บทที่ 345 ลงทัณฑ์
“หึหึหึ ผอ. เจ้าไม่ใช่บอกว่าคนของเจ้าทั้งหมดออกมาอยู่ที่นี่แล้วหรอกรึ”
ชายผู้ถูกเรียกว่าน้องสี่ได้หัวเราะออกมาด้วยเสียงที่เย็นยะเยียบก่อนที่จะชี้ลงไปยังเบื้องล่าง “แล้วไอ้พวกที่อยู่ในห้องนั่นล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผอ.ฉีก็มองตามลงไป ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างสบายใจ “เรียนผู้อาวุโสผู้คัดเลือก นั่นคือที่พักของผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเต๋าใต้บาดาล หลิวฉิงหยุน”
“เมื่อประมาณสองวันก่อน หลานชายของเขาอาการไม่ค่อยดี ผู้อาวุโสสูงสุดจึงได้ใช้ทั้งเงินและทรัพยากรมากมายไปเพื่อรักษาอาการป่วยของหลานชายเขา”
“ข้าเกรงว่าด้วยช่วงวิกฤตของหลานชายของเขานี้ทำให้เขาไม่อาจปรากฏตัวมาต้อนรับพวกท่าน.…”
“รักษารึ”
เมื่อเหล่ามหาราชาได้ยินต่างก็มาหน้ากันในทันที ผู้ที่เป็นผู้นำกลุ่มเองก็ซัดพลังจากฝ่ามือตรงไปยังที่พักของหลิวฉิงหยุนโดยไม่แม้แต่เอ่ยถาม
ปัง
เสียงดังสนั่นได้ดังขึ้นมาจนศิษย์ในสำนักหลายคนต้องเผลอปิดหูของตนพลางมองไปที่มหาราชาผู้ซัดพลังฝ่ามือออกไปอย่างตื่นตะลึง พร้อมคำถามมากมายที่หลั่งไหลขึ้นมาอยู่ในใจ
ผอ.ฉีเองก็ประหลาดใจในการกระทำของมหาราชาผู้นี้ “ผู้อาวุโสผู้คัดเลือกท่านทำอะ….”
ก่อนที่ผอ.ฉีจะได้พูดจบ หลิวฉิงหยุนที่อยู่ในห้องเบื้องล่างก็ได้ระเบิดคลื่นพลังของตนออกมาจนทำให้ทุกสิ่งที่หล่นทับกระเด็นกระดอนออกไป
ท่ามกลางกลุ่มควันและฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย หลิวฉิงหยุนได้วิ่งออกมาพลางกอดหลิวฉางเชิงที่ตกอยู่ในสภาพโง่งมพลางคำรามลั่นขึ้นฟ้าจ้องมองไปยังมหาราชาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างแค้นเคือง
“ไอ้ตัวระยำที่ไหนที่กล้ามาทำเรื่องเช่นนี้”
“แม่…เอ๊ย หลานของข้าใกล้จะหายดีอยู่แล้ว แต่เขาต้องจบสิ้นด้วยพลังฝ่ามือของแก”
“วันนี้ข้า หลิวฉิงหยุน ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็จะทำให้พวกเจ้าทั้งหมดตกตายไปพร้อมหลานของข้า”
เมื่อพูดจบ หลิวฉิงหยุนก็ค่อยๆวางร่างของหลิวฉางเชิงลงแล้วโจนทะยานพุ่งเข้าใส่มหาราชาทั้งสิบ
เมื่อเห็นฉากนี้ ผอ.ฉีก็รีบเอาตัวเข้ามาวาง
“ผู้อาวุโสสูงสุด อย่าได้เสียมารยาท รีบขอโทษเหล่าผู้อาวุโสผู้คัดเลือกแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้”
“ผู้อาวุโสผู้คัดเลือกแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ”
หลิวฉิงหยุนได้กวาดตามองมหาราชาทั้งสิบ ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวแค้นเคืองพลันมลายสิ้นแต่ก็ยังเหลือเค้าลางแห่งความไม่พอใจอยู่
“แล้วยังไง…. หลานที่น่าสงสารของข้าเข้าสู่จุดสำคัญในการรักษาและจะหายดีในอีกสิบนาที”
“แต่คนเหล่านี้กลับไปแยแสและลงมือทำตามใจที่ต้องการ คนเหล่านี้ทำลายโอกาสรอดของเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าต่อหน้าต่อตา”
“ต่อให้เป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง แต่กลับลงไม้ลงมือไม่คิดจะบอกเหตุผลกันเลยรึไง ห้ะ”
นี่ทำให้ผู้นำกลุ่มมหาราชามองไปที่หลิวฉิงหยุนด้วยสายตาที่ทิ่มแทงในทันที “ราชาขั้นสูงรึ ไม่ง่ายเลยนะที่สำนักบ้านนอกแบบนี้จะมีผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะระดับนี้ในสำนัก”
“แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เจ้าเองก็ควรจะทำตามคำสั่งของพวกเรา”
“ใครก็ตามที่กล้าขัดคำสั่งของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ข้า มีสิทธิจะลงทัณฑ์มันผู้นั้นในนามของวิหารศักดิ์สิทธิ์”
“และข้ากล้าบอกเลยว่าคนที่ซัดพลังฝ่ามือเมื่อครู่ไปคือข้า หากเจ้าต้องการให้ข้าตกตายไปกับเจ้า เจ้าก็สามารถมาลองดูได้”
ดวงตาของหลิวฉิงหยุนร้อนจนราวกับพร้อมที่จะไหม้ด้วยความโกรธแค้นจนทำให้ร่างกายของเขาสั่นอย่างคุมไว้ไม่อยู่
ผอ.เฉียนยังคงห้ามปรามหลิวฉินหยุน ก่อนที่จะฝืนยิ้มแล้วถามออกมากับผู้นำกลุ่มมหาราชา “ท่านผู้คัดเลือก โปรดให้อภัยกับการเสียมารยาทของผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักข้าด้วย เขาเพียงเป็นกังวลในชีวิตหลานรักของเขาเพียงเท่านั้น”
หลังจากผู้นำของมหาราชาแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้ยินก็มองหลิวฉิงหยุนอย่างดูแคลน ก่อนที่จะยื่นมือไปคว้าจับบางสิ่งกลางอากาศ ส่งผลให้หลิวฉางเชิงลอยขึ้นมาจากพื้น
“ดูสิ ใช่มันผู้นี้รึไม่”
ทั้งหกคนได้มองไปที่ร่างของหลิวฉางเชิงที่จะตายแหล่ไม่ตายแหล่อยู่แล้ว และนี่ทำให้ทั้งหกพูดออกมาแทบจะพร้อมกัน “ใช่แล้ว พี่ใหญ่ เป็นมันผู้นี้”
ในตอนนี้ แม้หลิวฉางเชิงจะทำได้เพียงหายใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยการที่เขาถูกเฉินเฉียงทำลายสติปัญญาไปจึงได้บางเหล่ามหาราชาที่รายรอบตนไว้ด้วยรอยยิ้มที่โง่งมและน้ำลายไหลยืดออกจากปากตลอดเวลาเพียงเท่านั้น
ผู้นำกลุ่มมหาราชาได้พยักหน้ารับฟังแล้วพูดออกมาเมื่อได้เห็นท่าทางของหลิวฉางเชิง “ฮึ ก่อนหน้านี้มีใครบางคนที่รุกล้ำเข้าไปในเขาโรคา โดยมันผู้นั้นได้เผลอเผยร่องรอยออกมาว่ามาจากเฉินหลิว ดูเหมือนว่าหลังจากได้รับบาดเจ็บไปแล้วจะทำให้ระดับการบ่มเพาะของมันผู้นี้หลงเหลือเพียงนายพลสินะ”
“น่าจะเป็นเช่นนั้น”
“ฮึ่ม มันกล้าที่จะเหยียบย่างเข้าไปในเขตหวงห้ามอย่างเขาโรคา มันสมควรตายแล้ว”
เมื่อพูดจบ ผู้นำกลุ่มมหาราชาได้ทำการดีดนิ้วไปหนึ่งที และนี่ทำให้ร่างของหลิวฉางเชิงบวมเป่งและระเบิดออกเสียงตรงนั้น
“ฉางเชิง”
เมื่อเห็นฉากนี้ หลิวฉิงหยุนไม่ได้สนใจชีวิตตัวเองสลัดตัวให้หลุดออกจากผอ.ฉีแล้วพุ่งตรงไปยังผู้นำกลุ่มมหาราชาในทันทีหมายที่จะโจมตีใส่ให้ตกตายไป
“หึ หา ที่ ตาย”
โดยไม่ต้องให้ผู้นำกลุ่มต้องลงมือ มหาราชาอีกเก้าคนพุ่งตรงมาในทุกทิศทุกทาง พวกเขามีตั้งแต่ระดับมหาราชาขั้นต้นไปจนขั้นสูงรายรอบราชาอย่างหลิวฉิงหยุนเอาไว้และลงมือโจมตีพร้อมกัน
เพียงหนึ่งฝ่ามือ หลิวฉิงหยุนก็แทบจะตกตาย และร่วงหล่นลงจากฟ้าลงไปกองกับพื้นดิน
หลังจากเฉินเฉียงได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบการบ่มเพาะของโลกปีศาจมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เขารู้ว่าผู้บ่มเพาะในโลกปีศาจนั้นแม้จะอยู่ในระดับราชา แต่ในร่างกายก็หาได้มีโลกใบเล็กในร่างไม่
นี่คือสิ่งที่แตกต่างกันที่สุดระหว่างระบบบ่มเพาะของโลกนี้และโลกของเขา
ผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับมหาราชาของโลกปีศาจนั้นไม่เพียงจะมีพลังฟ้าดินในร่างที่หนาแน่นกว่า แต่พลังฟ้าดินในร่างของมหาราชานั้นยังเข้มข้นกว่าอีก
นี่จึงทำให้หลิวฉิงหยุนพ่ายแพ้ได้อย่างรวดเร็ว
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่นาที
ในฐานะที่ตนเป็นผอ.ของสำนักเต๋าใต้บาดาล ผอ.ฉีนั้นแม้ต้องการที่จะเข้าไปช่วยเหลือไม่ให้ร่วงหล่นแต่นั่นก็ยังช้าเกินไป
หลังจากลงไปพยุงหลิวฉิงหยุนที่พุ่งจะร่วงหล่นไปจนฝุ่นฟุ้งกระจายไปแล้ว ผอ.ฉีก็รีบตรวจสอบอาการของเขาในทันที และนี่ทำให้เขาพบว่าหลิวฉิงหยุนนั้นสูญเสียเวลาของตนไปกว่าครึ่งค่อนชีวิตในทันใด
“ทำไม ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้”
ผอ.ฉีคำรามลั่นในขณะที่พยุงร่างของหลิวฉิงหยุนลอยขึ้นไปบนฟ้าหลังจากกระอักเลือดคำโตออกมา
ในเมืองเฉินหลิวนั้นมีสำนักใหญ่อยู่สองสำนักที่ไม่เคยมีข้อพิพาทกันเว้นแต่ตอนงานประลองเพียงเท่านั้น และในตอนนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักกลับต้อง……หวนคืนสู่ระดับราชาขั้นต้น
แล้วอย่างนี้ สำนักเต๋าใต้บาดาลจะไปทัดเทียมสำนักเต๋าดาวตกได้ยังไงกัน
เขายอมรับไม่ได้
ต่อให้ต้องตกตาย แต่อย่างน้อยก็ควรจะได้รู้เหตุผลสิ
แต่ในเมื่อมหาราชาของวิหารศักดิ์สิทธิ์กล้าที่จะลงมือลุงหลานตระกูลหลิวได้อย่างไม่ลังเล แม้ทั้งคู่หนึ่งจะตกตายหนึ่งจะปางตาย พวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด
แล้วใครจะหาความเป็นธรรมให้กับสองคนนี้กัน
ไปร้องเรียนที่วิหารศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ
นั่นเท่ากับรนหาที่ชัดๆ
ในโลกปีศาจแห่งนี้ วิหารศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือทุกสิ่ง
ต่อให้เหล่ายอดฝีมือจากทุกสำนักร่วมมือกัน เพียงแค่วิหารศักดิ์สิทธิ์ส่งคนออกมาเพียงหนึ่ง นั่นก็เพียงพอที่จะกวาดล้างทุกคนจนหมดสิ้น
นี่จึงทำให้เขาไม่กล้าที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมแต่อย่างใด
ดีไม่ดีนั่นจะยิ่งทำให้มหาราชาทั้งสิบออกมากวาดล้างสำนักเต๋าใต้บาดาลของเขาเสียด้วยซ้ำ
เพียงข่าวคราวที่เกิดขึ้นกับสำนักเต๋าใต้บาดาลนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันย่อมเป็นที่เรื่องลือกันทั่วทั้งโลกปีศาจ พร้อมข่าวลือที่ว่าสำนักเต๋าใต้บาดาลได้เข้าไปรบกวนวิหารศักดิ์สิทธิ์และถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทำลายความสงบสุขของโลกใบนี้
และนั่นจะทำให้สำนักเต๋าดาวตกต้องยินดียิ่งเป็นแน่
นั่นก็เพราะหากไม่มีสำนักเต๋าใต้บาดาลแล้ว สำนักดาวตกจะเป็นสำนักเต๋าเพียงหนึ่งเดียวของเมืองเฉินหลิว
อย่างไรก็ตาม มหาราชาทั้งสิบก็ไม่ได้ทำตัวต่ำทรามเฉกเช่นผอ.ฉีคิดไว้
“ผอ.สำนักเต๋าใต้บาดาล เจ้าถามออกมาสินะว่าพวกเรานั้นทำไมถึงได้ลงมือเช่นนี้”
“ข้าจะบอกเจ้าด้วยตนเอง”
“เมื่อวานซืนที่เขาโรคา มีใครบางคนเข้าไปในเขตหวงห้ามหมายจะเก็บสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตและมันได้ถูกไล่ล่าโดยหกคนนี้”
“ในฐานะที่เจ้าเป็นถึงผอ.สำนักเต๋า เจ้าก็คงรู้ดีว่าการเหยียบย่างไปในเขาโรคานั้นหมายถึงสิ่งใด”
“และในตอนนี้ ผู้ที่สมควรตายก็ได้ตกตายไปแล้ว พวกข้าจะกลับไปไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้อีก”
เมื่อพูดจบ มหาราชาทั้งสิบก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย