของฉัน ถ้าพวกแกไม่รับงานนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว”

“แก…”

ลวี่เถี่ยไม่คิดว่าชายวัยกลางคนจะกล้าพูดแบบนี้

ขณะที่ลวี่เถี่ยจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างอีก ฉินมู่หลานก็แสยะยิ้มแล้วเปิดปากขึ้นก่อน “พวกแกยังจะเถียงกันอีกเหรอ ดูเหมือนจะสบายมากเลยนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ลวี่เถี่ยก็หุบปากทันที หลังจากเขาโดนจับ แม่เฒ่าผางกับพวกอาหวู่ก็โดนพามาที่นี่ด้วย ดังนั้นจึงได้ทราบว่าพวกเขาไม่เพียงแค่ขยับตัวไม่ได้ แต่ยังไม่สามารถเปิดปากพูดได้อีก ส่วนอาหวู่กับพวกผู้ชายคนอื่นนั้นเลวร้ายเสียยิ่งกว่าตรงที่ศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายสูญสิ้นไปหมด ทำให้พวกผู้ชายหลายคนรู้สึกเสียววาบบริเวณอวัยวะสำคัญใต้หว่างขา ไม่มีใครกล้ายุ่งกับฉินมู่หลานเลย

ฉินมู่หลานเห็นลวี่เถี่ยเงียบปากไปแล้ว ก็หันมองชายกลางคนผู้นั้น

และชายวัยกลางคนผู้นั้นก็มองฉินมู่หลานเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอฉินมู่หลาน

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทำให้คุณนายเติ้งกับเติ้งซูหลานรู้สึกเหมือนเผชิญศัตรูที่น่าเกรงขาม ครั้งนี้เขาแอบลงมืออย่างลับ ๆ ติดต่อแก๊งของลวี่เถี่ยให้ออกไปจับตัวคนโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงมือเอง ไม่คิดเลยว่าจะคว้าน้ำเหลวแล้วมาโดนจับตัวกันหมดอยู่ตรงนี้

ฉินมู่หลานเห็นชายตรงหน้าจ้องมองเธอ ก็อดหัวเราะไม่ได้ “เติ้งซูหลานจ้างแก๊งนายให้มาจับฉันสินะ น่าเสียดายจังที่พวกแกต้องคว้าน้ำเหลว เพราะความชั่วไม่เคยเอาชนะความดีได้”

ชายคนนั้นได้ยินสิ่งนี้ก็ก้มหน้าก้มตาลงทันที แล้วไม่พูดอะไรอีก

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงพูดลอย ๆ กับตัวเอง “ได้ยินลวี่เถี่ยบอกว่าพวกแกยอมจ่ายในราคาที่สูงลิ่วเพื่อให้พวกเขามาจับตัวฉัน ไม่รู้ว่าเติ้งซูหลานจ่ายให้นายไปเท่าไหร่นะ”

เมื่อเห็นชายคนนั้นไม่ยอมพูด ฉินมู่หลานจึงไม่ถามอะไรอีก ถึงตอนนี้ไม่พูด ภายหลังก็ต้องพูดอยู่ดี จึงไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นถึงคนผู้นี้อาจจะปากแข็ง แต่เธอไม่เชื่อว่าคนอื่นที่เหลือจะปากแข็งเหมือนกันหมด

“มู่หลาน อีกไม่นานเดี๋ยวโหยวหย่งจะพาตำรวจมาแล้ว ให้พาคนพวกนี้ไปไว้อีกห้องก่อนไหม”

เซี่ยเจ๋อหลี่ทราบว่ามู่หลานอาจอยากกักตัวคนพวกนี้เอาไว้ เพราะจะเป็นพยานปากสำคัญในการปรักปรำเติ้งซูหลาน

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า

หลังจากพวกของชายวัยกลางคนโดนพาไปอีกห้องหนึ่ง ลวี่ต้านีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “ไม่นะ…ฉันไม่อยากโดนตำรวจจับ” หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันไปมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ ฉันยังมีคนเฒ่าคนแก่ให้ต้องดูแล ครอบครัวคงลำบากแน่ถ้าไม่มีฉัน”

หลายคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็เริ่มอ้อนวอนขอความเมตตา

เมื่อฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็แค่นหัวเราะด้วยความโมโห

“เหอะ…แกมีคนเฒ่าคนแก่ให้ดูแล แล้วคนอื่นไม่มีอย่างนั้นเหรอ แกไม่คิดถึงคนอื่นที่โดนจับมาบ้างสักหน่อยเหรอ แกรู้ไหมว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนสำหรับครอบครัวที่ต้องเสียลูกหลานคนที่รักไป แล้วเรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะแก๊งค้ามนุษย์เลวทรามอย่างพวกแกนี่แหละ”

เหวินเฉียนที่อยู่ข้าง ๆ ก็สบถ ‘บ้า…’ ออกมา “แกยังจะกล้าร้องขอความเมตตาอีกเหรอ นึกถึงสิ่งที่พวกแกทำไป ต่อให้โดนทัณฑ์เลาะกระดูกก็สมควรแล้ว แต่พวกแกนี่ก็ช่างกล้านะ ก่อนหน้านี้แก๊งค้ามนุษย์ที่กล้าจับตัวพี่สะใภ้ก็โดนกวาดล้างไปหมด ตอนนี้พวกแกก็มาอีก นี่มันก็เท่ากับหันปลายกระบอกปืนเข้าหาตัวเองไม่ใช่เหรอ”

ตอนแรกทุกคนไร้ปฏิกิริยา เป็นลวี่เถี่ยที่นึกขึ้นได้เป็นคนแรก ก่อนจะหันมองฉินมู่หลานด้วยความเหลือเชื่อ “พวกแก๊งชางไห่ที่โดนจับก็เพราะฝีมือเธออย่างนั้นเหรอ?”

“นั่นไม่ใช่เรื่องจริงหรอก พวกเขากำลังจะโดนจับอยู่แล้ว จะว่าเป็นเพราะฉันได้ยังไงกัน”

ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะไม่ยอมรับตามตรง แต่พวกลวี่เถี่ยต่างรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นความจริง พวกแก๊งชางไห่นั่นตกอยู่ในกำมือของผู้หญิงคนนี้

เมื่อคิดได้แบบนี้ พวกของลวี่เถี่ยก็นึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หากทราบเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ต่อให้โดนทุบจนตายพวกเขาก็จะไม่มีวันไปจับตัวฉินมู่หลานแน่นอน ตอนนี้จบเห่แล้ว พวกเขาโดนจับกันหมดแล้ว

ในตอนนั้นเอง ลวี่ต้านีก็เริ่มตำหนิลวี่เถี่ย

“พี่ใหญ่ ทั้งหมดเป็นความผิดพี่ ทำไมพี่ถึงรับงานนี้มา ตอนแรกพวกเราก็ทำกันได้ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับพังไม่เป็นท่า ฉันไม่อยากโดนจับ ฉันไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุกนะ” หลังจากพูดจบ ลวี่ต้านีก็เริ่มร้องไห้ขึ้นมา

แม่เฒ่าผางที่อยู่ข้าง ๆ ก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ได้เจอฉินมู่หลาน ทุกอย่างก็พลิกผันไปหมด ถึงจะพูดอะไรไปตอนนี้ก็สายไปหมดแล้ว

โหยวหย่งดำเนินการรวดเร็วมาก มุ่งหน้าพาตำรวจมาทันที

เนื่องจากครั้งนี้เป็นคดีใหญ่ ตำรวจจึงยกพวกมากันหมด เมื่อพวกเขามาถึงที่เกิดเหตุ ก็อดตะลึงกับภาพตรงหน้าเสียไม่ได้

นี่…

เพราะคนพวกนี้ช่วยกำจัดแก๊งค้ามนุษย์ที่เป็นภัยร้ายของสังคม ไม่อย่างนั้นคงไม่พาคนมามากขนาดนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องดีที่จับกุมแก๊งค้ามนุษย์พวกนี้ได้แล้ว ไม่รู้ว่าช่วยชีวิตคนไปได้อีกมากมายขนาดไหน

“สหาย ขอบคุณพวกนายมากจริง ๆ”

สารวัตรตำรวจยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณโหยวหย่ง

โหยวหย่งได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพูดตอบ “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำ”

ในตอนนั้นเองเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินเข้ามา เขาเห็นพวกตำรวจมาถึงแล้ว ก็ยิ้มทักทายให้ “เจ้าหน้าที่หวัง ทำไมพวกคุณถึงมาด้วยตัวเองเลยล่ะครับ”

หวังหัวเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ตกใจเช่นกันพลางเอ่ยถาม “ผู้กองเซี่ย ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

เขาเคยเจอเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยหน้าที่การงาน ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาเจอกันที่นี่

เซี่ยเจ๋อหลี่บอกเล่าตามตรง “ภรรยาของผมมาพักผ่อนที่กองทัพช่วงปิดเทอม วันนี้ผมจึงไปรับหล่อน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

เมื่อได้ยินแบบนี้ หวังหัวก็อดพูดเสียไม่ได้ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นก้คงเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็ต้องขอบคุณพวกคุณมากเลยนะที่ช่วยกันกำจัดแก๊งชั่วนี่ไปอีกหนึ่ง”

“เจ้าหน้าที่หวัง อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ต่อไปคงต้องขอรบกวนพวกคุณ ช่วยทำงานกันอย่างยากลำบาก เพราะผู้หญิงกับเด็กที่โดนจับมาล้วนไม่ใช่คนในพื้นที่ พวกคุณต้องส่งคนกลับไป คงต้องใช้ความพยายามกันอย่างมาก”

“ลำบากอะไรกัน นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว”

ถึงแม้ว่าหวังหัวจะเชื่อคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่บ้าง แต่เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันบังเอิญไปหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้ถามมาก แล้วนำตัวแก๊งค้ามนุษย์พวกนี้กลับไปสอบปากคำอย่างถี่ถ้วน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ทางคนบงการรู้ข่าวหรือยังเนี่ยว่าพลาด เตรียมตัวโดนจับกันยกครัวได้เลยตระกูลเติ้ง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท