แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 885 นัดบอดของเฝิงเยว่จู๋

ตอนที่ 885 นัดบอดของเฝิงเยว่จู๋

ตอนที่​ 885 นัดบอด​ของ​เฝิงเย​ว่​จู๋

วัน​เวลา​ผ่าน​ไป​จวบจน​มาถึงเดือน​เมษายน​อย่าง​รวดเร็ว​

ต้น​หลิว​ดอก​แดง​พร้อมกับ​ดอกไม้​ฤดูใบไม้ผลิ​เบ่งบาน​ไป​ทั่ว​เมืองหลวง​ ทำให้​ทุกคน​ยิ่ง​รู้สึก​ถึงบรรยากาศ​แห่ง​ความสุข​

การ​มีที่พัก​อยู่​ใกล้​มหาวิทยาลัย​เป็นเรื่อง​ที่​ดี​ และ​สามารถ​กลับบ้าน​เพื่อ​รับประทาน​อาหารเย็น​ใน​ตอน​มื้อ​เที่ยง​ได้​

แม้การ​รับประทาน​มื้อ​เที่ยง​กับ​เพื่อนร่วมชั้น​จะเป็นเรื่อง​ที่​ดี​ แต่​หลิน​ม่าย​ก็​ยัง​ชื่นชอบ​ที่จะ​กลับมา​รับประทาน​อาหาร​ที่​บ้าน​กับ​ครอบครัว​ของ​ตนเอง​

สิ่งเดียว​ที่​น่าเสียดาย​คือ​นับตั้งแต่​ย้าย​มาอยู่​ที่​อาคาร​สไตล์​ตะวันตก​ใกล้​มหาวิทยาลัย​ มัน​ค่อนข้าง​อยู่​ไกล​จาก​โรงพยาบาล​ที่​ฟางจั๋ว​หรา​น​ทำงาน​ ถ้าวัน​ไหน​เขา​ไม่ค่อย​ยุ่ง​มาก​ เขา​จึงมีโอกาส​กลับมา​รับประทาน​มื้อ​เที่ยง​ที่​บ้าน​

ทุกวัน​ใน​ตอนเที่ยง​ เขา​จะเป็น​เพียง​คนเดียว​ที่​หาย​ไป​จาก​บ้าน​ และ​กลับมา​ใน​มื้อ​เย็น​

คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟางอาศัย​อยู่​ใน​เมืองหลวง​นาน​หลาย​ปี​ และ​วิถีชีวิต​ของ​พวกเขา​ก็​ยัง​ปนเป​วิถี​ของ​ทางเหนือ​และ​ใต้​รวมกัน​

จนกระทั่ง​เธอ​ย้าย​กลับมา​ที่​หูเป่ย​ จึงได้​รับประทาน​อาหาร​ทาง​ตอน​ใต้​เป็นหลัก​

นับตั้งแต่​ที่​เธอ​ย้าย​เข้าสู่​เมืองหลวง​ วิถีชีวิต​ของ​เธอ​ก็​แปรเปลี่ยน​ เป็น​กึ่ง​เหนือ​กึ่ง​ใต้​ไป​โดยปริยาย​ บาง​วัน​ก็​กินข้าว​ บาง​วัน​ก็​กิน​แป้ง​

หลิน​ม่าย​ไม่คิดมาก​สำหรับ​มื้อ​อาหาร​ของ​ตนเอง​ ตราบใดที่​เธอ​ไม่ถูก​บีบบังคับ​ให้​กิน​เนื้อ​ชุ่มเลือด​ เนื้อ​สุก ๆ ดิบ ๆ​ หรือ​อาหาร​กลิ่นคาว​ เธอ​กิน​อะไร​ก็ได้​ทั้งนั้น​

นอกจากนี้​เธอ​ยัง​คุ้นชิน​กับ​การ​รับประทาน​บะหมี่​ของ​ทางเหนือ​เช่นเดียวกับ​คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟาง

ทางเหนือ​มีขนมจีบ​ ซาลาเปา​เนื้อ​แกะ​ บะหมี่​ อาหาร​พวก​แป้ง​เหล่านี้​ล้วนแต่​รส​เลิศ​ทั้งสิ้น​

ใน​มื้อ​เที่ยง​วันนี้​ หลังจาก​หลิน​ม่าย​กลับ​มาจาก​มหาวิทยาลัย​ ก็​มีเกี๊ยว​นึ่ง​วาง​อยู่​บน​โต๊ะอาหาร​

โต้​ว​โต้​ว​ถูก​คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟางพา​กลับ​จาก​มหาวิทยาลัย​

ขณะ​เดิน​วน​ไป​รอบ​โต๊ะอาหาร​ หล่อน​พึมพำ​ด้วย​ริมฝีปาก​บาง​เรียว​ “ทำไม​แม่ยัง​ไม่เลิกเรียน​อีก​คะ​?”

จากนั้น​หลิน​ม่าย​เดิน​เข้ามา​ภายใน​ห้อง​ คุณย่า​ฟางขมวดคิ้ว​ก่อน​จะพูด​ขึ้น​ใน​ห้องอาหาร​

“แม่คะ​ มากิน​ขนมจีบ​กัน​ค่ะ​ มีไส้กุยช่าย​ ไส้เนื้อ​แกะ​ เรา​รีบ​กิน​มัน​ตอนที่​ยัง​ร้อน​ดีกว่า​”

หลิน​ม่าย​ยิ้ม​กว้าง​ “เดี๋ยว​ลูก​กิน​ก่อน​เลย​นะ​ แม่ต้อง​ไป​ล้างมือ​ ป้อน​ข้าว​น้องชาย​ก่อน​ เดี๋ยว​จะกลับมา​นั่ง​กิน​ด้วย​”

หลังจาก​หลิน​ม่าย​ล้างมือ​และ​ป้อน​ข้าว​ทารก​น้อย​เสร็จ​ เธอ​กลับมา​ที่​ห้องอาหาร​และ​เห็น​ว่า​โต้​ว​โต้​ว​ยัง​ไม่เคลื่อนไหว​ เวลานี้​กำลัง​รอ​เธอ​อยู่​กับ​คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟาง

เมื่อ​เห็น​สถานการณ์​อย่างนั้น​แล้ว​ หัวใจ​ของ​หลิน​ม่าย​พลัน​อบอุ่น​ขึ้น​มา นี่​คือ​ครอบครัว​ที่​เรียก​ว่า​บ้าน​อย่าง​แท้จริง​

ทันทีที่​หลิน​ม่าย​นั่งลง​บน​โต๊ะ​ โต้​ว​โต้​ว​คีบ​เกี๊ยว​ที่​น้า​ถูเตรียม​ไว้​ให้​กับ​ทุกคน​

โต้​ว​โต้​ว​วาง​เกี๊ยว​ที่​มีต้น​หอม​มากมาย​ให้​กับ​คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟาง และ​วาง​เกี๊ยว​เนื้อ​แกะ​ให้​กับ​หลิน​ม่าย​ เพราะ​รู้ดี​ว่า​หลิน​ม่าย​ชอบ​กิน​เนื้อ​แกะ​

หลิน​ม่าย​สัมผัส​ได้​ว่า​เด็กน้อย​คน​นี้​รู้จัก​วิธีการ​เอาอกเอาใจ​คนใน​ครอบครัว​ตั้งแต่​อายุ​ยัง​น้อย​ และ​หล่อน​จะไม่เติบโต​เป็นผู้ใหญ่​อย่าง​ไป๋​ซวง​แน่นอน​

ขณะ​หลิน​ม่าย​กำลังกิน​เกี๊ยว​ตรงหน้า​ ทารก​ที่​อิ่ม​แล้ว​กำลัง​กล่าว​เจื้อยแจ้ว​อย่าง​มีความสุข​ใน​อ้อมแขน​ของ​หลิน​ม่าย​

หลิน​ม่าย​หยอกล้อ​กับ​เขา​ขณะ​รับประทาน​อาหาร​ และ​เด็กน้อย​ก็​ยิ่ง​กระตือรือร้น​ที่จะ​พูด​

ขณะที่​แม่ลูก​กำลัง​หยอกล้อ​กัน​อย่าง​มีความสุข​ เสียง​โทรศัพท์​ใน​ห้องนั่งเล่น​ก็​ดัง​ขึ้น​

น้า​ถูวิ่ง​เข้าไป​รับสาย​ เป็น​เยวี่ยกั๋วเวย​ผู้อำนวยการ​โรงงาน​เครื่องประดับ​ไป๋​เห​อ​ที่​โทร​หา​หลิน​ม่าย​เพราะ​มีเรื่องด่วน​ต้อง​พูดคุย​

เยวี่ยกั๋วเวย​เพียงแค่​พิการ​แต่​ไม่ร้ายแรง​ มีขา​ข้างเดียว​ที่​พิการ​เล็กน้อย​ แต่​เขา​ยัง​สามารถ​เคลื่อนไหว​ได้​อย่าง​อิสระ​โดย​ไม่ต้อง​ใช้ไม้เท้า​ และ​ยัง​สามารถ​วิ่ง​เหยาะ ๆ​ ได้​ใน​ระยะสั้น​ ๆ หาก​รีบร้อน​

เพราะ​หลิน​ม่าย​เป็น​นักศึกษา​ใน​มหาวิทยาลัย​ และ​ยังมี​อาชีพ​การงาน​ที่​มากมาย​ เขา​จึงถูก​เลื่อนขั้น​ให้​เป็น​ผู้อำนวยการ​โรงงาน​เครื่องประดับ​ไป๋​เห​อ​ รับผิดชอบ​กิจการ​ไป๋​เห​อ​จิว​เวอ​รี่​ทั้งหมด​

เยวี่ยกั๋วเวย​พยายาม​ทำตาม​ความคาดหวัง​ของ​หลิน​ม่าย​ และ​เขา​สามารถ​เพิ่ม​ยอดขาย​ให้​กับ​โรงงาน​เครื่องประดับ​ไป๋​เห​อ​ได้​หลาย​เปอร์เซ็นต์​

หลิน​ม่าย​รับโทรศัพท์​พร้อม​อุ้ม​ลูก​ไว้​ใน​อ้อมแขน​

เย​ว่กั๋วเว่ย​บอก​เธอ​ไว้​ว่า​นับตั้งแต่​ละคร​คลื่น​ทะเล​ผกผัน​ของ​ TVB ฮ่องกง​ได้รับ​ความนิยม​ใน​ต่างประเทศ​ เครื่องประดับ​ของ​โรงงาน​ไป๋​เห​อ​ก็​กลาย​เป็นที่นิยม​ทันที​

ชื่อเสียง​ของ​เห​มิงตาน​ซึ่งเป็น​หัวหน้า​ดีไซน์เนอร์​ของ​โรงงาน​เครื่องประดับ​ไป๋​เห​อ​ก็​ยิ่ง​เพิ่มขึ้น​อย่าง​ต่อเนื่อง​ และ​สุดท้าย​หล่อน​ก็​ถอนตัว​ไป​

โรงงาน​เครื่องประดับ​จิว​เวอ​รี่​แห่ง​หนึ่ง​คิด​จ้างหล่อน​ให้​เป็น​ดีไซน์เนอร์​ของ​โรงงาน​โดย​เสนอ​เงินเดือน​ที่สูง​กว่า​ให้​

หล่อน​ไม่คิด​บอกกล่าว​ล่วงหน้า​ และ​ลาออก​ทันที​ใน​วัน​ที่แจ้ง​

เมื่อ​จากไป​แล้วก็​ยัง​นำ​ภาพ​ที่​ตน​ออกแบบ​เครื่องประดับ​ใหม่​ ๆ ให้​กับ​โรงงาน​เครื่องประดับ​ไป๋​เห​อ​ที่​ยัง​ไม่ได้​ผลิต​ออก​ไป​ด้วย​

บริษัท​มีข้อกำหนด​ไว้​ชัดเจน​ ไม่ว่า​ใคร​ต้องการ​จะลา​ออกจะ​ต้อง​แจ้งล่วงหน้า​ 1 เดือน​เพื่อให้​บริษัท​จัดหา​คน​มาแทนที่​คน​ที่​ลาออก​

อีก​ทั้ง​เมื่อ​ลาออก​ จะไม่ได้รับอนุญาต​ให้​นำ​เอกสาร​ใด​ ๆ ภายใน​ออก​ไป​ทั้งสิ้น​ และ​ไม่ได้รับอนุญาต​ให้​เปิด​เผยความลับ​ของ​บริษัท​ต่อ​ผู้อื่น​

การ​ที่​เห​มิงตาน​ทำ​เช่นนี้​เป็นการ​ละเมิด​ข้อตกลง​ใน​การ​จ้างงาน​สอง​ข้อ​อย่าง​เห็นชัด​

หลิน​ม่าย​แกะ​มือ​เด็กทารก​ที่​กำลัง​เล่น​สายโทรศัพท์​ออก​แล้ว​พูดว่า​ “แล้ว​เห​มิงตาน​จัดการ​ค่าเสียหาย​ที่​เกิดขึ้น​หรือยัง​? ถ้ายัง​ ก็​คิด​ค่าเสียหาย​ส่งไป​ให้​หล่อน​”

บริษัท​ทำสัญญา​การ​จ้าง ย่อม​มีการ​เรียกร้อง​ค่าเสียหาย​ในกรณีที่​อีก​ฝ่าย​ผิดสัญญา​

หากว่า​นท​งก​รุ๊ป​ผิดสัญญา​ แน่นอน​ว่า​พวกเขา​ก็​จะจ่าย​ชดเชย​ให้​กับ​พนักงาน​เช่นกัน​

แต่​หาก​พนักงาน​ผิดสัญญา​ พนักงาน​จะต้อง​จ่าย​ค่าเสียหาย​ให้​กับ​บริษัท​

ซึ่งจำนวน​ของ​เงิน​ที่​ต้อง​จ่าย​ขึ้นอยู่กับ​ความสำคัญ​ของ​พนักงาน​ที่​มีต่อ​บริษัท​ในเวลานั้น​ ๆ

เห​มิงตาน​เป็น​หัวหน้า​นักออกแบบ​ของ​โรงงาน​เครื่องประดับ​ไป๋​เห​อ​ และ​มีความสำคัญ​มาก​ เพราะ​เหตุผล​นี้​ค่าเสียหาย​ของหล่อน​จึงสูงมาก​ถึง 50,000 หยวน​

แม้เห​มิงตาน​จะมีเงินเดือน​สูงมาก​ใน​โรงงาน​เครื่องประดับ​ไป๋​เห​อ​ และ​ทำงาน​มานาน​หลาย​ปี​ แต่​เวลานี้​หล่อน​มีรายได้​เพียง​ 50,000 หยวน​เท่านั้น​

ทันทีที่​ชำระ​ค่าเสียหาย​เสร็จ​ หล่อน​จะกลับ​สู่สภาวะ​ทางการเงิน​ตึง​มือ​อีกครั้ง​

สิ่งที่​หลิน​ม่าย​ต้องการ​ไม่ใช่ค่าเสียหาย​จาก​หล่อน​ แต่​เพื่อ​เป็นการ​เชือดไก่ให้ลิงดู​

ลาออก​ได้​แต่​ต้อง​ลาออก​ตามเงื่อนไข​ ห้าม​ผิดสัญญา​และ​นำ​เอกสาร​ใน​บริษัท​ออก​สู่โลก​ภายนอก​

เห​มิงตาน​ลา​ออกจาก​โรงงาน​เครื่องประดับ​ไป๋​เห​อ​ และ​สูญเสียเงิน​มากกว่า​ 50,000 หยวน​

เยวี่ยกั๋วเวย​ตอบกลับ​ทาง​โทรศัพท์​ “หาย​ไป​แล้ว​ครับ​”

หลิน​ม่าย​กลายเป็น​ประหลาดใจ​ “เธอ​จ่าย​น้อย​ไป​เหรอ​?”

เย​ว่กั๋วเว่ย​กล่าว​ด้วย​ความ​เหยียดหยาม​ “ผม​ไม่ได้​อยาก​ให้​หล่อน​จ่าย​ มัน​เป็น​ค่าเสียหาย​ที่​โรงงาน​เครื่องประดับ​อื่น​จ่าย​ให้​หล่อน​ และ​ล่อลวง​หล่อน​ไป​ด้วย​เงินเดือน​ที่สูง​กว่า​”

“โรงงาน​เครื่องประดับ​ที่​เห​มิงตาน​ไป​ทำงาน​ตอนนี้​ร่ำรวย​แล้วก็​มีอำนาจ​จริง ๆ​ นั่นแหละ​” หลิน​ม่าย​ถอนหายใจ​ก่อน​จะตอบกลับ​ด้วย​ความ​อยากรู้อยากเห็น​ “แล้ว​โรงงาน​นั้น​ชื่อ​อะไร​เหรอ​คะ​?”

“เครื่องประดับ​เป่า​ตี๋​ลา​”

หลิน​ม่าย​ขมวดคิ้ว​ “ดูเหมือน​ฉัน​จะเคย​ได้ยิน​ชื่อ​นี้​นะ​…”

“เป่า​ตี๋​ลา​เป็นเจ้าของ​ธุรกิจ​เครื่องประดับ​ที่​เคย​ขโมย​งาน​ไป๋​เห​อ​ของ​เรา​มาก่อน​ครับ​”

เวลานี้​หลิน​ม่าย​จด​จำได้​ทันที​

เธอ​จำได้​แล้ว​ ใน​ตอนนั้น​เธอ​มอง​ภาพ​เป่า​ตี๋​ลา​เป็น​ปลาเค็ม​ตากแห้ง​

ตอนนี้​เธอ​ถึงกับ​เผย​น้ำเสียง​เย้ยหยัน​ “เป่า​ตี๋​ลา​กลับมา​เหรอ​? แล้ว​ยัง​คิด​ต่อสู้​กับ​ไป๋​เห​อ​จิว​เวอ​รี่​ด้วย​?”

เธอ​ครุ่นคิด​สักครู่​ก่อน​จะพูด​ต่อว่า​ “ไม่ต้อง​กังวล​หรอก​ รอ​ดู​ว่า​อะไร​จะเกิดขึ้น​ต่อไป​ดีกว่า​ ตอนนี้​หา​นักออกแบบ​ใหม่​เถอะ​”

แม้เห​มิงตาน​จะพอ​มีพรสวรรค์​ แต่​งาน​ของหล่อน​ก็​ยัง​ขาด​เสน่ห์​

หลากหลาย​สไตล์​ที่​หล่อน​ออกแบบ​ล้วน​ถูกปรับ​แก้​ทีหลัง​ด้วย​ฝีมือ​ของ​หลิน​ม่าย​

หลิน​ม่าย​ได้เปรียบ​ตรง​ที่เกิด​ใหม่​อีกครั้ง​ ใน​ชีวิต​ที่แล้ว​เธอ​ชื่นชอบ​เครื่องประดับ​มาก​ และ​มักจะ​ไป​ร้าน​เครื่องประดับ​ต่าง ๆ​ เพื่อ​ดู​สไตล์​การ​ออกแบบ​ เคย​เห็น​เครื่องประดับ​ระดับ​สุดยอด​มาแล้ว​นับไม่ถ้วน​

ตอนนี้​ยังมี​อีก​หลากหลาย​แบบ​ที่​ยัง​ไม่ถูก​ดึง​ออก​มาจาก​ใน​ใจของ​เธอ​

หาก​เห​มิงตาน​ไป​ร่วมงาน​กับ​คู่แข่ง​ของ​เธอ​และ​เปิดตัว​เครื่องประดับ​ชุด​ใหม่​ เธอ​ก็​จะเปิดตัว​เครื่องประดับ​ชุด​ใหม่​ด้วย​ ให้​วัด​กัน​ไป​เลย​ว่า​ใคร​จะเหนือกว่า​!

เวลานี้​หลิน​ม่าย​เพียง​บอกกล่าว​กับ​เยวี่ยกั๋วเวย​ว่า​ไม่ต้อง​รีบร้อน​ แต่​เขา​จะไม่รีบร้อน​ได้​อย่างไร​? เพราะ​เห​มิงตาน​นำ​เครื่องประดับ​จำนวนมาก​ที่​ยัง​ไม่เปิดตัว​ออก​ไป​ด้วย​

แต่​เมื่อ​หลิน​ม่าย​ตอบกลับ​เช่นนี้​แล้ว​ เขา​จึงทำได้​เพียง​ตอบรับ​เท่านั้น​

หลิน​ม่าย​วาง​สายโทรศัพท์​ และ​เดิน​กลับมา​กิน​เกี๊ยว​ที่​เกือบจะ​เย็น​แล้ว​

น้า​ถูรู้ดี​ว่า​หลิน​ม่าย​ไม่ชอบ​กิน​อาหาร​ที่​เย็น​แล้ว​ จึงนำ​เกี๊ยว​ไป​ทอด​ใหม่​ใน​กระทะ​ร้อน​ให้​เป็น​เกี๊ยว​ทอด​แทน​

หลิน​ม่าย​กิน​เกี๊ยว​ทอด​สอง​สามคำ​ ก่อน​จะขึ้นไป​บน​ห้องนอน​ จากนั้น​ก็​เริ่ม​วาดภาพ​ใน​หัว​ที่​เธอ​เคย​จด​จำได้​ใน​ช่วงชีวิต​ก่อนหน้า​ออกมา​

เธอ​วาดภาพ​ไป​เรื่อย ๆ​ จนกระทั่ง​เกือบจะ​ถึงเวลา​กลับ​ไป​ที่​มหาวิทยาลัย​ เวลานี้​เธอ​จึงวาง​ปากกา​พร้อม​ขับรถ​ไป​มหาวิทยาลัย​พร้อมกับ​น้า​ถูและ​เด็กชาย​ตัว​น้อย​

ตอนนี้​อากาศ​ภายนอก​ค่อนข้าง​อุ่น​ขึ้น​ หลิน​ม่าย​อยู่​ใน​ชั้นเรียน​ ส่วน​น้า​ทัง​และ​เป่า​เป่า​ไม่จำเป็นต้อง​อยู่​ใน​รถ​อีกต่อไป​ พวกเขา​สามารถ​เดินเล่น​ไป​รอบ​ ๆ มหาวิทยาลัย​ได้​

เสี่ยว​มู่ตง​เป็น​เด็กชาย​แสน​จะน่ารัก​ ไม่ว่า​จะเดิน​ไป​ไหน​มาไหน​ก็​มีแต่​คน​รักใคร่​

เด็กชาย​ตัว​น้อย​มีความสุข​มาก​ และ​เขา​ชื่นชอบ​ให้​น้า​ทัง​อุ้ม​เขา​ไป​รอบ​ ๆ มหาวิทยาลัย​

เพียง​พริบตา​ วัน​เวลา​ผ่าน​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ วันนี้​เป็น​วัน​เสาร์​ซึ่งเป็น​วันเกิด​ปี​ที่​สิบ​เก้า​ของ​เหมียว​เหมียว​

แม้จะไม่ใช่วันเกิด​ที่​ยิ่งใหญ่​อะไร​ แต่​หลังจาก​วันเกิด​ปี​ที่​สิบ​เก้า​ หลังจากนี้​จะเข้าสู่​เลข​สอง​อย่าง​เป็นทางการ​แล้ว​

เหมียว​เหมียว​ต้องการ​ฉลอง​วันเกิด​ของ​ตนเอง​ เวลานี้​เธอ​จึงตรง​ไป​ที่​ร้าน​เซาเข่า​เห​ริน​เจียน​เยียน​หั่ว​ใน​เขต​ซีเฉิง

เพื่อนร่วมชั้น​ทุกคน​ต่าง​โห่ร้อง​ด้วย​ความดีใจ​

ร้าน​เซาเข่า​เห​ริน​เจียน​เยียน​หั่ว​ของ​หลิน​ม่าย​เปิดกิจการ​ใน​เมืองหลวง​มามากกว่า​หนึ่ง​ปี​แล้ว​ มีชื่อเสียง​เลื่องลือ​ และ​มีร้าน​สาขา​เป็นสิบๆ​ ร้าน​

หลังจาก​เลิกเรียน​ใน​ตอนบ่าย​ เพื่อนร่วมชั้น​ทั้งหมด​ก็​เรียก​รถแท็กซี่​ พร้อมด้วย​รถ​เมอร์เซเดส​-เบนซ์​ของ​หลิน​ม่าย​ แปด​คน​กับ​รถ​สอง​คัน​มุ่งสู่ร้าน​เห​ริน​เจียน​เยียน​หั่ว​ใน​เขต​ซีเฉิง

หลังจาก​จอด​รถ​ที่​ทางเข้า​ร้าน​เห​ริน​เจียน​เยียน​หั่ว​แล้ว​ สาว​ ๆ ยังคง​พูดคุย​กัน​ว่า​จะนั่ง​กิน​อาหาร​ต่าง ๆ​ ด้านนอก​หรือ​ห้องส่วนตัว​

ในที่สุด​ทุกคน​ก็​ลงความเห็น​ว่า​ควรจะ​นั่ง​กิน​ด้านนอก​ เพราะ​การ​เข้าไป​นั่ง​กินใน​ห้องอาหาร​ส่วนตัว​จะมีค่าบริการ​แยก​ต่างหาก​

หลิน​ม่าย​อุ้ม​เสี่ยว​มู่ตง​เข้าไป​ใน​ร้าน​พร้อมกับ​เพื่อนร่วมชั้น​ของ​ตน​

เหมียว​เหมียว​หัน​มอง​โดยรอบ​ของ​บริเวณ​ร้าน​และ​เห็น​ว่า​มีโต๊ะ​ว่าง​อยู่​ใน​มุมด้านใน​

เธอ​ชี้ไป​ที่​โต๊ะ​นั้น​ก่อน​จะพูด​ขึ้น​ว่า​ “เร็ว​เข้า​ มีโต๊ะ​ว่าง​อยู่​ตรงนั้น​ รีบ​ก้าว​เท้า​เร็ว​เข้า​”

สิ่งที่​เธอ​พูด​ออกมา​ไม่เกิน​จริง​ ร้านอาหาร​เห​ริน​เจียน​เยียน​หั่ว​นั้น​ขาย​ดีมาก​ หาก​มัว​ชักช้า​จะไม่ทัน​คนอื่น​ ๆ ที่​แทรก​คิว​เข้ามา​

เพื่อนร่วมชั้น​รีบ​พุ่งตรง​ไป​ที่​โต๊ะ​เหล่านั้น​ทันที​

หลิน​ม่าย​เป็น​แม่คน​แล้ว​ เธอ​จึงไม่สามารถ​ทำตัว​บ้าคลั่ง​เช่น​สาวน้อย​เหล่านั้น​ได้​

เธอ​เดิน​ตรง​ไป​ที่​โต๊ะ​ว่าง​นั้น​ทีหลัง​ เวลานี้​เธอ​ก็​บังเอิญ​เห็น​เฝิงเย​ว่​จู๋และ​ชาย​วัย​สามสิบ​กำลัง​นั่ง​อยู่​ที่​โต๊ะ​เดียวกัน​ พวกเขา​กำลังกิน​เซาเข่า​และ​พูดคุย​กัน​อย่าง​มีความสุข​ในเวลานี้​

เฝิงเย​ว่​จู๋เห็น​หลิน​ม่าย​แล้ว​ ใบหน้า​ของหล่อน​พลัน​แข็งทื่อ​ราวกับ​พบ​เจอ​หายนะ​ครั้ง​ใหญ่​

แต่​ไม่นาน​หล่อน​ก็​กลับมา​สงบนิ่ง​อีกครั้ง​ พร้อม​กล่าว​ทักทาย​หลิน​ม่าย​ด้วย​ “ม่าย​จื่อ​ คุณ​มากิน​บาร์บีคิว​ที่นี่​ด้วย​เหรอ​?”

หลิน​ม่าย​พยักหน้า​รับ​อย่าง​สุภาพ​ สายตา​ของ​เธอ​สบ​เข้ากับ​ชาย​ที่นั่ง​อยู่​ฝั่งตรงข้าม​ของ​โต๊ะ​

เธอ​เดิน​เข้าไป​ถามด้วย​รอยยิ้ม​มีเลศนัย​ “สหาย​คน​นี้​เป็น​ใคร​เหรอ​คะ​? คุณ​เฝิงจะไม่แนะนำ​เพื่อน​คน​นี้​หน่อย​เหรอ​?”

สีหน้า​ของ​เฝิงเย​ว่​จู๋กลายเป็น​บิดเบี้ยว​เล็กน้อย​ แต่​ก็​ยัง​กล้าหาญ​ที่จะ​แนะนำ​อีก​ฝ่าย​ “เขา​เป็น​พี่ชาย​ของ​เพื่อน​ของ​เพื่อนสนิท​แม่ฉัน​น่ะ​ ชื่อ​ลู่​เวย”​

หลิน​ม่าย​ยก​ยิ้ม​เล็กน้อย​ก่อน​จะยื่นมือ​ออก​ไป​ทักทาย​ผู้ชาย​คน​นั้น​ด้วย​ใบหน้า​ยิ้มแย้ม​ “สวัสดี​ค่ะ​ ฉัน​ชื่อ​หลิน​ม่าย​ เป็น​น้อง​สะใภ้ในอนาคต​ของ​พี่สาว​เฝิง”

เมื่อ​เฝิงเย​ว​จู๋ได้ยิน​อีก​ฝ่าย​แนะนำ​ตัวเอง​อย่างนั้น​ ใบหน้า​ของหล่อน​พลัน​ซีด​ลง​ในทันที​

สีหน้า​ของ​ผู้ชาย​คน​นั้น​เปลี่ยนไป​ด้วย​เช่นกัน​ เขา​เอ่ยปาก​ถามเฝิงเย​ว่​จู๋ต่อหน้า​หลิน​ม่าย​ “คุณ​มีแฟน​แล้ว​เหรอ​ครับ​? แล้ว​มานัดบอด​กับ​ผม​ที่นี่​เนี่ย​นะ​ครับ​?”

เฝิงเย​ว่​จู๋ยิ่ง​อับอาย​ก่อน​จะกล่าว​คำ​แผ่วเบา​ “ฟังฉัน​อธิบาย​ก่อน​นะคะ​”

แต่​ผู้ชาย​คน​นั้น​กลับ​ไม่เปิดโอกาส​ให้​หล่อน​อธิบาย​และ​เดิน​ออก​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​

เฝิงเย​ว่​จู๋หัน​มอง​หลิน​ม่าย​

มุมปาก​ของ​หลิน​ม่าย​ยก​ยิ้ม​อย่าง​มีความหมาย​ และ​เวลานี้​เธอ​ก็​หันหลัง​กลับ​ไปหา​เพื่อนร่วมชั้น​ของ​ตัวเอง​โดย​ไม่คิด​จะกล่าว​อะไร​ต่อ​

แต่​เฝิงเย​ว่​จู๋วิ่ง​ตามมา​ พูด​ด้วย​น้ำเสียง​แผ่วเบา​ทว่า​กระตือรือร้น​ “ม่าย​จื่อ​ ฟังฉัน​อธิบาย​ก่อน​”

หลิน​ม่าย​กล่าว​ขณะที่​เท้า​ยังคง​เคลื่อนไหว​ “คุณ​ควรจะ​ไป​อธิบาย​เรื่อง​นี้​กับ​พี่ชาย​ของ​ฉัน​ค่ะ​ ไม่ต้อง​อธิบาย​ให้​ฉัน​ฟังหรอก​”

เฝิงเย​ว่​จู๋หยุด​ก่อน​จะมอง​หลิน​ม่าย​เดิน​ไปหา​เพื่อนร่วมชั้น​ของ​ตัวเอง​

หล่อน​ไม่มีทางเลือก​อื่น​นอกจาก​ถอยกลับ​ไป​นั่ง​ที่​โต๊ะ​ตัว​เดิม​ เวลานี้​ก็​มอง​โต๊ะ​ที่​เต็มไปด้วย​เซาเข่า​และ​เครื่องดื่ม​ด้วย​ท่าทาง​กังวล​

เห​ริน​เจียน​เยียน​หั่ว​เป็น​ร้านอาหาร​ระดับสูง​ เครื่องดื่ม​กับ​อาหาร​ใน​นี้​จึงค่อนข้าง​มีราคาแพง​

ทุกสิ่ง​บน​โต๊ะ​นี้​มีราคา​สี่สิบ​หรือ​ห้าสิบ​หยวน​

ลู่​เวย​ตระหนี่​เกินไป​ แม้เขา​โกรธ​และ​ต้อง​การลุก​ออก​ไป​ อย่าง​น้อย​ก็​ควรจะ​จ่าย​ค่า​อาหาร​ทั้งหมด​ด้วย​

เฝิงเย​ว่​จู๋หัน​มอง​หลิน​ม่าย​

หล่อน​ต้องการ​ให้​หลิน​ม่าย​จ่าย​เงิน​ให้​ แต่​ก็​ไม่กล้า​ที่จะ​เปิดปาก​พูด​ออก​ไป​ สุดท้าย​ทำได้​เพียง​กัดฟัน​พร้อม​ควัก​กระเป๋าสตางค์​ออกมา​จ่าย​เงิน​ทั้งหมด​ และ​กำลังจะ​จากไป​

บริกร​ยัง​ถามหล่อน​อีกครั้ง​ว่า​จะห่อ​สิ่งเหล่านี้​กลับ​ด้วย​หรือไม่​

ผู้​คนใน​ยุค​นี้​มักจะ​ขี้อาย​และ​หน้าใหญ่​ พวกเขา​คิด​ว่าการ​ห่อ​อาหาร​กลับบ้าน​เป็นเรื่อง​ที่​น่าอับอาย​

แม้เฝิงเย​ว่​จู่จะไม่ได้​อับอาย​เรื่อง​นั้น​ แต่​เวลานี้​หลิน​ม่าย​ยัง​คงอยู่​ที่นี่​

เมื่อ​หลิน​ม่าย​อยู่​ที่นี่​ด้วย​ หล่อน​จึงอับอาย​ที่จะ​ห่อ​อาหาร​ทั้งหมด​กลับบ้าน​และ​กลัว​ว่า​คน​ด้านหลัง​จะหัวเราะเยาะ​

เป็น​เพราะ​พวกเขา​ไม่ทราบ​ว่า​ร้าน​เห​ริน​เจียน​เยียน​หั่ว​นี้​คือ​ธุรกิจ​ของ​หลิน​ม่าย​

เธอ​ไม่ต้องการ​ให้​ลูกค้า​จ่าย​เงิน​โดย​เปล่าประโยชน์​ ดังนั้น​เมื่อ​ถึงเวลา​จ่าย​เงิน​ หาก​มีอาหาร​เหลือ​เต็มโต๊ะ​ บริกร​จะต้อง​กล่าวถาม​ว่า​ต้องการ​ห่อ​อาหาร​กลับ​หรือไม่​

ทว่า​เฝิงเย​ว่​จู๋แสร้ง​ทำเป็น​เหลือกินเหลือใช้​ หล่อน​โบกมือ​ปฏิเสธ​โดยพลัน​

เวลานี้​ที่​โต๊ะ​ของ​หลิน​ม่าย​ เพื่อนร่วมชั้น​ของ​เธอ​เริ่ม​ซุบซิบ​และ​กล่าวถาม​ว่า​ผู้หญิง​ที่​หลิน​ม่าย​เดิน​เข้า​ไปหา​เป็น​ใคร​

หลิน​ม่าย​เพียงแค่​พยักหน้า​เบา​ ๆ แต่​ไม่ได้​ตอบ​คำ​ใด​กลับ​ เวลานี้​เพื่อนร่วมชั้น​จึงไม่ถามอะไร​ต่อไป​

พวกเขา​รวมตัวกัน​สุมหัว​ลง​ที่​เมนู​อาหาร​ ก่อน​จะเริ่ม​สั่งเซาเข่า​ เครื่องดื่ม​ น้ำหวาน​อย่าง​สนุกสนาน​

หลิน​ม่าย​เรียก​บริกร​มาใกล้​ ก่อน​จะพูด​กับ​เขา​สอง​สามคำ​ จากนั้น​ก็​มอบ​เงิน​ให้​กับ​เขา​สอง​ใบ​

บริกร​หันหลัง​กลับ​และ​ออก​ไป​พร้อมกับ​เงิน​

……………………………………………………………………………………………………………………….

สาร​จาก​ผู้แปล​

อ้าว​ ยัย​เฝิงคิด​ไม่ซื่อ​เสียแล้ว​สิ อย่า​บอก​นะ​ว่า​นี่​เป็น​คำสั่ง​ของ​แม่ ต่อให้​เป็น​คำสั่ง​ของ​แม่ก็​ปฏิเสธ​ไม่ได้​หรือไง​ พี่​ไป๋​เซี่ย​ตัด​ชื่อ​ยัย​คน​นี้​ออกจาก​สารบบ​แฟน​ไป​ได้​เลย​ค่ะ​ไม่ต้อง​รอ​ แค่​หมั้น​กัน​ยัง​ทำ​ขนาด​นี้​ ถ้าแต่ง​ไป​จริงๆ​ น่าจะ​บรรลัย​กว่า​นี้​แน่นอน​

ไหหม่า​(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

Status: Ongoing

หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท