เมื่อมีคนกำจัดมอนสเตอร์ได้เป็นครั้งเเรก มันจะดรอปเจ้าการ์ดนี้ – ดันเจี้ยนการ์ด – ทุกครั้ง ยังมีปริศนาของการ์ดนี้มากมายที่ยังไม่ถูกไข อย่างเช่นการ์ดใบนี้นี้รู้ชื่อเจ้าของเเละข้อมูลอื่นๆได้อย่างไร เมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวลือว่าการ์ดนี้ทำมาจากเเร่โลหะหายาก เเต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าจะถูกสร้างด้วยโลหะที่หาได้ทั่วๆไป
ในส่วนของแอเรียที่เเสดงอยู่บนการ์ดนั้นจะเเสดงถึงพื้นที่ที่การ์ดนั้นถูกดรอป ด้วยการคาดเดาโดยวิธีอุปนัยจากการ์ดหลายๆใบ ก็สามารถสรุปได้ว่า ตั้งเเต่ลองจิจูด110ถึง120องศาตะวันตกจะเป็นแอเรียหนึ่ง และทุกๆ10องศาไปทางเเนวการหมุนของโลก หมายเลขของแอเรียจะเพิ่มขึ้นหนึ่งหน่วย ซึ่งจะทำให้ครบรอบโลกที่แอเรียสามสิบหก และเมื่อไม่นานมานี้ มีคนจากชนเผ่าอินูอิตจากเมือวพอนด์อินเล็ตได้รับการ์ดที่เป็นแอเรียศูนย์ ดังนั้นก็อนุมานได้ว่าบริเวณขั้วโลกจะเป็นแอเรียที่ศูนย์
ดังนั้น โตเกียวที่ตั้งอยู่ที่ขอบของลองจิจูด 139 องศาตะวันออกจึงเป็นแอเรียที่12
“เเรงค์ 99,726,438 งั้นหรอ..”
เหมือนกับว่า เเรงค์ของคนๆนึงนั้นจะถูกจัดด้วยอะไรบางอย่างที่ได้รับมาจากมอนสเตอร์ โดยจัดอันทับเทียบกับมนุษย์ที่มีอยู่ทั้งโลก เเละเพื่อความสะดวก อะไรบางอย่างนั้นจึงถูกเรียกว่า ‘ค่าประสบการณ์’ โดยเลียนแบบวิดีโอเกม ผมพึ่งฆ่าก๊อบลินตัวเเรกไป ดังนั้นจึงมีคนอีกเก้าสิบเก้าอล้านคนที่จัดการมอนสเตอร์ไปมากกว่าผม
หนึ่งในเจ็ดของมวลมนุษยชาติได้เคยกำจัดมอนสเตอร์ไปเเล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่านั่นมันถือว่ามากหรือน้อย
ระหว่างที่คิดเรื่องพวกนี้อยู่ในใจ ผมก็ถอนหายใจยาวออกมาเเละพูดกับตัวเองเบาๆ “ยังไงก็เหอะ โชคดีที่ไม่ได้ไปชนเด็กเข้าล่ะนะ”
ผมเก็บการ์ดลงกระเป๋าเเล้วเริ่มคลายความเครียดลง เเละเอาหลังไปพิงกับรถบรรทุกกึ่งเทรลเลอร์ที่ขนเหล็กนั่น มีเสียงโวยวายเเว่วมาจากที่เเยกพร้อมควันโขมง ดูเหมือนว่าจะมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
“อพาร์ตเมนจะเป็นอะไรมั้ยน้าา..”
ผมอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนสองชั่นโทรมๆที่สร้างมาเเล้วห้าสิบปี ถ้ามันพังลงตอนเเผ่นดินไหวผมจะไม่ตกใจเลย
ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ผมเปียกโชกทั้งตัวเเล้ว ถ้าจะกลับไปทำงานตอนนี้ก็ไม่มีชุดเปลี่ยนอยู่ดี เลยคิดว่าจะกลับห้องสักพักเเล้วจะ-
ระหว่างที่คิดดังนั้น ผมลื่นไปข้างหลัง ก้นจ้ำเบ้า
“โอ๊ย อะไรเนี่ย”
เมื่อหันหลังกลับ พบว่ารถบรรทุกที่ขนเหล็กอยุนั้นกำลังขยับถอยหลังเเละร่วงลงไปในอะไรบางอย่าง
“หา!”
รถบรรทุกนั้นกำลังร่วงตกลงไปในรอยแผ่นดินแยกขนาดใหญ่ ที่ผมพิงกับรถเมื่อกี๊อาจจะทำให้รถที่ใกล้จะร่วงอยู่เเล้วร่วงลงไปก็ได้ แต่โชคยังดีที่ตัวรถนั้นติดอยู่กับรอยเเยก ไม่ได้ร่วงลงไปทั้งคัน เเต่ว่าเหล็กรีบาร์จำนวนมากที่ทั้งยาวเเละหนานั้นร่วงลงไปในรอยเเยกอย่างต่อเนื่อง
“อืม.. รอยเเยกนั้นมันกลืนรถลงไปเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย โอเคนะผมไม่มีปัญญาจะจ่ายค่าเสียหายเเน่”
ผมเหงื่อตกด้วยความกังวลระหว่างทำได้เเค่มองเหล็กรีบาร์ร่วงลงไปในรอยเเยก ยังไงผมก็เปียกไปทั้งตัวเเล้ว เหงื่อซ่กเเค่นี้คงไม่เป็นอะไร ในระหว่างที่คิดอะไรไร้สาระอยู่นั้น ความคิดไร้สาระอีกอย่างก็ผุดขึ้นมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเเค่ไหน ก็ไม่มีเสียงเหล็กรีบาร์ที่ร่วงลงไปเเล้วตกกระทบก้นกลุมของรอยเเยกเลย
ผมขยับตัวไปที่ขอบของรอยเเยกเพื่อมองดู สงสัยว่าที่จริงเหล็กรีบาร์นั้นอาจจะไม่ได้ตกลงไปข้างล่างก็ได้ หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงกระเเทกอะไรบางอย่างเเว่วเข้ามา เเละตามด้วยเสียงร้องน่าขนลุกดังมาจากข้างในรอยเเยกใต้พื้นดิน
“อะไ-!?”
ผมรู้สึกว่ามีพลังอะไรบางอย่างดันตัวผมขึ้นมาจากภายใน เเละตามด้วยความรู้สึกเวียนหัว พออาการดีขึ้นผมก็กลับมาลืมตาเเละพบว่ามีออร์บสีรุ้งสวยงามปรากฏขึ้นตรงหน้า
เมื่อเห็นออร์บตรงหน้า ผมก็วิ่งหนีพร้อมกับคำนวนระยะตกของเหล็กรีบาร์อยู่ในใจ เหล็กพวกนั้นตกลงไปรอยเเยก ลอยอยู่ในอากาศราวๆยี่สิบวินาที เหล้กรีบาร์มีเส้นผ่าศูนย์กลางสี่เซ็นติเมตร เเละยาวประมาณสิบเมตร ถ้าเป็นอย่างนั้น ระยะทางที่เหล็กตกลงไปก็จะเป็นหนึ่งพันเมตร
“ถึงมันจะตกลงในแนวดิ่งก็เถอะ เเต่ความเร็วคงไม่น่าถึงความเร็วปลายหรอกมั้ง”
ในขณะที่ผมกำลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ออร์บสีรุ้งก็ยังคงลอยอยู่ตรงหน้าผม
สำนักงานใหญ่องค์การดันเจี้ยนแห่งประเทศญี่ปุ่น (JDA), อิจิกายะ
“งงไปหมดเเล้ว เเบบนี้จะรายงานว่ายังไง”
นารุเสะ มิฮารุ กำลังอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก หน่วยการจัดการเเละเฝ้าระวังขององค์การดันเจี้ยนแห่งประเทศญี่ป่น หรือเรียกโดยย่อว่า JDA นั้นคอยจับตาดูการเกิดใหม่ของดันเจี้ยนและคอยควบคุมดูเเลสถานะของการเคลียร์ดันเจี้ยน
ถึงเเม้ว่าการเกิดของดันเจี้ยนนั้นไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก มีคำกล่าวอ้างว่า ภายในพื้นที่หนึ่งๆจะมีดันเจี้ยนเกิดใหม่ทุกๆหนึ่งปี แน่นอนว่าประเทศที่มีเครื่องวัดแผ่นดินไหวที่ครอบคลุมทั่วประเทศเหมือนญี่ปุ่นนั้นมีจำนวนน้อยมากๆ เเละเมื่อไม่กี่อึดใจที่ผ่านมา เครื่องวัดไได้มีการตรวจจับการเกิดใหม่ของดันเจี้ยนได้ เเต่ทว่า…
“เเค่รายงานมาตามสิ่งที่เกิดขึ้นก็พอ” หัวหน้าของมิฮารุกล่าว
“ค่ะ ฟุไรซัง”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองหัวหน้าของเธอที่เป็นหัวหน้าเเผนกย่อยของส่วนงานการจัดการดันเจี้ยน ชายหนุ่มอายุยี่สิบเก้าปีที่ดูลุกลี้ลุกลน หัวเริ่มที่จะล้าน ชื่อของเขาคือ ฟุไร คาเครุ
“เเค่รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริงก็พอ นั่นเเหละสำคัญที่สุด ถ้าเพิ่มความคิดเห็นของตัวเองเข้าไปจะมีเเต่ทำให้สับสนมากขึ้นไปปล่าวๆ”
“รับทราบค่ะ”
นั่นก็จริงอยู่ แต่ถ้ารายงานตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเเล้ว คนอื่นต้องคิดว่าประสาทเธอไม่ปกติเเน่ เพราะเหตุนี้ เธอจึงลังเล
“ทำไมถึงทำหน้าเครียดเเบบนั้น” ฟุไรถาม “มันเกิดอะไรขึ้นกันเเน่”
“งั้น เอ่อ..คือ ฉันจะรายงานตามผลที่ปรากฏค่ะ”
เป็นไงเป็นกัน ที่เหลือปล่อยให้หัวหน้าไปจัดการเเล้วกัน
เมื่อตัดสินใจได้เเล้ว มิฮารุก็เริ่มพูดอย่างไม่มีสะดุด “เมื่อเวลา 14:32 เราตรวจจับได้ถึงเเรงสั่นสะเทือนที่น่าจะมาจากการเกิดใหม่ของดันเจี้ยนที่บริเวณใต้สนามกีฬาแห่งชาติสนามใหม่”
“อยู่ติดกับโยโยกิเลยหรอ!”
เมื่อสามปีก่อน โยโยกิดันเจี้ยนได้โผล่ขึ้นมาระหว่างสถานีข่าวNHKและสนามกีฬาที่สองของโยโยกิ
“อยู่ห่างกันในระยะกระจัดน่าจะประมาณหนึ่งกิโลเมตรค่ะ” มิฮารุตอบ
“อยู่ใกล้กันเลยนะ เเล้วขนาดล่ะ”
“เอ่อ คือ… เป็นดันเจี้ยนระดับความลึกสูงค่ะ”
“จริงหรือเนี่ย”
“ถ้าการวัดไม่มีอะไรผิดพลาด ดันเจี้ยนนี้มีความลึกมากกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยเมตร”
“หนึ่งพันสี่ร้อยเมตร?!”
โยโยกิดันเจี้ยนนั้นมีความลึกสองร้อยแปดสิบเมตร เเต่ดันเจี้ยนนี้ใหญ่กว่านั้นห้าเท่า มันจะต้องเป็นหนึ่งในดันเจี้ยนที่ลึกที่สุดในโลกเเน่ๆ
“เดี๋ยวก่อน” ฟุไระพูด “ถ้าเป็นอย่างนั้น รถไฟสายโอเอโดะต้องมีปัญหาเเน่ ติดต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดี๋ยวนี้เลย”
ดันเจี้ยนที่เกิดขึ้นมากลางเมืองใหญ่นั้นอาจจะทำลายโครงสร้างใต้ดินของเมืองได้ เมื่อโยโยกิดันเจี้ยนโผล่มาเมื่อสามปีก่อน รถไฟสายจิโยดะได้ถูกตัดขาดลงตั้งเเต่สวนโยโยกิจนถึงฮาราจุกุ เกือบจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขนาดใหญ่ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาบ่ายของวันทำงาน ถ้าอยู่ดีๆรถไฟใต้ดินหายไป ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเเน่ๆ
“คือว่า ดันเจี้ยนนี้เกิดขึ้นใกล้กับประตูอาโอยามะ เพราะฉะนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ” มิฮารุพูด
นักวิจัยได้วิเคราะหฺว่าดันเจี้ยนนั้นมีพื้นที่เป็นทรงกระบอก โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวหลายเมตรไปจนถึงหลายสิบเมตร เป็นที่รู้กันว่าการสั้นสะเทือนตอนที่ดันเจี้ยนเกิดนั้นมาจาก การที่ “เข็ม” นั้นเจาะเข้าไปในพื้นโลก ในทางกลับกันเมื่อดันเจี้ยนนั้นหายไป ก็จะเกิดแผ่นดินไหวส่งท้ายขึ้นอีกครั้ง นั่นก็เป็นเพราะ “เข็ม”นั้นถูกดึงออกไป
จากประตูด้านอาโอยามะ เส้นางของรถไฟโอเอโดะนั้นน้อยกว่าสองร้อยเมตร ถ้าการวัดทุกอย่างถูกต้อง ความเสียหายน่าจะเกิดที่บริเวณเส้นนั้น
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ เรายังจำเป็นต้องรายงานผล” ฟุไรกล่าว “เราจำเป็นต้องปิดทางเข้า อาจจะกระทบกับการก่อสร้างสนามกีฬาด้วย ให้ติดต่อไปยังคณะกรรมการโอลิมปิ-”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“มีอะไรอีก” ฟุไรถามโดยที่ยังหงุดหงิดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“เอ่อ คือว่า…มันหายไปเเล้วค่ะ”
“หาย? อะไรหาย”
“ดันเจี้ยนค่ะ”
สีหน้าของฟุไรในตอนนี้นั้น เหมือนกับนกกระจอกที่ถูกยิงด้วยเมล็ดถั่ว สีหน้าของฉันเมื่อกี๊นี้ก็เป็นแบบนี้รึปล่าวนะ มิฮารุสงสัย และเตรียมตัวสำหรับพายุที่กำลังมา
“ดันเจี้ยนระดับความลึกสูงเกิดขึ้นในโตเกียว” ฟุไรพูดขึ้นเเละมองไปที่นาฬิกาข้อมือ “เเล้วหายไปในเวลาไม่ถึงชั่วโมงเนี่ยนะ นี่ล้อกันเล่นรึปล่าว”
ฟุไรยิ้มเเบบที่พอจะตีความได้ว่า “ถ้าล้อกันเล่นล่ะก็ เรื่องนี้จบไม่สวยเเน่” เห้อ เป็นเเบบนี้ไปซะเเล้ว มิฮารุคิดพร้อมกับทำไหล่ตก
“เพราะเป็นเเบบนี้เลยทำให้ฉันลังเลตอนที่จะรายงานค่ะ” เธอพูด “อย่างไรก็ตาม ณ เวลาปัจจุบัน 15:20 ดันเจี้ยนระดับความลึกสูงที่ปรากฏขึ้นที่เวลา 14:32 บริเวณสนามกีฬาเเห่งชาติใหม่ใกล้กับทางเข้าอาโอยามานั้นได้หายไปเรียบร้อยเเล้ว แผ่นดินไหวส่งท้ายที่วัดได้นั้น ใกล้เคียงกับที่เดนเวอร์ เเละวัดได้เเค่ภายในเวลาหนึ่งนาทีหลังจากดันเจี้ยนได้ก่อตัวขึ้น”
หลังจากที่จัดการมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายที่เดนเวอร์เเล้ว ทั้งทีมได้กลับออกมาจากดันเจี้ยน เเละหลังจากนั้นไม่นาน แผ่นดินไหวส่งท้ายก็เกิดขึ้น หลังจากนั้นก็มีรายงานว่าดันเจี้ยนนั้นหลงเหลือยู่เเค่เศษซากของรูที่ดันเจี้ยนเคยอยู่ ปรากฏการณ์ข้างต้นนี้ก็มีการบันทึกว่าเกิดขึ้นกับเนเจี้ยนระดับความลึกต่ำที่ถูกพิชิตได้เหมือนกัน
“เธอกำลังจะบอกว่ามีใครบางคนเคลียร์ดันเจี้ยนระดับความลึกสูง ภายในหนึ่งนาทีงั้นหรอ” ฟุไรถาม
“บอกตามตรงว่าไม่ทราบค่ะ เเต่ถ้าโอลิมปิคยังไม่ต้องเลื่อน ประชาชนก็ปลอดภัย เเค่นี้ก็เพียงพอเเล้วรึปล่าวคะ”
มิฮารุพูดประโนคนั้นใส่หน้าหัวหน้าของเธอที่กำลังมึนงงอยู่ หลังจากนั้นก็โค้งศรีษะเเละไม่พูดอะไรอีก
หลังจากที่ได้ยินเธอรายงานตามนั้น ฟุไรก็มองมิฮารุอย่างเคียดแค้น “คิดว่าฉันจะเอาไปบอกหัวหน้าฉันว่ายังไงกัน”