ฮูหยินเหออดที่จะกังวลเล็กน้อยไม่ได้ จึงแอบถามหลี่ฉางชิงว่า “ท่านฝูอวี้มาคุยอะไรบ้าง?”
“ไม่ได้คุยอะไรนี่นา!” หลี่ฉางชิงแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติฮูหยินเหอไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ “แค่คุยเล่นสองสามคำ ได้ยินคนบอกว่า อีกไม่กี่วันแม่ของหูอี่เหลียงจะฉลองวันเกิดอายุหกสิบแล้ว แต่ทำไมข้าจำได้ว่าปีที่แล้วแม่ของเขาเพิ่งจะฉลองวันเกิดอายุหกสิบไป พรุ่งนี้เจ้าช่วยตรวจสอบรายการของขวัญให้ข้าหน่อย ดูว่ามันอย่างไรกันแน่”
ฮูหยินเหอเอ่ยอย่างงุนงงว่า “ฮูหยินเฒ่าตระกูลหูอยู่ที่บ้านเกิดไม่ใช่หรือ? พวกเรายังต้องไปอวยพรวันเกิดให้พวกเขาด้วยหรือ?”
“เจ้าจะรู้อะไร!” หลี่ฉางชิงเอ่ยอย่างหงุดหงิดมาก “ฉลองวันเกิดเป็นเรื่องเล็ก รับของขวัญวันเกิดเป็นเรื่องใหญ่ เกรงว่าครั้งนี้เขาคงจะปล้นอีกครั้งแล้ว แต่ผลักแม่ของตนเองออกมาตลอดนี่มันเรื่องอะไรกัน จะผลักก็ผลักภรรยาของตนเองสิ!”
ถึงเวลานั้นคนอื่นด่าขึ้นมาจะไม่ต้องด่าฮูหยินหูอย่างนั้นหรือ!
ฮูหยินเหอพึมพำในใจ พลางแอบเบ้ปาก แล้วหันหลังให้หลี่ฉางชิงและนอน
——————————————————–
ทว่าทางหลี่เชียนนั้นกลับกำลังซักไซ้เจียงเซี่ยนอยู่ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าใช้น้ำมันผัดพริกแล้วจะอร่อยมาก?”
“ทำไมเจ้าถึงโง่ขนาดนี้!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ากินห้องเครื่องมาตั้งแต่เด็กนะ!”
“เจ้าหลอกข้าให้มันน้อยๆ หน่อย!” หลี่เชียนยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยกินห้องเครื่อง ในห้องเครื่องนอกจากต้มแล้วก็นึ่ง จะทำเครื่องเคียงแบบนี้ได้อย่างไร หากฝ่าบาทหรือชนชั้นสูงในวังเป็นร้อนในจะทำอย่างไร?”
เจียงเซี่ยนหัวเราะคิกคัก
หลี่เชียนก็ไปจั๊กจี้นาง
ทั้งสองคนหยอกเล่นกันบนเตียงอุ่น หลี่เชียนจูบเจียงเซี่ยนอย่างแรงทีหนึ่ง ถึงจะปล่อยนางไป
เจียงเซี่ยนเบิกตาโตจ้องหลี่เชียน
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว เขาอยากถามเรื่องราวกับนางที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าอยากฉวยโอกาสก่อกวน หากนางถูกหลอกอีก นั่นถึงจะเป็นคนโง่!
หลี่เชียนทำเป็นมองไม่เห็นอย่างสิ้นเชิง เขายิ้มอย่างมีความสุขและเข้ามาใกล้ แล้วประทับลงบนริมฝีปากของนางอย่างแผ่วเบาทีหนึ่ง ถึงจะไปล้างหน้าบ้วนปากและเปลี่ยนเสื้อผ้า
เป็นคนเกเรจริงๆ!
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดลงบนเตียงและหัวเราะออกมา
ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นตอนที่ไปคารวะหลี่ฉางชิง จู่ๆ หลี่ฉางชิงก็เอ่ยว่า “ข้าได้ยินคนอื่นบอกว่า คนที่มีหน้ามีตาในเมืองไท่หยวนนี้พอถึงหน้าร้อนก็พากันจะไปหลบร้อนที่ภูเขามังกรเมฆ ข้าคิดดูแล้ว ก็คิดว่าพวกเจ้าก็ควรจะไปหลบร้อนที่นั่นเช่นกัน ท่านหญิงคิดว่าอย่างไร?”
เจียงเซี่ยนอึ้งไป
นางอย่างไรก็ได้ คิดว่าไปไหนก็ได้หมด
ในเมื่อพ่อสามีของนางเสนอมาแล้ว นางที่เป็นสะใภ้ก็ย่อมมีแต่เหตุผลที่จะทำตาม
“แล้วแต่ท่านทุกอย่างเจ้าค่ะ!” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างนอบน้อม
หลี่ฉางชิงพอใจกับท่าทีของเจียงเซี่ยนมาก เขาปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่บนเสื้อด้านหน้า และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ ข้าจะให้คนไปซื้อบ้านที่ดีหน่อยที่ภูเขามังกรเมฆเดี๋ยวนี้ ถึงเวลานั้นพวกเจ้าไปอยู่ที่บ้านด้วยกันสักระยะ ไว้พ้นช่วงที่ร้อนที่สุดของปีแล้วค่อยกลับมา”
ประโยคสุดท้ายนั้นกำชับฮูหยินเหอ
ฮูหยินเหอขานว่า “เจ้าค่ะ” อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วพาพวกเจียงเซี่ยนกับหลี่จวีน้อมส่งหลี่ฉางชิงไปศาลาว่าการ
ส่วนพวกหลี่จวีนั้นคนที่ออกไปทำงานก็ออกไปทำงาน คนที่ไปเรียนหนังสือที่สำนักการศึกษาก็ไปเรียนหนังสือที่สำนักการศึกษา ต่างคนต่างแยกย้าย มีเพียงฮูหยินเหอกับเจียงเซี่ยนที่เดินเคียงข้างกันไปที่เรือนด้านใน
ฮูหยินเหอเอ่ยว่า “ท่านอยากไปหลบร้อนที่นั่นหรือไม่? ได้ยินว่าต้องเดินทางหนึ่งวัน! ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเย็นจริงหรือเปล่า? หากเย็นกว่าที่นี่แค่นิดหน่อยก็น่ากังวลแล้ว ถึงอย่างไรที่นี่ก็ยังสามารถกองภูเขาน้ำแข็งได้ ถึงที่นั่นเกรงว่าต่อให้มีเงินก็ซื้อน้ำแข็งไม่ได้เช่นกัน”
เจียงเซี่ยนปลอบใจนางว่า “ถึงจะไม่เย็น ก็ออกไปเดินเล่นก็ได้นี่นา!”
ฮูหยินเหอถอนหายใจตลอด
เจียงเซี่ยนจึงเอ่ยว่า “ท่านว่าต้องส่งคนไปบอกป้าเหอสักหน่อยหรือไม่ ถึงเวลานั้นก็ให้นางกับน้องหญิงตามไปด้วย คนเยอะจะได้คึกคัก!”
“ก็จริง ก็จริง!” ฮูหยินเหอได้ยินแล้วก็ปลื้มใจมาก นางตบมือของเจียงเซี่ยนพลางเอ่ยว่า “ท่านหญิงเป็นคนที่มีน้ำใจและใจกว้างจริงๆ เวลานี้ไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจที่ป้าเหอมาอยู่บ้านสองสามเดือน ทว่ายังคิดที่จะพานางไปหลบร้อนด้วย…”
เจียงเซี่ยนไม่เข้าใจว่าทำไมฮูหยินเหอต้องขอบคุณนาง
นางก็ชอบให้ข้างกายรายล้อมไปด้วยผู้คน
เจียงเซี่ยนเปลี่ยนเรื่องไปถามว่าวันเกิดของคุณหนูสามตระกูลซือหลี่ตงจื้อเตรียมเสื้อผ้ากับเครื่องประดับอะไรบ้างแล้ว
ฮูหยินเหอก็ไม่มีเวลาสนใจที่จะเอ่ยเรื่องของป้าเหอแล้วเช่นกัน นางจูงเจียงเซี่ยนไปที่เรือนของหลี่ตงจื้อ และให้สาวใช้เอาเสื้อผ้ากับเครื่องประดับของหลี่ตงจื้อทั้งหมดออกมาให้เจียงเซี่ยนเลือก
เจียงเซี่ยนจึงมอบเครื่องประดับผมรูปดอกไม้ไข่มุกที่ร้อยจากหินโมราสีแดงให้เป็นรางวัลแก่หลี่ตงจื้อสองดอก
ฮูหยินเหอไม่เอา “ถึงอย่างไรอีกไม่กี่วันข้าก็ต้องไปทำเครื่องประดับที่ร้านขายเครื่องประดับเงินทอง ถึงเวลานั้นทำเครื่องประดับให้นางสักสองสามชิ้นก็ได้ จะให้ท่านหญิงสิ้นเปลืองได้อย่างไร”
ตั้งแต่ได้ฟังมุมมองเกี่ยวกับสวมเครื่องประดับอย่างไรของฉิงเค่อ ฮูหยินเหอก็เริ่มไปเยือนพวกร้านขายเครื่องประดับเงินทองในเมืองไท่หยวนเช่นกัน
“พูดไม่ได้ว่าสิ้นเปลือง!” เจียเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นเพียงของเล็กน้อย เหมาะกับตงจื้อพอดี เลยให้” แล้วก็มอบกำไลทองคำบริสุทธิ์ฝังอัญมณีนานาชนิดให้เป็นรางวัลแก่เหอถงเหนียงคู่หนึ่งเช่นกัน
ป้าเหอดีใจจนออกนอกหน้า แล้วเก็บกำไลคู่นั้นเอาไว้ และเอ่ยกับเหอถงเหนียงว่า “ไว้ตอนที่เจ้าออกเรือนจะเก็บไว้ก้นกล่องให้เจ้า”
เหอถงเหนียงหน้าแดงมาก
พอถึงวันเกิดของคุณหนูสามตระกูลซือ เหอถงเหนียงสวมเสื้อกั๊กยาวผ้าโปร่งสีเขียวเหมือนหญ้า กระโปรงปักลายสีขาว รูปร่างสะโอดสะอง และไปที่บ้านของคุณหนูรองตระกูลติงกับหลี่ตงจื้อ แล้วพวกนางก็ค่อยไปที่บ้านของฮูหยินซือด้วยกัน
ระหว่างทาง หลี่ตงจื้อคุยเรื่องส่วนตัวกับเหอถงเหนียง “พี่เกาบอกว่านางมีธุระนิดหน่อย จึงจะไปช้าเล็กน้อย ให้พวกเราไปก่อน เจ้าว่า พวกเราจะห่างกันขึ้นเรื่อยๆ จนต่อไปเหมือนคนแปลกหน้าหรือไม่”
นางเติบโตมาพร้อมกับเกาเมี่ยวหรงตั้งแต่เด็ก ในใจของนาง เกาเมี่ยวหรงก็เหมือนพี่สาวของนาง สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านตอนนี้ทำให้นางรู้สึกกลุ้มมาก อยากระบายความทุกข์กับคนก็หาคนไม่ได้เลย วันนี้อดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงบอกสิ่งที่อยู่ในใจกับเหอถงเหนียง
แม้เหอถงเหนียงจะเป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของหลี่ตงจื้อ แต่ตอนเด็กๆ ทั้งสองคนไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน สำหรับหลี่ตงจื้อ แน่นอนว่าเกาเมี่ยวหรงย่อมสนิทมากกว่าเหอถงเหนียง
คำถามนี้เหอถงเหนียงก็ตอบไม่ได้
ในความคิดของนาง แน่นอนว่าเจียงเซี่ยนย่อมสนิทมากกว่า
ถึงแม้นางจะกลัวเจียงเซี่ยนเล็กน้อย ทว่าถึงอย่างไรเจียงเซี่ยนก็เป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของนาง ส่วนเกาเมี่ยวหรงเป็นเพียงคนที่กึ่งคนรับใช้ที่อาศัยอยู่ที่ตระกูลหลี่
แต่นางก็ยังพยายามช่วยหลี่ตงจื้ออย่างสุดกำลัง “ไม่อย่างนั้นเจ้าลองถามคุณหนูติง? ข้ารู้สึกว่านางฉลาดมาก แล้วก็มีความสามารถมาก หลายครั้งที่พวกคุณหนูเหล่านั้นทะเลาะกัน คุณหนูติงก็เป็นคนออกหน้าไกล่เกลี่ยตลอด”
“ไม่ได้!” หลี่ตงจื้อส่ายหน้า
เรื่องน่าอายของตระกูลจะแพร่งพรายออกไปข้างนอกไม่ได้
ถึงแม้นี่จะไม่ใช่เรื่องน่าอายของตระกูล ทว่าความสัมพันธ์ในบ้านตอนนี้ก็วุ่นวายมากเช่นกัน คนอื่นได้ยินแล้วยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่แพร่งพรายออกไป จนทำให้เหล่าตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจในเมืองไท่หยวนหัวเราะเยาะ
“เจ้าก็ถือว่าข้าไม่เคยพูดเรื่องนี้แล้วกัน!” หลี่ตงจื้อเอ่ยอย่างไม่สบายใจว่า “เจ้าห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด!”
เหอถงเหนียงพยักหน้า
หลังจากพวกนางกับคุณหนูติงหวั่นไปถึงตระกูลซือ นางก็พบว่าเกาเมี่ยวหรงมาถึงตั้งนานแล้ว และช่วยคุณหนูสามตระกูลซือต้อนรับแขกที่มา โดยพูดคุยและหัวเราะอย่างจริงใจ
เหอถงเหนียงมองไปที่หลี่ตงจื้อ
หลี่ตงจื้อสีหน้าเศร้าหมอง ครู่ใหญ่ถึงจะกลับมาเป็นปกติ และยิ้มพลางเรียกเกาเมี่ยวหรงว่า “พี่เกา”
ดังนั้นจึงมีคนมามอง และวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบาว่า “ที่แท้คนนี้ก็คือคุณหนูเกาของจวนสกุลหลี่ ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจว่านางเป็นคุณหนูที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับตระกูลหลี่มาโดยตลอด!”
จะเห็นได้ว่าคำพูดที่เจียงเซี่ยนเอ่ยถึงเกาเมี่ยวหรงในวันนั้นแพร่ไปทั่วตั้งนานแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ เกาเมี่ยวหรงยังทำให้คนมากมายเกิดความอยากรู้อยากเห็น จนแย่งกันมองด้วยตาตนเองด้วย