ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น – ตอนที่ 1.1

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

บทที่ 1 : ดังนั้น พวกเราจึงลาออก

27 กันยายายน 2018(วันพฤหัสบดี)

สนามกีฬาแห่งชาติใหม่, บริเวณประตูทางเข้าฝั่งโอยามา

 

“จะมาตกอะไรตอนนี้เนี่ย” ผมพึมพำระหว่างมองเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบกับกระจกหน้ารถ

ผมนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับในรถที่จอดอยู่ข้างทาง ถึงแม้ว่าจะใกล้หมดช่วงฤดูใบไม้ร่วงเเล้ว บรรยากาศภายในรถกลับร้อนระอุ

“ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีรึปล่าว”

สาเหตุของความร้อนระอุที่พุ่งสูงปรี๊ดนั้นถามคำถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจมาจากอีกฝากของโทรศัพท์มือถือ เจ้าของเสียงนั้น – เอโนกิ โยชิทาเกะ – เจ้านายของผมเอง

หลังจากที่ได้ทำให้ลูกค้าโกรธจากความผิดพลาดในการจัดการของเขาเอง กลับส่งผม – พนักงานผู้ต่ำต้อย – มาขอขมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมลูกค้าถึงรู้สึกว่าเขาไม่จริงใจในการขอโทษ

“ไม่ครับ” ผมตอบ “เหมือนกับทางลูกค้าจะยุติการซื้อขายกับเรา”

“หา?! แกไปขอโทษภาษาอะไรวะ”

หลังจากทำผิดพลาดร้ายเเรง กลับส่งคนอื่นไปขอโทษเเทน เเล้วจะหวังอะไรฮะ? บ้ารึปล่าว? นั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากถาม อยากถามมากๆ

“ผมรู้ๆ” ผมตอบกลับ “ถึงยังไงก็เถอะ ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้โดยตรงนี่นา”

ถึงหลายๆแผนกจะใช้ผมตามใจชอบก็เหอะ เเต่ผมเป็นนักวิจัยนะ นี่เป็นงานของฝ่ายขายเเท้ๆ แถมไม่มีใครอธิบายสถานการณ์โดยละเอียดให้ผมรู้ด้วยซ้ำ ผมพึ่งรู้ว่าปัญหามันเกิดเพราะการใช้ DGB-2473 อย่างผิดวิธีจากลูกค้านี่เเหละ 

“แกพล่ามอะไรอยู่?” เอโนกิถาม “ทีมของแกเป็นคนสร้างวัตถุดิบนี้ไม่ใช่เรอะ?”

หะ เเล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย แกเองเป็นคนขายวัตถุดิบตัวนี้เพื่อให้เอาไปใช้ในสภาพเเวดล้อมที่ไม่ได้ยืนยันผลนี่

“เเต่ไม่ใช่ว่า ในคู่มือมีการอธิบายเกี่ยวกับ DGB-2473 อยู่เเล้วไม่ใช่หรือครับ?” ผมถาม “ถ้าใช้ในสภาพเเวดล้อมที่ยังไม่ได้ยืนยันผลลัพธ์ มันจะไม่สามารถสร้างผลได้ตามที่กำหนด เรื่องแค่นั้นก็น่าจะชัดเ-”

“แกได้บอกฝ่ายขายเรื่องนี้รึปล่าว”

ไม่ ไมไ่ด้บอก เเต่ก่อนที่จะไปโม้ว่าของมันใช้ได้ อย่างน้อยทำไมไม่อ่านคู่มือก่อนเอาของไปเสนอขายเล่า

“ไม่ครับ ไมไ่ด้บอกโดยตรง”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทีมแกนั่นเเหละที่ผิด”

จากอีกฝั่งนึงของโทรศัพท์ เอโนกิก็เริ่มสาธยายเกี่ยวกับวิธีการทำงานของบริษัท เห้อ พอสักทีเถ้ออ

“ผมต้องขอโทษด้วยครับ” ผมพูด

“ขอโทษหรอ งั้นก็เเสดงว่ายอมรับเเล้วสินะ ว่าทั้งหมดนี่เป็นความผิดของแกเอง แกนี่มันไร้ประโยชน์ชะมัด พอเเล้ว เพราะว่าแกทำให้เสียลูกค้ารายใหญ่ไป ฉันจะหักจากเงินเดือนของแก โบนัสก็อย่าหวังเลยละกัน”

หาา? ผมเเทบไม่เกี่ยวกับปัญหานี่เลยด้วยซ้ำ มันเป็นเพราะการจัดการห่วยๆของนายต่างหาก!

พอผมกำลังจะเเย้งกลับ เอโนกิก็วางสายทันที ว่าเเล้ว

ผมถอนหายใจ นี่มันไร้สาระจริงๆ หักเงินเดือน? ไม่มีโบนัส? เอโนกิเคยพูดอะไรเอาไว้นะ “ถ้าพวกเราทำสำเร็จ ก็เป็นเพราะฉันที่เเหละ เเต่ถ้าไม่ ก็เป็นเพราะแก” ไอคนเเบบนี้มาเป็นเจ้านายคนได้ยังไง

“แต่นั้นเเหละ ที่เขาก้าวหน้ามาได้ขนาดนี้ก็เพราะเป็นคนแบบนี้”

ถ้าคุณดูเเค่โปรไฟลล์การทำงาน ประวัติงานของเขานั้นเข้าขั้นสุดยอด

“เห้อ รู้สึกแย่ชะมัด” ผมถอนหายใจอีกครั้ง “เเล้วจะกลับไปทำงานได้ยังไงเนี่ย..”

เสียงฝนที่ตกกระทบหลังคารถเริ่มดังขึ้น พอผมเริ่มสตาร์ทรถ วิทยุก็เริ่มเล่นเพลงที่มีทำนองร่าเริง บางทีเวียงเพลงอาจจะช่วยให้ผมอารมณ์ดีขึ้นได้บ้าง ผมจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว เคาะนิ้วชี้ตามจังหวะเพลง แต่พอผมเปิดที่ปัดน้ำฝน เสียงเพลงก็หยุดลง

“หืม?”

“ข่าวด่วน” ผู้ประกาศข่าวทางวิทยุรายงาน “ในที่สุด ดันเจี้ยนความลึกขั้นกลางที่สหรัฐอเมริกาได้ถูกพิชิตเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว”

“โคตรเจ๋งเลย” ใครสักคนตอบ

เหมือนกับว่าเรื่องนี้จะเป็นข่าวใหญ่สำหรับสำนักข่าวเลยทีเดียว การรู้ว่าดันเจี้ยนขนาดกลางถูกเคลียร์เนี่ย ไม่ค่อยมีความหมายอะไรกับตัวผมสักเท่าไร เเต่เหมือนว่ามันคงสำคัญพอที่จะมาเป็นข่าวด่วนได้

“ในดันเจี้ยนขนาดกลางจะต้องมีไอเทมที่น่าเหลือเฃื่อแน่ๆ” ใครบางคนในห้องประกาศข่าวเสริม

เวลาผ่านไปสามปีนับตั้งแต่ดันเจี้ยนแห่งแรกปรากฏขึ้นมาบนโลกนี้ ความโกลาหลที่เกิดชึ้นตอนเเรกก็ไม่มีเหลือให้เห็นแล้ว และการสำรวจดันเจี้ยนนั้นเรื่องธรรมดาทั่วไปคล้ายๆกับการไปตกปลาในสถานที่ที่อันตรายเล็กน้อย การกำจัดมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนอาจจะฟังดูอันตราย แต่ถ้ามองแค่การกระทำ มันก็ไม่ต่างจากการตกปลาหรือการล่าสัตว์ที่พอถึงจุดๆนึง กิจกรรมพวกนั้นก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตเหมือนกัน

บางทีถ้าได้ไปผจญภัยในดันเจี้ยนอาจจะช่วยคลายเครียดได้บ้างมั้ยนะ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงติดเครื่องยนต์รถขึ้น ที่แห่งนี้ – บริเวณศาลเจ้าเมจิรอบนอก – มีสิ่งก่อสร้างมากมายที่มีไว้สำหรับการแข่งโอลิมปิค จนถึงตอนนี้ ตึกพวกนั้นก็ยังก่อสร้างอยู่

พอฝนเริ่มตกลงมาหนักขึ้น ก็เริ่มมีเสียงฝนตกกระทบหลังคาสะท้อนเข้ามาในรถ

“ดันเจี้ยนนั้นปรากฏออกมาได้สามปีแล้ว ฟังดูเหมือนยาวนานเลยทีเดียว” เสียงดังออกมาจากวิทยุ “วันนี้ แขกรับเฃิญของพวกเราคือ นักวิจัยดันเจี้ยน คุณโยชิดะ ฮารุกิ ขอบคุณที่สละเวลามาครับ คุณโยชิดะ”

โยชิดะ ฮารุกิงั้นหรอ?

ช่วงนี้ผมได้ยินชื่อนี้บ่อยครั้ง แต่ผมค่อนข้างสงสัยว่าเขาเป็นนักวิจัยจริงๆรึปล่าว เพราะไม่มีใครรู้ดันเจี้ยนเเรงค์ของเขา ได้ลงดันเจี้ยนไหมก็ไม่รู้

“ขอบคุณที่เชิญมาครับ” โยชิดะตอบ

“ดันเจี้ยนความลึกชั้นกลางที่ถูกพิชิตได้นั้น อยู่ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแอเรีย36 โดยมีชื่อว่าอีเเวนส์ดันเจี้ยน ดันเจี้ยนนี้ถูกพบในทะเลสาบซัมมิท บนเทือกเขาอีเเวนส์ และถูกกล่าวขานว่ามี 31ชั้น คุณโยชิดะมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้ครับ?”

“จนถึงตอนนี้มีแค่ดันเจี้ยนระดับความลึกต่ำจำนวนน้อยเท่านั้นที่ถูกพิชิตไปแล้ว เพราะฉะนั้น นี่เป็นความสำเร็จที่ยอดมากเลยทีเดียว”

“นั่นสินครับ ตามหลักการเเล้ว ดันเจี้ยนระดับความลึกปานกลางคืออะไรกันแน่”

“เป็นคำถามที่น่าสนใจทีเดียว จนมาถึงตอนนี้ ดันเจี้ยนที่ถูกค้นพบทั่วโลกมีทั้งหมดแปดสิบแห่ง และเพื่อความสะดวก ดันเจี้ยนเหล่านั้นได้ถูกจัดแบ่งเป็นสามประเภท: ระดับความลึกต่ำ ระดับความลึกกลางและระดับความลึกสูง”

“ผมเคยได้ยินคำว่า ‘ลึกลงไปใต้ดิน’มาก่อน ทำไมไม่ใช้คำนี้หรือครับ”

“คำว่า’ลึกลงไปใต้ดิน’นั้น เดิมทีเป็นคำที่มาจากกระทรวงคมนาคม โดยจะถูกใช้ในเชิงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากใต้ดิน ซึ่งไม่เหมาะสมกับการนำไปจำแนกชนิดของดันเจี้ยน และเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด ศัพทฺเฉพาะใหม่เลยถูกบัญญัติขึ้นมาใช้ครับ”

“อย่างนี้นี่เอง”

“ดันเจี้ยนถูกจำแนกด้วยจำนวนชั้น ดันเจี้ยนที่มีจำนวนชั้นน้อยกว่า21จะถูกจัดเป็นระดับความลึกต่ำ ถ้าน้อยกว่า80จะเป็นระดับความลึกกลาง นอกเหนือจากนั้นจะเป็นระดับความลึกสูง”

ที่จริงผมก็เคยได้ยินข่าวลืออื่นมาว่า เพราะเงินสนับสนุนทางการทหาร การจัดอันดับดันเจี้ยนนั้นจึงมาจากประสิทธิภาพของอาวุธขนาดเล็กว่าใช้ได้ผลขนาดไหน

“ถ้างั้น แม้ว่าจะเป็นความลึกระดับกลาง อีเเวนส์ดันเจี้ยนก็ถือว่าไม่ได้ลึกมาก ใช่ไหมครับ” ผู้ดำเนินรายการถาม

“ไม่ครับ มันอาจจะยากถ้าจะระบุให้ชัดเจน การแบ่งประเภทนี้ถูกทำขึ้นเพื่อความสะดวเท่านั้น” โยชิดะตอบ “โดยสิ่งแรกเลย พวกเรายังไม่เคยพบดันเจี้ยนระดับความลึกสูงที่ตรงตามคำจำกัดความมาก่อนเลย ถ้าให้ยกตัวอย่างคือ ทีมรับมือเฉพาะของกองกำลังป้องกันตนเองได้ไปถึงชั้น21ของโยโยกิดันเจี้ยนในโตเกียว เพราะฉะนั้นเราจึงยืนยันได้ว่าโยโยกิดันเจี้ยนจะเป็นดันเจี้ยนความลึกระดับกลางเป็นอย่างน้อย แต่…”

“จนกว่าเราจะลงไปลึกกว่านี้ เราก็จะไม่รู้ว่ามีกี่ชั้นกันแน่ ใช่ไหมครับ”

“ถูกต้องครับ ถ้าเราพบว่าดันเจี้ยนที่กำลังสำรวจนั้นมีความลึก21ชั้นเป็นอย่างน้อย เราก็จะรู้ว่าดันเจี้ยนนั้นเป็นความลึกระดับกลาง แต่อย่างไรก็ตาม มีดันเจี้ยนจำนวนน้อยมากๆที่มีการสำรวจไปได้ถึงจุดนั้น ด้วยความที่ยังไม่เคยมีใครไปถึงชั้น80 เราเลยไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันมีจริงหรือไม่”

“ถ้างั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าดันเจี้ยนนั้นมีแค่31ชั้นสินะครับ”

“จนกว่าจะมีใครสำรวจลงไปถึงชั้น32 นั่นก็มีความเป็นไปได้ครับ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น การที่ได้มีการประกาศไปแล้วว่า ในญี่ปุ่นมีดันเจี้ยนระดับความลึกต่ำห้าแห่ง และสี่ระดับความบึกกลางไปถึงระดับความลึกสูง เรารู้มาได้ยังไงครับ”

“นั่นเป็นแค่การประมาณการครับ ณ ตอนนี้ ด้วยการวัดความสั่นพ้องเฉพาะรูปแบบหนึ่งในขณะที่ดันเจี้ยนกำลังก่อตัวขึ้น หรือที่เรียกว่าการสะเทือนของดันเจี้ยน เราสามารถคาดการณ์ขนาดพื่นที่ของดันเจี้ยนนั้นได้ JDAได้เรียกวันว่า ความลึกของดันเจี้ยน โดยใช้ระบบเมตรในการวัด”

“สุดยอดไปเลยนะครับ”

“เพราะว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อย พวกเราจึงมี ไฮเนตและจีโอเนต อยู่เเล้วตอนที่ดันเจี้ยนแห่งแรกปรากฏขึ้นพอเรานำผลการบันทึกจากทั้งสองระบบมาเปรียบเทียบกัน ก็จะพอประมาณความลึกของดันเจี้ยนได้ แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่ภายในของดันเจี้ยนนั้นเป็นมิติพิศวง ในความเป็นจริงเราไม่รู้เลยว่าความลึกของดันเจี้ยนจะเกี่ยวข้องกับจำนวนชั้นของมันรึปล่าว ‘ถ้าดันเจี้ยนมันลึก ก็น่าจะมีจำนวนชั้นมากตามไปด้วยใช่ไหมล่ะ’ ข้อมูลที่เรารู้นั้นมีแค่นี้”

“มันเป็นแบบนี้นี่เอง”

“มีดันเจี้ยนระดับความลึกต่ำสองเเห่งที่ได้ถูกสำรวจจนทั่วแล้ว พอนำจำนวนชั้นของทั้งสองแห่งมาเปรียบเทียบกับความลึกของดันเจี้ยน เราก็พอจะสร้างกฏในการอนุมานจำนวนชั้นของดันเจี้ยนอื่นๆได้ นี่เป็นที่มาของการประมาณที่บอกไว้ข้างต้น”

“จะว่าไป ผมได้ยินมาว่า มีสกิลออร์บหลายลูกที่ดรอปในชั้นลึกสุกของอีเเวนส์ดันเจี้ยน แต่น่าเสียดายที่เรายละเอียดพวกนั้นไม่ได้ถูกประกาศออกมา”

“นั่นสินะครับ ในทั้งหมดทั้งมวลที่ดรอปจากดันเจี้ยน ทุกๆคนต้องฝันอยากได้สกิลออร์บเเน่ๆ”

“สกิลออร์บงั้นหรอ..” ผมพึมพำกับตัวเอง

***

การปรากฏขึ้นของดันเจี้ยนนั้นก่อให้เกิดผลกระทบมากมายทั่วโลก เหมือนโลกแฟนตาซีที่ในดันเจี้ยนจะมีมอนสเตอร์ที่ดุร้ายอยู่ การเพิ่มขึ้นของสถานที่อันตรายแบบนี้ก็คล้ายกับการมีอยู่ของป่าสนเขตเหนือหรือป่าดงดิบร้อนชื้นที่ไม่ค่อยมีความสำคัญอะไรกับคนทั่วไปเท่าไร สถานที่พวกนั้นก็มีสัตว์ดุร้ายอยู่เเล้ว

เเต่สิ่งที่สะเทือนไปทั่วทั้งโลกจริงๆคือของสามอย่างที่สามารถหาได้จากดันเจี้ยน นั่นคือ การ์ด โพชั่นและสกิลออร์บ อย่างการค้นพบ’การ์ดดันเจี้ยนครั้งเเรก’ – เรียกโดยย่อคือ ดี-การ์ด – นั้น ได้เขย่าวงการวิทยาศาสตร์ด้วยเทคโนโลยีที่เหมือนมาจากอนาคตอันห่างไกล เเต่ถึงกระนั้น ไอเทมพวกนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของคนปกติมากนัก

เมื่อใครบางคนกำจัดมอนสเตอร์ตัวเเรกได้สำเร็จ การ์ดที่มีชื่อของคนๆนั้นระบุอยู่พร้อมทั้งข้อมูลอื่นๆจะถูกดรอป ส่วนมากดี-การ์ดนี้จะถูกใช้ในการตรวจสอบสกิลของนักสำรวจดันเจี้ยน

ในช่วงเเรก ทุกๆคนคิดว่าการ์ดนี่เป็นวัตถุบางอย่างที่ลึกลับมาก มากกว่าที่มันควรจะเป็น ตัวอักษรสิบสี่ตัวถูกสลักลงในด้านหนึ่งของการ์ดนี้ทุกๆใบนั้นได้รับความสนใจจากกลุ่มภาษาศาสตร์เหมือนกัน แต่เมื่อสรุปเเล้วว่าไม่สามารถแปลมันได้ ตัวอักษรพวกนั้นจึงเเค่ถูกจัดเเบ่งประเภทเท่านั้น

เเต่หลังจากนั้น แผ่นทรงค้ลายเเทปเล็ตได้ถูกค้นพบใน เดอะลิงค์ ซึ่งมีการเขียนด้วยตัวอักษรเดียวกับตัวอักษรที่สลักอยู่บนดี-การ์ด ทำให้ตัวอักษรพวกได้กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เเต่มันก็เเค่นั้น

เเต่ทว่า การค้นพ้นโพชันนั้นเเตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การใช้โพชันครั้งเเรกนั้นเกิดขึ้นกับนายทหารที่กำลังเสียชีวิตที่มีร่างกายช่วงล่างถูกตัดขาดจากช่วงเอว นายทหารคนนั้นได้ใช้โพชันโดยบังเอิญ เหมือนกับว่าเป็นการเยาะเย้ยการเเพทย์สมัยใหม่ ร่างกายช่วงล่างของเขานั้นหลับมาต่อติดกับช่วงเอวเเละรอดจากความตายมาได้

เเค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ประเทศต่างๆ กองทัพ หรือเเม้เเต่บริษัทยักใหญ่เริ่มส่งคนเข้าไปในดันเจี้ยน หลังจากที่หลายๆอย่างถูกค้นพบในดันเจี้ยน ดันเจี้ยนจึงเริ่มกลายเป็นเหมืองฟาร์มสำหรับทรัพยากรพิเศษ

ในระหว่างนี้ สกิลออร์บลูกแรกก็ได้ถูกค้นพบเช่นกัน ไอเทมชิ้นนี้ได้ช่วยนำพามนุษยชาติไปสู่อีกระดับหนึ่ง ด้วยการทำให้ผู้ใช้มีความสามารถที่จะใช้เวทมนตร์ได้ สรุปคือสกิลออร์บสามารถเปลี่ยนความเพ้อฝันในนิยายให้หลายเป็นความจริง

ในขณะนี้ก็ยังมีการถกเถียงกันอยู่ถึงเรื่องลักษณะพันธุกรรมของผู้มีความสามารถเหล่านั้น ทหารที่จะสำรวจดันเจี้ยนต้องทำการบันทึกดีเอ็นเอของตนเองไว้ก่อนทำการสำรวจ เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอหลังการใช้สกิลออร์บ

ถ้าเกิดผู้ใช้ออร์นั้นได้มีลูกในทันทีหลังจากใช้ออร์บเเละได้รับสกิลไป เด็กก็ควรจะเกิดมาได้เเล้วในตอนนี้ แต่ทว่าก็ยังไม่มีข่าวคราวหลุดออกมา เลยมีข่าวลือเกิดขึ้นว่าบางประเทศที่ไม่ค่อยเป็นประชาธิปไตยเท่าไรได้ใช้การผสมเทียมเพื่อผลิตเด็กนั้นออกมาเป็นจำนวนมาก

ในท้ายที่สุด เมื่อสกิลออร์บได้เกิดขึ้นเเล้ว เเละถ้ามันถูกใช้ในการทำอาชญกรรม โลกต้องตกอยู่ในความวุ่นวายเเน่นอน ดังนั้นเหล่าประทเศต่างๆจึงได้ก่อตั้ง WDA – องค์การดันเจี้ยนโลก – เพื่อจัดการไอเทมที่มาจากดันเจี้ยน แต่สุดท้ายเเล้ว องค์การนี้ก็ไม่สามารถจัดการสกิลออร์บได้ ถึงเเม้ว่าจะเก็บอยู่ในที่ๆมีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด ออร์บที่ถูกค้นพบเเรกๆในหลายพื้นที่ก็หายไปจากที่จัดเก็บ

เเน่นอนว่าต้องมีการสงสัยพนักงานที่เกี่ยวข้องว่าแอบลักลอบไปขายในตลาดมืดหรือไม่ เเต่เพราะว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นช่วงๆทั่วโลก จึงยากที่จะบอกได้ว่านี่เป็นการกระทำของมนุษย์

หลังจากนั้น เพราะการจับตาดูอย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้ว่าสกิลออร์บนั้นจะหายไปเมื่อครบยี่สิบสามชั่วโมง ห้าสิบหานาที สี่วินาที นับจากเวลาที่ดรอปออกมา ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับการหมุนของโลก ซึ่งหมายความว่าการลำเลียงขนส่งสกิลออร์บนั้นจะซับซ้อนเป็นอย่างมาก เลยทำให้มีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องของกฏหมายในการจัดการสกิลออร์บ

เพราะความหายากของมัน ทำให้สกิลออร์บนั้นไม่สามารถถูกประเมินค่าได้ เเละถ้าปล่อยไว้โดยไม่มีการใช้ ค่าของมันจะลดลงเหลือศูนย์ในยี่สิบสี่ชั่วโมง ทำให้มีการถกเถียงว่าควรจะจัดว่ามันเป็นทรัพสินหรือไม่ หลักจากที่มีการตีความอยู่หลายครั้ง สรุปว่า ณ ปัจจุบัน สกิลออร์บนั้นไม่จัดว่าเป็นทรัพสินส่วนบุคคลเพราะมันไม่สามารถควบคุมได้ ในทางกฏหมายนั่นระบุว่าการใช้สกิลออร์บอย่างเสรีนั้นไม่สามารถนับเป็นของขวัญหรือไม่สามารถส่งต่อได้

เเม้ว่าสกิลออร์บนี้นจะสามารถถูกจับต้องได้ เเต่พวกมันคือผลผลิตจากธรรมชาติ หรือพูดในอีกเเง่คือ พวกมันเป็นสิ่งของที่สามารถเปลี่ยนถ่ายได้โดยไม่มีเจ้าของ เเม้ว่าบุคคลที่หนึ่งได้รับสกิลออร์บมา สกิลออร์บนั้นยังถือว่าไม่มีเจ้าของ จนกว่าเขาจะประกาศความเป็นเจ้าของ เเละถ้าเกิดบุคคลที่หนึ่งได้ส่งต่อสกิลออร์บไปยังบุคคลที่สอง มันก็เเค่เป็นการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่ไม่มีเจ้าของ ยกเว้นเเต่ว่ามีใครบางคนมาประกาศความเป็นเจ้าของ ซึ่งสุดท้ายเเล้วก็คือการใช้สกิลออร์บนั่นเอง

เเน่นอนว่า ถ้ามีการซื้อขายเกิดขึ้น จะต้องมีการคิดภาษีดันเจี้ยนด้วย สุดท้ายเเล้วสกิลออร์บนั้นได้มีการถูกค้นพบน้อยมาก เเละผู้ใช้สกิลออร์บที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับ WDA ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก

อีกทั้งคนที่จะใช้สกิลออร์บได้นั้น จะต้องมีดี-การ์ดก่อน เพราะฉะนั้นถ้ามีใครบางคนอยากจะใช้สกิลออร์บ คนๆนั้นจะต้องกำจัดมอนเสตอร์ตัวเเรกให้ได้ก่อน ไม่ว่าอัตราการดรอปของสกิลออร์บจะน้อยเพียงใด การเตรียมตัวไว้ก่อนนั้นสำคัญที่สุด เพราะช่วงเวลาที่สามารถใช้สกิลออร์บนั้นมีอยู่เเค่หนึ่งวัน น่าเเปลกใจที่มีคนคิดเเบบนี้อยู่มาก โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาเเล้ว

เมื่อครั้งที่ดันเจี้ยนปรากฏขึ้นมาครั้งเเรก ประเทศต่างๆนั้นตกอยุ่ในความโกลาหลเเละตอบสนองต่อมันช้ากว่าที่ควรจะเป็นหนึ่งถึงสองก้าว เเต่ทว่าภายในเวลาหนึ่งปี กฏระเบียบเเละการจัดการต่างๆได้ถูกสร้างขึ้นมา ต้องขอบคุณประเทศเหล่านั้นเเละWDAที่ทำให้การจัดเรียบเหล่านั้นเป็นไปได้

***

“การหาออร์บพวกนั้นมาครอบครองก็เหมือนกับการรวยทางลัดล่ะนะ” ผมพูด ”เเต่มันคงไม่มาตกถึงมือคนทั่วไปหรอก”

เเม้ว่าจะมีข่าวลือเกี่ยวกับเวทมนตร์เคลื่อนย้ายหรือไอเทมบ็อคซ์ในอินเตอร์เน็ต ข้อมูลของผู้ใช้ออร์บนั้นโดยส่วนมากจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ เพราะฉะนั้นข่าวลือในเน็ตเลยเชื่อถือไม่ได้ แน่นอนว่าถ้าผู้ใช้สกิลออร์บอยากจะประกาศตัวว่าเป็นผู้ใช้สกิลออร์บก็สามารถทำได้ เเม้ว่าการทำเเบบนั้นจะบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เเต่มันจะสามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างเเน่นอน

เพราะฉะนั้น กลุ่มไอดอลอย่างเช่น Dg48 ก็ได้เกิดขึ้นมาในวงการ ถ้าคุณมอบสกิลออร์บให้กับไอดอลคนโปรด คุณก็จะได้เดทกับไอดอลจนกว่าสกิลออร์บจะหายไป “ตั๋วจับมือนี่มาไกลถึงขนาดนี้เลยน้าา” ใครบ้างคนเคยพูดล้อเลียนเอาไว้

“น่าเอาเป็นเเบบอย่างเหมือนกันนะ…”

เมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผมก็เหยียบคันเร่ง หลังจากนั้น ตัวรถก็กระเด้งขึ้น ความรู้สึกที่ว่ายางรถไม่ได้อยู่บนพื้นถนนถูกส่งขึ้นมาถึงเอวผม

“กะ-เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!”

รถหลายคันที่กำลังข้ามสี่เเยกนั้นชนกันทำให้เกิดอุบัติเหตุไปทั่ว

“ชิบหายเเล้ว”

ผมหักพวงมาลัยเพื่อพยายามที่จะขับออกจากถนน สุดท้ายก็เข้าไปในบริเวณไซต์ก่อสร้างโดยไม่ได้ตั้งใจ ล้อหน้าของรถติดอยู่กับรอยเเยกยาวบนพื้น ทำให้รถหมุน ผมจึงต้องถอนคันเร่งแล้วหยุดรออย่างไม่มีทางเลือก

ในตอนที่รถกำลังหมุน ผมสังเกตเห็นเงาเล็กๆใกล้ๆกับยางด้านนอกรถ เเต่ผมควบคุมรถไม่ได้จริงๆตอนนั้น ทันใดนั้นผมก้ได้ยินเสียงตุบใต้ท้องรถ ทำให้ผมเหงื่อตก

“อย่าบอกนะว่า..”

ขอให้ไม่ใช่คนเถอะ ดูจากขนาดเเล้ว อาจจะเป็นเด็ก

ผมชนเจ้าเงาดำนั่นเข้าอย่างจัง ถ้าเกิดว่าเป็นคนจริงๆคงไม่จบเเค่รอยถลอกแห่งสองเเห่งเเน่ ผมภาวนาให้คนๆนั้นปลอดภัยเเละมองไปรอบๆอย่างรีบร้อนโดยที่รถก็ยังไม่หยุดหมุน

สุดท้ายเเล้วรถของผมก็ชนเข้ากับรถบรรทุกกึ่งเทรลเลอร์ที่กำลังขนเหล็กรีบาร์จำนวนมาก พอรถหยุด ผมก้พุ่งออกจากรถเเละมองหาสิ่งที่ผมชนเข้าไป ใต้สายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ผมแทบมองไม่เห็นรอบๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นเหงาอะไรบางอย่างกองอยู่ข้างรถบรรทุก ห่างออกไปจากผมแค่นิดเดียว

“เป็นอะไรรึปล่าวครับ!!”

ด้วยความตกใจ ผมรีบวิ่งไปยังเงานั่น แต่พอผมจะยื่นมือเข้าไปหา ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ ผมเคยเห็นเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้หลายครั้งในวีดีโอ เเต่ที่เป้นครั้งเเรกที่เห็นของจริง เเละไม่ มันไม่ใช่คน

“ก็อบลินงั้นหรอ!?”

ผมพึมพำออกมา เเละทันใดนั้น สัตว์ประหลาดที่ดูคล้ายก๊อบลินนั้นก็กลายสภาพเป็นกลุ่มอนุภาคเล็กๆสีดำต่อหน้าต่อตา หลงเหลือไว้เพียงการ์ดสีเงินหม่นๆ

 

ชื่อ : โยชิมูระ เคโกะ

แอเรีย : 12

เเรงค์ : 99,726,438

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

Status: Ongoing
สามปีที่เเล้ว เพราะการทดลองที่ผิดพลาดที่แอเรีย51 ดันเจียนเเห่งเเรกได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ตอนนี้ทุกคน /ไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาหรือทหาร ก็ต่างออกสำรวจดันเจียนที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์เพื่อความร่ำรวย พลัง และเวทมนตร์ โยขิมูระ เคโกะ เป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาที่ห่างไกลกับการผจญภัย ผู้มีความฝันอยากจะลาออกจากงานมาใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ ระหว่างออกไปทำงาน เขาก็ได้พบกับดันเจี้ยนกำเนิดใหม่และได้รับพลังที่ทำให้การสำรวจดันเจียนนั้นกลายเป็นเหมือนกับเกมRPG เรื่องมากมายเกิดขึ้นและเขาก็จับพลัดจับผลูกลายเป็นนักสำรวจเเรงค์หนึ่งของโลก ด้วยความช่วยเหลือจากมิโยชิ อาซึสะ ผู้ร่วมงานที่มีพรสวรรค์ด้านคณิตศาสตร์ เขาได้ใช้ประโยชน์จากหน้าจอสเตตัสของเขาทำเงินได้อย่างมากมาย เเต่ทว่า เคโกะต้องตกอยู่ภายใต้การจับตามองของกองทัพ รัฐบาลหรือสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งไปกว่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับความฝันของเขาที่อยากจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกันเนี่ย!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท