เจียงเซี่ยนรู้สึกว่า ตนเองเป็นคนมาสองชาติ แต่คนที่คบหาล้วนเป็นคนที่แก่กว่านางมาก การแต่งตัวและนิสัยของนางก็เหมือนจะค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ด้วยเหตุนี้เช่นกัน
เพราะแบบนี้หรือเปล่า นางจึงชอบพวกเด็กที่ร่าเริง น่ารัก เฉลียวฉลาด และรู้ความเป็นพิเศษ?
ความคิดฉายวาบผ่านไป นางถูกเสียงของฮูหยินติงดึงสติกลับมา “ไม่อย่างนั้นก็แสดง ‘กุ้ยเฟยเมาสุรา’ แล้วกัน? ได้ยินว่านี่เป็นรายการที่ยอดเยี่ยมและดึงดูดความสนใจของผู้คนที่สุดของคณะสื่อเจีย”
“‘สะพานขาด’ กับ ‘ฉีซวงฮุ่ย’ ของพวกเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาเก็บไว้ก้นหีบ ครั้งหน้าพวกเราค่อยเชิญพวกเขามาแสดง ‘สะพานขาด’ กับ ‘ฉีซวงฮุ่ย’ แล้วกัน”
“ทำไมจะต้องครั้งหน้า!” ฮูหยินลู่ยิ้มพลางเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ทุกคนไปกินเหล้าที่บ้านของข้าดีกว่า และให้คนของคณะสื่อเจียไปแสดงงิ้วที่บ้านของพวกเราวันหนึ่ง” นางพูดไป สายตาก็จับจ้องไปที่เจียงเซี่ยน “ท่านหญิง คิดว่าเป็นอย่างไร?”
เจียงเซี่ยนแปลกใจเล็กน้อย
ในความทรงจำของนาง ฐานะครอบครัวของอาจารย์ลู่ธรรมดา เลี้ยงอาหารหนึ่งวันแบบนี้ ค่อนข้างกินแรงทีเดียว
หรือว่า…ฮูหยินลู่มีเรื่องอะไรจะขอร้องนาง?
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปากยิ้ม
ตอนนี้นางไม่ใช่ไทเฮาเสียหน่อย ตระกูลลู่มีเรื่องอะไรก็ไม่น่าจะมาขอร้องนาง
คงอยากเชิญฮูหยินคนไหนที่นั่งอยู่ แต่กลัวจะเชิญไม่ได้ จึงฉวยโอกาสนี้ลากคนไปแล้วค่อยว่ากัน
หลายวันนี้เจียงเซี่ยนว่างจนว้าวุ่นใจพอดี จึงค่อนข้างรู้สึกมีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่น เลยเอ่ยว่า “ข้าแล้วแต่ท่าน”
ฮูหยินลู่รีบมองไปทางฮูหยินติง
ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่แลกเปลี่ยนสายตากันครั้งหนึ่ง ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็ยิ้มและตกลง
คนอื่นพากันแสดงออกว่าความคิดนี้ดีทันที ได้ดูงิ้วติดกันสองวัน ฮูหยินของผู้ช่วยขวาตระกูลหลู่ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “จะให้ท่านหญิงกับฮูหยินลู่ได้ชื่อเสียงดีเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เช่นกัน วันมะรืนทุกคนไปที่บ้านของข้าเถอะ แสดง ‘ฉีซวงฮุ่ย’ จะได้ดูงิ้วที่คณะสื่อเจียแสดงได้ดีให้หมด” นางพูดไปก็ขยิบตาให้เจียงเซี่ยน และเอ่ยว่า “แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านหญิงจะช่วยหรือไม่แล้ว…คณะสื่อเจียไม่ได้เชิญง่ายขนาดนั้น ยังต้องขอให้ท่านหญิงออกหน้าเป็นคนกลางด้วย”
ฮูหยินหลู่เป็นผู้หญิงที่กำลังอยู่ในวัยสาวและสวย ผิวขาวเกลี้ยงเกลา ดวงตาโต หน้ากลม เวลายิ้มยังมีลักยิ้มสองข้างด้วย เผยความงดงามออกมาเล็กน้อย สายตาที่มองเจียงเซี่ยนก็ฉายแววหวังดีที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ว่าเป็นความเข้าใจผิด
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
คนที่นั่งอยู่นอกจากเจียงเซี่ยนแล้วก็นับว่านางอายุน้อยที่สุด
เท่าที่เจียงเซี่ยนรู้ ฮูหยินหลู่เป็นภรรยาใหม่ของใต้เท้าหลู่ ตระกูลของนางเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของซานตง บิดาของฮูหยินหลู่เคยออกเงินช่วยให้ใต้เท้าหลู่ได้เรียนหนังสือ ตอนหลังภรรยาคนแรกของใต้เท้าหลู่ป่วยตาย เลยให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา ดังนั้นใต้เท้าหลู่จึงเคารพพ่อตาของตนเองมาก และรักภรรยาใหม่ที่อายุน้อยกว่าตนเองสิบกว่าปีเป็นอย่างมาก ส่วนฮูหยินหลู่ก็ใช้เงินอย่างใจกว้างมากเพราะมีสินเดิมมากมาย
มิน่าเล่าถึงกล้าคุยกับฮูหยินลู่!
นางหยอกฮูหยินหลู่เล่นว่า “นี่ท่านกำลังกลั่นแกล้งข้าใช่หรือไม่! คณะสื่อเจียได้ไปแสดงงิ้วที่บ้าน นั่นคือพวกเขาโชคดีมาก พวกเขายังจะรีบออกไปข้างนอกอีกอย่างนั้นหรือ?”
ทุกคนหัวเราะ
ฮูหยินจวงเอ่ยว่า “ฮูหยินหลู่ยังคงร่ำรวยและบุคลิกไม่ธรรมดา ได้ วันมะรืนพวกเราก็ไปกินดื่มที่บ้านที่ร่ำรวยกันเถอะ!”
ทุกคนหัวเราะอีกครั้ง
มีแต่ฮูหยินลู่ที่ยิ้มอย่างฝืนใจเล็กน้อย
วันนี้เลือก ‘กุ้ยเฟยเมาสุรา’ วันมะรืนเป็น ‘ฉีซวงฮุ่ย’ เช่นนั้นตระกูลของพวกนางก็จำเป็นต้องแสดง ‘สะพานขาด’ แล้ว
นี่เป็นงิ้วเล็ก
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะแสดงความรักของชายหญิง
ตระกูลที่จริงจังหน่อยจะไม่แสดงงิ้วแบบนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีลูกสาวสองคน และยังมีคนหนึ่งถึงวัยออกเรือนแล้วอย่างตระกูลของนาง
แต่นางพูดออกไปแล้ว หากเปลี่ยนอีกก็จะกระอักกระอ่วนเล็กน้อย นางจึงจำเป็นต้องกลืนความโกรธนี้ลงไป ทว่าในใจกลับคิดอย่างหยุดไม่ได้ว่า ฮูหยินหลู่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่?
เจียงเซี่ยนยิ้มและพยักหน้าให้ไป่เจี๋ย
ไป่เจี๋ยหยิบรายการงิ้วออกไป และให้คณะสื่อเจียไปเตรียมตัว
ส่วนพวกอิ้นไฉ่ก็เดินเข้ามาอย่างแผ่วเบา และเริ่มวางถ้วยกับตะเกียบ
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเชิญทุกคนย้ายมานั่งที่โต๊ะอาหาร
พวกฮูหยินติงเข้าประจำที่นั่งอย่างแผ่วเบา
พวกสาวใช้ยกน้ำเข้ามาล้างมือ
ฮูหยินติงก็ได้ยินคุณหนูสามตระกูลซือที่นั่งอยู่โต๊ะหลังตนเองถามเสียงเบามากว่า “ทำไมถึงไม่เห็นพี่เกา?”
เหอถงเหนียงถูกนางถามก็อึ้งไป
เจียงเซี่ยนเป็นคนตัดสินใจรายชื่อที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับ นางก็ไม่เคยคิดที่จะซักถามการตัดสินใจของเจียงเซี่ยนเลย บวกกับจู่ๆ นางก็ถูกโยนให้ไปต้อนรับพวกคุณหนูจากตระกูลขุนนางที่ชาติกำเนิดต่างทิ้งนางไปหลายถนนที่ห้องเล็ก นางประหม่าจนท้องน้อยเป็นตะคริวอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีเวลาว่างไปคิดเรื่องอื่นด้วยซ้ำ เวลานี้พอถูกคุณหนูสามตระกูลซือถาม กลับทำให้นางไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
แปลกมากจริงๆ!
เมื่อก่อนอย่าว่าแต่งานเลี้ยงแบบนี้เลย แม้แต่ในบ้านมีแขกมาหรือญาติมานั่งคุย ท่านอาก็จะดึงเกาเมี่ยวหรงไว้ และให้เกาเมี่ยวหรงช่วยคุยกับแขกที่มาหรือญาติ
วันนี้ทำไมถึงไม่เห็นเงาของเกาเมี่ยวหรง!
นางป่วยหรือ?
หรือว่าเกิดอะไรขึ้น?
เหอถงเหนียงโทษตนเองทันที
นางน่าจะละเอียดอีกสักหน่อย
แบบนี้จะได้รู้เร็วหน่อยว่าเกาเมี่ยวหรงไม่มา และส่งสาวใช้สักคนไปถามเกาเมี่ยวหรง จะได้ไม่เดี๋ยวพี่สะใภ้หรือท่านอาถามนาง นางก็ตอบไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าสังคมเป็นเพื่อนหลี่ตงจื้อ
หากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำได้ไม่ดี พี่สะใภ้จะผิดหวังแค่ไหนกัน!
นางคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ข้าจะส่งสาวใช้ไปดูเดี๋ยวนี้!”
คุณหนูสามตระกูลซือได้ยินก็ขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “พวกเจ้าก็ไม่ใส่ใจเกินไปแล้วเช่นกัน พี่เกายังไม่มาจนถึงตอนนี้ พวกเจ้ากลับไม่สังเกตสักคน ยังดีที่ข้าใส่ใจ…”
เหอถงเหนียงยิ้มอย่างลำบากใจ และกวักมือเรียกสาวใช้ข้างกายไปพบเกาเมี่ยวหรง
สาวใช้ขานรับและจากไป
พวกฮูหยินติงยิ้มและค่อยๆ รินชาให้ตนเอง
พวกอิ้นไฉ่เริ่มนำอาหารเข้ามา
สาวใช้ที่ถูกเหอถงเหนียงสั่งย้อนกลับมา และรายงานเสียงเบาว่า “คุณหนู แม่นมเหมียวบอกว่า นี่เป็นงานเลี้ยงของจวน จึงไม่ได้ส่งเทียบเชิญให้คุณหนูเกาเจ้าค่ะ”
งานเลี้ยงของจวน…หมายความว่าเชิญแขกในนามของจวนสกุลหลี่
แต่งานเลี้ยงของสมาชิกในครอบครัวกลับเป็นการจัดงานเลี้ยงต้อนรับตระกูลที่สนิทสนมกันมากจนเหมือนเป็นคนในครอบครัวหรือคนในครอบครัวร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน
ดังนั้นงานเลี้ยงของจวนจึงเป็นทางการกว่างานเลี้ยงของสมาชิกในครอบครัว
“เจ้าว่าอะไรนะ?” คุณหนูสามตระกูลซือตกใจ “จะไม่มีพี่เกาได้อย่างไร…พวกเจ้าทำกับนางแบบนี้ได้อย่างไร…”
เสียงของนางดังไปหน่อย สายตาของทุกคนจึงมองไปที่นาง
คุณหนูสามตระกูลซือหน้าแดง
เวลากินข้าวกับเวลานอนห้ามพูดมาก นางตะโกนเสียงดังแบบนี้ ขาดการอบรมสั่งสอน
“ข้า…ข้าเพียงแค่รู้สึกแปลกใจ” นางพึมพำว่า “เมื่อก่อนเวลาในจวนมีเรื่องอะไร พี่เกาก็เป็นคนออกหน้า และช่วยออกความคิดตลอด…”
คุณหนูสามซือเอ่ยพลางมองไปที่ฮูหยินเหอ
หน้าของฮูหยินเหอบวมจนเป็นสีม่วงอมแดง
ก่อนหน้านี้นางไม่เห็นเกาเมี่ยวหรงก็เดาว่าเจียงเซี่ยนไม่เชิญเกาเมี่ยวหรง
ไม่อย่างนั้นเกาเมี่ยวหรงจะต้องไปเชิญนางที่เรือนของนางแต่เช้า และมาเป็นเพื่อนนางอย่างแน่นอน
แต่นางก็ไม่ได้คิดอะไรมากเช่นกัน
ในความคิดของนาง เจียงเซี่ยนไม่มีทางพลาด
หากไม่เชิญเกาเมี่ยวหรง ก็ต้องมีเหตุผลที่ไม่เชิญเกาเมี่ยวหรงอย่างแน่นอน
ทว่าเวลานี้พอถูกคุณหนูสามซือเอ่ยแบบนี้ นางก็นึกถึงเมื่อก่อนงานเลี้ยงในบ้าน เกาเมี่ยวหรงเป็นคนช่วยตลอด แต่เวลานี้งานเลี้ยงที่มาตรฐานสูงแบบนี้กลับไม่เชิญเกาเมี่ยวหรง…ก็รู้สึกอายและละอายใจ
แต่เจียงเซี่ยนกลับรำคาญคุณหนูสามตระกูลซือจริงๆ แล้ว
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกาเมี่ยวหรงให้นางกินยาเสน่ห์อะไร ตัวนางยังยืนหยัดไม่ได้ กลับออกหน้าช่วยเกาเมี่ยวหรง
เดิมทีนางไม่คิดที่จะสนใจคุณหนูสามตระกูลซือ ทว่าพอเห็นสีหน้าของฮูหยินเหอ นางก็ตัดสินใจว่าจัดการเรื่องนี้สักหน่อยดีกว่า คุณหนูสามตระกูลซือจะได้ไม่ปล่อยไก่ต่อหน้านางอีก