เจียงเซี่ยนหาภาพวาดในห้องเก็บของสินเดิมของตนเอง
หวงเฉวียน สวีซี กวนถง ฟั่นควน ต่งหยวน…สุดท้ายนางก็ตัดสินใจมอบภาพดอกไม้กับนกของสวีซีให้จั่วอี่หมิง
ฉิงเค่อเสียดายเล็กน้อย
ฮ่องเต้แต่ละสมัยในอดีตของราชวงศ์นี้ล้วนชอบดอกไม้กับนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกไม้กับนกของสวีซี ดังนั้นภาพดอกไม้กับนกของสวีซีจึงใช้ฝังไปพร้อมผู้ตายเยอะมาก จนตอนนี้มีอยู่น้อยมาก บวกกับคนเบื้องบนปฏิบัติอย่างไรคนเบื้องล่างก็ปฏิบัติตาม ภาพของสวีซีจึงนับวันยิ่งมีค่าเช่นกัน
เจียงเซี่ยนเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปากยิ้ม และเอ่ยว่า “แค่ภาพภาพหนึ่งเท่านั้น ผู้ที่มีคุณธรรมถึงจะได้เป็นเจ้าผู้ครองแคว้น แทนที่เจ้าจะกังวลว่าของสะสมล้ำค่าของข้าจะน้อยลงเรื่อยๆ สู้ถามพ่อบ้านฉินดีกว่าว่า ช่างทำเครื่องประดับที่ข้าให้เขาหาครั้งก่อนหาได้หรือยัง หากไม่ได้จริงๆ ก็ต้องบอกท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ให้นางคิดหาทางหาจากเมืองหลวงให้ข้าสักคนแล้ว”
ฉิงเค่อยิ้มพลางขานว่า “เจ้าค่ะ” และออกจากห้องเก็บของเป็นเพื่อนเจียงเซี่ยน
เซียงหลานสาวใช้ที่ติดตามรับใช้อยู่ข้างกายนางลั่นดาลประตูห้องเก็บของ
กลับถึงห้องหลัก เจียงเซี่ยนเดาสีหน้าตอนที่จั่วอี่หมิงได้รับภาพวาดโบราณนั้น แล้วก็สั่งให้ไป่เจี๋ยตั้งอาหารเย็นอย่างอารมณ์ดี
หลี่เชียนกลับมาแล้ว
เขามองเจียงเซี่ยนด้วยสายตาซับซ้อนเล็กน้อย
เจียงเซี่ยนรู้ว่าเซี่ยหยวนซีต้องบอกเรื่องตั๋วเงินกับหลี่เชียนแล้วอย่างแน่นอน
นางแสร้งทำเป็นไม่รู้ และทักทายหลี่เชียนเหมือนปกติ แล้วให้สาวใช้ช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่จู่ๆ หลี่เชียนกลับเดินเข้ามากอดเจียงเซี่ยนอย่างรวดเร็ว
สาวใช้กับแม่บ้านที่รับใช้ทั้งห้องต่างก็ก้มหน้าลง และทยอยเดินออกไปข้างนอกอย่างเร็วมาก
เหมือนพวกเขาจะทำอะไร!
เจียงเซี่ยนหน้าร้อนผะผ่าว และรีบไอหนักๆ สองสามครั้ง แล้วผลักหลี่เชียนพลางเอ่ยว่า “นี่เจ้าทำอะไรน่ะ? กลางวันแสกๆ ก็ไม่กลัวคนรับใช้หัวเราะเยาะ! รีบปล่อยข้า!”
หลี่เชียนไม่เอ่ยสิ่งใด ทว่ากลับกอดนางแน่นขึ้น
“ขอบคุณ!” เขาเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำและแหบแห้ง
เจียงเซี่ยนถอนหายใจ
พลางคิดว่าจะโน้มน้าวหลี่เชียนอย่างไรดี
แต่หลี่เชียนกลับปล่อยนาง แล้วจูบขมับของนางเบาๆ และเดินไปที่ห้องด้านในอย่างรวดเร็ว
เดินไปก็ยังเอ่ยเสียงดังไปด้วยว่า “ทำไมยังไม่ตั้งอาหารอีก วันนี้วิ่งอยู่ข้างนอกทั้งวัน ข้าหิวมากแล้ว”
เจียงเซี่ยนยิ้มออกมา และตะโกนเรียก “ไป่เจี๋ย” เสียงดัง
หลี่เชียนอยู่ห้องด้านในนานมากถึงจะออกมา
ตอนที่ออกมาหางตาแดงเล็กน้อย
หลังจากนั้นก็กินข้าว ดื่มชา และนั่งคุยกันบนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่าง
พวกเขาต่างไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เกี่ยวกับตั๋วเงินอีก
หลี่เชียนยอมรับกับเจียงเซี่ยนอย่างเยือกเย็นว่าสถานการณ์ของเขาในเวลานี้ลำบากเล็กน้อย ทว่าเขาก็มั่นใจมากเช่นกัน “ต่อไปอาจจะเจอสถานการณ์ที่แย่กว่านี้ แต่ข้างกายข้ามีเซี่ยหยวนซี มีพวกอวิ๋นหลิน และยังมีเจ้า…ข้าคิดว่าต่อไปจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า โดยไม่สงสัยคำพูดของเขาแม้แต่นิดเดียว
หลี่เชียนอึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็หัวเราะเสียงดัง
เจียงเซี่ยนตกใจ และเอ่ยว่า “เจ้าหัวเราะอะไร?”
“ไม่ได้หัวเราะอะไร ไม่ได้หัวเราะอะไร!” หลี่เชียนพูดไปก็อดไม่ได้ที่จะกอดนางไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
เวลานี้ในห้องมีเพียงเซียงเอ๋อร์รับใช้คนเดียว เจียงเซี่ยนไม่ดิ้น ทว่าหน้ายังคงแดงมาก
นางเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าเป็นอะไรไป?”
“ข้าไม่เป็นไร” หลี่เชียนออกแรงกอดเด็กสาวคนนี้ และอยากจะฝังลงไปในร่างกายของตนเอง
นางมักจะเชื่อเขาอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้เสมอ
ก็เหมือนเหตุการณ์ที่ภูเขาวั่นโซ่วในตอนนั้น
เขาเป็นเพียงเด็กบ้านนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เจียงเซี่ยนกลับบอกเรื่องที่เจียงเจิ้นหยวนจะแอบเล่นตุกติกทำให้เฉาไทเฮาสูญเสียอำนาจที่แท้จริงกับเขา และให้เขาเข้าร่วมเหตุการณ์ที่ภูเขาวั่นโซ่ว
แล้วยังตอนนี้…เขาเพียงแค่ออกเช้ากลับดึกไม่กี่วัน นางก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขาประสบความลำบากแล้ว
นี่ต้องชอบคนๆ หนึ่งแค่ไหน ถึงได้ใส่ใจทุกจุด และใส่ใจทุกเรื่อง ความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็สามารถรู้สึกถึงความผิดปกติของเขาได้
“เจ้าบอกข้ามาตามตรง” เขากระซิบข้างหูนางว่า “เจ้ารู้จักข้ามานานแล้ว และชอบข้ามานานแล้วใช่หรือไม่…”
ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันแบบนี้ก็ไม่มีทางอธิบายได้
“เจ้า…เจ้า…เจ้าพูดจาเหลวไหล!” เจียงเซี่ยนออกแรงผลักหลี่เชียนเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง “ยังไม่รีบปล่อยมืออีก เจ้าจะรัดข้าจนขาดใจตายแล้ว”
หลี่เชียนรู้แรงของตนเอง พอได้ยินจึงรีบปล่อยเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนไปนั่งตรงปลายเตียงอุ่นห่างจากหลี่เชียนมากทันที และเอ่ยอย่างไร้ชีวิตชีวาและโหดเหี้ยมว่า “เจ้าติดต่อกัวหย่งกู้ได้หรือยัง? สองสามวันนี้ก็อย่าขอร้องคนไปทั่วเลย ข้าเขียนจดหมายให้จั่วอี่หมิง และให้พ่อบ้านหลี่ส่งไปเมืองหลวงอย่างด่วนที่สุดแล้ว อีกไม่กี่วันก็น่าจะมีข่าวแล้ว กัวหย่งกู้กับจั่วอี่หมิงเป็นคนบ้านเดียวกัน และยังเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกันด้วย อย่างไรเขาก็ต้องให้เกียรตินี้”
นางไม่อยากให้หลี่เชียนอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าคนอื่น
หลี่เชียนยิ้มพลางมองนางด้วยสายตาลุ่มลึก
เจียงเซี่ยนก็ลนลานเล็กน้อย
ชาติก่อนหลี่เชียนสามารถปีนถึงตำแหน่งนั้นได้ ก็ย่อมมีสิ่งที่เหนือกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน ดังนั้นแม้หลี่เชียนมักจะทำหน้าทะเล้นต่อหน้านาง นางกลับไม่เคยกล้าคิดว่าเขาเป็นพวกที่เปิดเผยตรงไปตรงมาเลย
หรือว่านางแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน ก็ทำให้หลี่เชียนมองความคิดของนางออกแล้วอย่างนั้นหรือ?
ความหงุดหงิดฉายวาบผ่านไปในดวงตาของเจียงเซี่ยนอย่างเบาบาง
ไม่ว่าเมื่อไร ไม่ว่าจะในสถานการณ์แบบไหน ใครใส่ใจที่สุด ก็จะเสียเปรียบที่สุด
นางไม่อยากให้ตนเองดูอ่อนแอแบบนั้น
หลี่เชียนเห็นสีหน้าของนางอย่างชัดเจน
และรู้สึกเจ็บปวดไปพักหนึ่งทันที
เป่าหนิงของเขา คือท่านหญิงเจียหนาน คือเจียงเซี่ยนที่อยู่วังฉือหนิงเดินอย่างสง่าผ่าเผย อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็มีที่พึ่งพิง ทว่าอยู่ต่อหน้าเขากลับแสดงความลนลานและกระวนกระวายออกมาโดยไม่รู้ตัว
คำพูดนี้ต้องมีพลังสังหารและทำร้ายนางแค่ไหนกัน!
และทั้งๆ ที่เขารู้ดีว่านางเป็นคนรักหน้าตา กลับยังจะเปิดโปงนางอย่างได้ใจจนลืมตัว…
หลี่เชียนทั้งเสียใจและเกลียด
เขารู้ว่าเป่าหนิงชอบเขาก็พอแล้ว ทำไมต้องบีบนางเข้ามุม จะให้นางยอมรับให้ได้?
มันเป็นเพียงการทำร้ายคนด้วยความรักเท่านั้น!
จริงๆ แล้วเขา…
หลี่เชียนลุกขึ้นลงจากเตียงอุ่น แล้วนั่งลงข้างกายเจียงเซี่ยน อยากจับมือของเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนปัดมือของเขาออก
หลี่เชียนทั้งไม่โกรธ และไม่ตัดใจ เขายังคงยิ้มและจับมือของเจียงเซี่ยนเช่นเดิม
เจียงเซี่ยนหลบหลายครั้ง สุดท้ายก็ยังหลบไม่พ้นอยู่ดี
“ทำอะไร?” นางเอ่ยอย่างไม่พอใจ
หลี่เชียนอยากขอโทษนางอย่างจริงใจ ก็แอบรู้สึกว่าทำแบบนี้อาจจะทำให้เจียงเซี่ยนเข้าใจผิด และคิดว่าเขาบีบให้นางยอมรับความจริงที่นางชอบเขามาก จึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าอยากให้เจ้าชอบข้ามากขึ้นอีกนิดนี่นา!”
เจียงเซี่ยนหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
เจ้าหมอนี่…หน้าไม่อายจริงๆ!
หลี่เชียนที่หน้าไม่อายเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มแล้ว และเอ่ยว่า “เจ้าว่า…ต้องมอบอะไรให้จั่วอี่หมิงสักหน่อยหรือไม่? อย่างไรก็ขอให้เขาช่วยเปล่าๆ ไม่ได้ ต่อให้เขาไม่พูด ในใจก็จะต้องคิดว่าพวกเราไม่รู้มารยาทเช่นกัน”
เจียงเซี่ยนมองเขาตาขวางครั้งหนึ่ง และเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือ? ข้ามอบภาพดอกไม้กับนกของสวีซีให้เขาแล้ว”
หลี่เชียนดูเหมือนปวดใจมากทันที และเอ่ยว่า “เช่นนั้นภาพวาดโบราณก็หายไปจากห้องเก็บของของพวกเราอีกชิ้นหนึ่งแล้วไม่ใช่หรือ?”
เจียงเซี่ยนนึกถึงพวกหนังสือหายากที่เขามอบให้เฉาเซวียนในชาติก่อน เหมือนไม่ต้องเสียเงิน แล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ และเอ่ยว่า “เจ้ารู้จักเสียดายของโบราณกับภาพเขียนด้วยหรือ?”
หลี่เชียนเห็นแล้วก็แอบโล่งอก
ในที่สุดเรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว
เป่าหนิงติดตามเขาจากเมืองหลวงที่มีผู้คนหนาแน่นมายังไท่หยวนที่อยู่ห่างไกลและพื้นดินไม่อุดมสมบูรณ์ หากเขายังดีกับนางไม่ได้อีก เขายังเป็นผู้ชายแบบไหนกัน!
“ของคนอื่นข้าไม่เสียดาย!” เขาพูดจามั่วซั่วกับเจียงเซี่ยนว่า “แต่ตอนที่ควักออกจากบ้านของเราส่งไปบ้านคนอื่น ข้าจะไม่เสียดายได้อย่างไร น้องหญิง ต่อไปเจ้าต้องเชื่อฟังข้า เรื่องอย่างการส่งของขวัญนั้น ข้าทำเองดีกว่า! ของในห้องเก็บของของเจ้านั้นเก็บไว้ให้ลูกชายลูกสาวของพวกเรา จะควักออกมาข้างนอกตามใจชอบไม่ได้!”
นี่เขาคงไม่อยากใช้สินเดิมของนางกระมัง?
เจียงเซี่ยนลูบจมูก
ทว่านางตกรางวัลจนชินแล้ว จะทำอย่างไร?