มู่หนานจือ – บทที่ 345 ไม่หยุด

มู่หนานจือ

คุณหนูสามหยวนเห็นคนนี้แทบอยากจะฆ่าจะแกง ส่วนอีกคนก็ยืนอยู่ตรงนั้นไม่พูดไม่จา พอรู้ว่าจัดการปัญหาที่จะตามมาในภายหลังยาก ก็คิดว่าพวกนางมากับติงหวั่น ทว่าตอนที่กำลังจะสั่งให้สาวใช้ข้างกายไปเรียกติงหวั่น เกาเมี่ยวหรงกลับเรียกชื่อของคุณหนูสามซืออยู่ข้างๆ และเอ่ยว่า “ซานเม่ย คุณหนูรองตระกูลติงไปไหนแล้ว?”

คุณหนูสามตระกูลซือสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที โดยสีหน้าค่อยๆ เคร่งขรึม

นางลืมไปได้อย่างไรว่า คุณหนูตระกูลหลี่มากับติงหวั่น หากเกิดเรื่องขึ้น ติงหวั่นก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ แม้นางจะเสียหน้า แต่ก็สามารถคัดตนเองออกได้อย่างชัดเจน

หลี่ตงจื้อเงยหน้ามองเกาเมี่ยวหรงทันที

สุดท้ายพี่เกาก็ยังปกป้องนางใช่หรือไม่?

ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่ให้คนไปหาติงหวั่นแล้ว

ถึงอย่างไรติงหวั่นก็เป็นลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวยอย่างตระกูลผู้ว่าราชการมณฑล และฐานะมีอำนาจมากที่สุดในบรรดาพวกนาง เห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่ คุณหนูจวงก็น่าจะลดความกำเริบเสิบสานลงบ้างกระมัง?

นางกำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินไม่รู้ว่าสาวใช้ของใครเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณหนูติงหวั่นมาแล้วเจ้าค่ะ”

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหลีกทางให้

ถึงแม้สีหน้าของติงหวั่นจะไม่ค่อยดีนัก ทว่าก็ไม่ได้โกรธจัดเช่นกัน

พอเห็นว่าสายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่นาง ก็ทำให้ติงหวั่นที่รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วกังวลและไม่สบายใจเล็กน้อย

นางเป็นคนพาคนมา แต่นางกลับไม่ดูแลให้ดี ไม่เพียงแต่ทำลายวันเกิดของคุณหนูสามตระกูลซือ ทว่ายังทำให้ตระกูลหลี่กับตระกูลจวงมีความบาดหมางกันด้วย นางไม่ดูแลหลี่ตงจื้อให้ดี ในสายตาของคนอื่น ก็ยังไม่รู้ว่าจะแต่งเรื่องเยาะเย้ยนางอย่างไร?

ทว่าคุณหนูสามตระกูลซือที่คิดได้แล้วกลับรีบเข้าไปหา และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ติงหวั่นฟัง โดยไม่รอให้ติงหวั่นเอ่ยปาก และเอ่ยว่า “พี่ติงว่าเรื่องนี้ควรจะทำอย่างไรดี? ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเจ้าภาพ เข้าข้างใครก็ไม่ดีทั้งนั้น…”

เหมือนอยากแยกตนเองออกให้ชัดเจน

เดิมทีติงหวั่นก็ดูถูกคุณหนูสามตระกูลซือเล็กน้อยอยู่แล้ว พอเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงเอ่ยว่า “ทุกเรื่องต่างมีเหตุผลของมัน คุณหนูสามซือเป็นเจ้าภาพ ก็ยิ่งควรจะทำตามหน้าที่”

คุณหนูสามตระกูลซือได้ยินแล้วก็ร้อนใจขึ้นมา

ติงหวั่นกำลังผลักเรื่องราวมาให้นาง!

“พี่ติง แต่ข้าคิดว่าเรื่องนี้ถึงแม้คุณหนูจวงจะผิด แต่คุณหนูหลี่ก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกันนี่นา!” นางเริ่มพูดจาอ้อมค้อม โดยไม่ล่วงเกินทั้งสองฝ่าย “อีกอย่าง คุณหนูจวงก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน หากท่านไม่เชื่อ สามารถถามคนที่อยู่ในห้องข้างตอนนั้นได้…” นางพูดไปก็จะสั่งให้สาวใช้ประจำตัวไปเรียกลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวกับน้องสาวของตนเอง

คุณหนูสามหยวนก็ส่งสายตาให้คุณหนูใหญ่ลู่

คุณหนูใหญ่ลู่เข้าใจ จึงแอบดึงแขนเสื้อของหลี่ตงจื้อ และเอ่ยว่า “เจ้ากลับไปก่อนดีกว่า! พวกนางแค่จะปัดภาระกันและกัน หากรอจนผู้ใหญ่ของตระกูลจวงมา เรื่องราวก็ยุ่งยากแล้ว”

หลี่ตงจื้อยังคงลังเลเล็กน้อย

ทว่าเหอถงเหนียงกลับได้สติกลับมาแล้ว จึงรีบเอ่ยว่า “ตงจื้อ พวกเรากลับไปก่อนดีกว่า! คนฉลาดจะรู้กาลเทศะ และหลบเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดีชั่วคราว จะได้ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างและถูกเหยียดหยาม ถึงท่านอาจะตำหนิเจ้า อย่างไรก็ดีกว่าเจ้าถูกคนกลั่นแกล้งที่นี่ ยิ่งกว่านั้นคุณหนูจวงส่งคนกลับไปแจ้งข่าวแล้ว หากพวกเรารออยู่เปล่าๆ แบบนี้ พอคนของตระกูลจวงไปหาถึงบ้าน แต่ที่บ้านกลับไม่รู้อะไรเลย และไม่ได้เตรียมตัวแม้แต่นิดเดียว ถึงเวลานั้นตระกูลจวงพูดอะไรก็เป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ? พวกเรามีเหตุผลก็กลายเป็นไม่มีเหตุผลแล้วเช่นกัน!”

หลี่ตงจื้อกัดริมฝีปาก และมองเกาเมี่ยวหรง

ทว่าความสนใจของเกาเมี่ยวหรงกลับอยู่ที่คุณหนูสามตระกูลซือกับติงหวั่นทั้งหมด และไม่มองนางแม้แต่นิดเดียวนานมาก เหมือนไม่รู้ว่าหลี่ตงจื้อกำลังมองนางอยู่

หลี่ตงจื้อกัดฟัน และเอ่ยว่า “พวกเรากลับ!”

พี่ถงพูดถูก ถึงนางจะถูกมารดาต่อว่า และจะถูกมารดาคุมตัวให้ไปขอโทษคุณหนูจวง ก็ดีกว่าก่อเรื่องข้างนอกแล้วกลับไปกลับไม่พูดอะไรเลย ถูกคนไปหาถึงบ้านแล้วยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเหตุผลก็กลายเป็นไม่มีเหตุผล แล้วถูกกระทำและถูกตี!

พวกคุณหนูสามหยวนต่างโล่งอก

คุณหนูใหญ่ลู่ก็พยุงหลี่ตงจื้อและเอ่ยว่า “เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

คุณหนูสามหยวนอดที่จะยิ้มอย่างชื่นชมให้คุณหนูใหญ่ลู่ไม่ได้

คนอื่นที่อยู่ในห้องมองมาทันที ติงหวั่นยิ่งตอบสนองอย่างว่องไว นางเดินเข้ามาพยุงหลี่ตงจื้ออย่างรวดเร็ว และเอ่ยต่อจากคุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ว่า “คุณหนูหลี่ ไม่สบายตรงไหนหรือ?”

ต่อให้หลี่ตงจื้อเป็นคนโง่ก็เข้าใจจุดประสงค์ของคุณหนูใหญ่ตระกูลลู่เช่นกัน นางมองเกาเมี่ยวหรง แต่เกาเมี่ยวหรงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น หัวใจของหลี่ตงจื้อเย็นมากทันที นางหลุบตาลง และเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้า…ข้าไม่สบาย…”

ติงหวั่นเอ่ยกับคุณหนูสามตระกูลซืออย่างไม่ยอมให้แก้ต่างหรืออธิบายว่า “หรือจะเป็นเพราะเมื่อครู่โกรธแทบแย่! ท่านหญิงมอบนางให้ข้าแล้ว อย่างไรข้าก็ต้องส่งคนกลับไปอย่างแข็งแรง พวกเราขอตัวก่อน มีเรื่องอะไร เดี๋ยวค่อยว่ากัน” นางเอ่ยจบก็จูงหลี่ตงจื้อเดินออกไปข้างนอกทันที โดยไม่รอให้คุณหนูสามตระกูลซือตอบกลับ

หลี่ตงจื้อชาไปหมดทั้งตัว

นางตามติงหวั่นออกจากตระกูลซืออย่างเหม่อลอย และขึ้นรถม้า แล่นกลับตระกูลหลี่อย่างเร็วมากตลอดทาง จนกระทั่งลงจากรถม้า และเจอเจียงเซี่ยน ติงหวั่นเอ่ยกับเจียงเซี่ยนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจว่า “ท่านหญิง ขอโทษจริงๆ ที่ข้าทำงานพลาด” นางถึงได้สติกลับมา และพบว่าเหอถงเหนียงจับมือของนางอย่างเป็นห่วงตลอดเวลา

หลี่ตงจื้ออดที่จะมองเหอถงเหนียงอย่างซาบซึ้งไม่ได้ แล้วถึงจะก้มหน้าเข้าไปเรียก “พี่สะใภ้” อย่างขี้ขลาดและหวาดกลัว

นางรู้สึกว่าตนเองทำผิดต่อเจียงเซี่ยนเป็นอย่างมาก

เจียงเซี่ยนคิดหาทางให้ติงหวั่นพานางไปร่วมวันเกิดของคุณหนูสามตระกูลซือ ทว่านางกลับทำเรื่องพังแล้ว

“ตงจื้อทะเลาะกับคุณหนูจวงหรือ?” เจียงเซี่ยนมองหลี่ตงจื้อที่หมดอาลัยตายอยาก และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ดูจากท่าทางของเจ้า แพ้มาหรือ?”

นี่น่าจะไม่ใช่จุดสำคัญกระมัง?

หลี่ตงจื้อกับติงหวั่นมองเจียงเซี่ยนพร้อมกัน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจมาก

ในความคิดของเจียงเซี่ยน เมื่อพวกเด็กสาวอยู่ด้วยกัน จะพูดจานินทา ทำอะไรลับๆ ล่อๆ และทะเลาะกัน ไม่ใช่เรื่องแปลก แม้แต่ชนชั้นสูงในวังกับขุนนางคนสำคัญที่ช่วยฮ่องเต้บริหารราชการแผ่นดินในราชสำนักก็มักจะทำเรื่องแบบนี้เช่นกัน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเด็กสาวอย่างหลี่ตงจื้อ

“แล้วทำไมถึงพวกเจ้าทะเลาะกัน?” เจียงเซี่ยนยิ้มพลางถามหลี่ตงจื้อ

ติงหวั่นบอกแค่ว่าหลี่ตงจื้อทะเลาะกับคุณหนูจวง ส่วนทำไมถึงทะเลาะกันนั้น นางไม่เห็นด้วยตาตนเอง จึงไม่สามารถพูดจาส่งเดชเหมือนคิดว่าต้องเป็นแบบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นหากทั้งสองตระกูลทะเลาะกันขึ้นมา สิ่งที่นางเอ่ยก็อาจจะกลายเป็นความขัดแย้งของทั้งสองตระกูล ทำให้ทั้งสองตระกูลต่างคิดว่านางชอบยุแยงทั้งสองฝ่าย

“ตอนนั้นข้าไม่ได้อยู่ด้วย” ติงหวั่นเอ่ย และมองไปที่หลี่ตงจื้อ

ทว่าปากของหลี่ตงจื้อกลับแน่นเหมือนหอยกาบ อย่างไรก็ไม่ยอมเอ่ยปาก

เหอถงเหนียงก็คิดว่าไม่สามารถเอ่ยปากได้…นางคิดว่าหากนางเอ่ยสิ่งที่คุณหนูจวงเคยพูดต่อหน้าเจียงเซี่ยนอีกรอบ ก็จะเป็นการสบประมาทเจียงเซี่ยน

เช่นนี้ในสายตาของเจียงเซี่ยน ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเดาว่าหลี่ตงจื้อไม่มีเหตุผล

แต่นี่แล้วอย่างไร?

หลี่ตงจื้อเป็นเด็กซื่อๆ

ใครจะไม่มีโทสะล่ะ?

ขอเพียงไม่ออกนอกลู่นอกทางก็พอแล้ว

ยิ่งกว่านั้นคนที่ทะเลาะกับหลี่ตงจื้อคือคุณหนูจวง

คุณหนูจวงนั้นแค่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่สามารถล่วงเกินได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน ก็ไม่ปรักปรำนางเช่นกัน ส่วนคุณหนูสามตระกูลซือที่ถูกทำลายงานเลี้ยงวันเกิดนั้นก็ยิ่งไม่น่าเห็นใจแล้ว…

เจียงเซี่ยนจึงไม่ซักไซ้หลี่ตงจื้อว่าทำไมถึงทะเลาะกับคุณหนูจวงกันแน่แล้ว

นางยิ้มพลางเอ่ยกับติงหวั่นว่า “เรื่องต่างๆ มักจะมีสิ่งที่คาดไม่ถึงเสมอ เจ้าก็ไม่สามารถคอยดูน้องหญิงของข้าได้ตลอดเวลาเช่นกัน เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า? แต่น้องหญิงของข้าออกไปกับเจ้า กลับก่อเรื่องแบบนี้ ทำให้เจ้าลำบากแล้ว!”

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท