ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 178 จำได้แม่น

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 178 จำได้แม่น

โต้วเหรินไม่ได้ไปจวนแม่ทัพใหญ่ แต่ไปที่มีหอสุรา

แน่นอนว่าเงินที่ติดค้างหอสุราก็ต้องคืนที่หอสุรา หากไปจวนแม่ทัพใหญ่ผู้อื่นจะคาดเดาไปต่างๆนานา

ตามหลักแล้วเวลานี้คุณหนูลั่วยังไม่มาหอสุรา ผู้ดูแลหญิงคนนั้นคุยด้วยง่ายกว่า… โต้วเหรินจับหยกพกที่เอามาหักลบกลบหนี้ชิ้นนั้นพลางครุ่นคิด

ประตูใหญ่หอสุราที่เขาเพิ่งเคาะถูกเปิดออก เขาเห็นคุณหนูลั่วนั่งอยู่ข้างตู้คิดเงิน กำลังส่งยิ้มมาให้เขา

“โต้วกงกงมาเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้นะเจ้าคะ”

โต้วเหรินยิ้มแห้ง “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูลั่วจะมาหอสุราเร็วเช่นนี้”

ลั่วเซิงยิ้มอย่างสื่อความนัย “คิดว่าวันนี้ต้องมาเก็บหนี้ ก็เลยมาแต่เช้าเจ้าค่ะ”

โต้วเหรินมุมปากกระตุก หยิบถุงเงินออกมาจากอ้อมอก

ลั่วเซิงพยักเพยิดส่งสัญญาณให้ผู้ดูแลหญิง

ผู้ดูแลหญิงรับถุงเงินมา หยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาแล้วนับอย่างรวดเร็ว

โต้วเหรินตาโต

นี่นางเคยนับเงินมามากมายเพียงใดกัน

ผู้ดูแลหญิงบอกจำนวนเงินอย่างรวดเร็ว “เถ้าแก่ ทั้งหมดสี่พันห้าร้อยยี่สิบตำลึง ยังขาดอีกหนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึงเจ้าค่ะ”

ติดหนี้ก็ต้องคืน นี่เป็นเรื่องธรรมดา แม้จะเป็นรัชทายาทก็ขาดแม้แต่สลึงเดียวไม่ได้

ลั่วเซิงมองโต้วเหรินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

โต้วเหรินรีบยกหยกพกให้ “คุณหนูลั่วโปรดลองดูหยกพกนี้ น่าจะมีราคามากกว่าหนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึงกระมัง”

ลั่วเซิงไม่ได้รับไว้ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่ดู”

โต้วเหรินเกือบจะหายใจไม่ออก

ตรงไปตรงมาและเด็ดขาดเช่นนี้เลยหรือ

ด้วยคุณภาพของหยกพก แม้จะต่อรองราคาเล็กน้อย เขาก็คิดว่ายังพอรับได้

ลั่วเซิงจิบชาคำหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “โต้วกงกงกลับไปทูลรัชทายาทว่าข้าเปิดหอสุราไม่ใช่โรงรับจำนำ รับเพียงเงินสด ไม่รับอย่างอื่น”

“คุณหนูลั่ว…”

“ทำไมหรือ โต้วกงกงต้องการให้ข้าบอกทางไปโรงรับจำนำหรือ”

โต้วเหรินอดเอ่ยไม่ได้ว่า “คุณหนูลั่ว ท่านไม่คิดจะไว้หน้ารัชทายาทเลยรึ”

ลั่วเซิงวางจอกชาลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดังกระทบ

แม้เสียงจะไม่ดังมากนัก แต่น้ำชาในจอกกลับกระเพื่อมไปมา

กระเพื่อมจนโต้วเหรินรู้สึกว่าไม่ได้การ

ลั่วเซิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “มีขุนนางราชสำนักมากมายเป็นพยาน เมื่อวานองค์รัชทายาทเลี้ยงแขกที่หอสุราใช้เงินไปห้าพันหกร้อยยี่สิบตำลึง ตอนนี้โต้วกงกงจะเอาหยกพกขององค์รัชทายาทมาหักลบกลบหนี้ หากเรื่องแพร่ออกไปไม่กลัวทำลายชื่อเสียงขององค์รัชทายาทหรือ”

โต้วเหรินยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก กัดฟันถามว่า “คุณหนูลั่วจะแพร่งพรายออกไปหรือ”

ลั่วเซิงตกตะลึง “โต้วกงกงหมายความว่าจะให้ข้ารับหยกพกขององค์รัชทายาทไว้เงียบๆ หรือ หากข้ารับไว้แบบนี้ จะไม่กลายเป็นการรับของส่วนตัวหรือไร ข้าเป็นหญิงที่ยังไม่ออกเรือนจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”

โต้วเหรินสีหน้าบิดเบี้ยว

แม้แต่นายบำเรอก็เลี้ยงแล้ว ยังกลัวการรับของลับๆ อีกหรือ

คนที่ควรกลัวคือองค์รัชทายาทถึงจะถูก ทว่าเขาก็ไม่กล้าย้อนถาม

หากเขาถามออกไปจริงๆ คุณหนูลั่วคงไล่เขาออกไปแล้วป่าวประกาศว่าองค์รัชทายาทยากจนจนต้องใช้หยกพกมากลบหนี้ของหอสุรา เขาก็คงไม่ต้องมีชีวิตกลับวังแล้ว

“โต้วกงกงรีบกลับไปทูลองค์รัชทายาทให้ชัดเจนเถอะ หอสุราของเรารับแค่เงินสด ไม่รับอย่างอื่น”

โต้วเหรินเห็นลั่วเซิงดื้อรั้น ได้แต่เก็บหยกพก ประสานมือกล่าวลา

“ช้าก่อน” ลั่วเซิงเหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยเรียกเขาไว้

“คุณหนูลั่วยังมีธุระอีกหรือ”

ลั่วเซิงจิบชาคำหนึ่งช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “หมอเทวดาไปจวนผิงหนานอ๋องแล้ว รบกวนโต้วกงกงช่วยข้าถามองค์รัชทายาทด้วยว่าพระชายารัชทายาทจะเชิญข้าเข้าวังวันไหน”

เชิญหมอเทวดาได้รวดเร็วเช่นนี้เลยหรือ

โต้วเหรินตกใจ อดมองลั่วเซิงอย่างจริงจังไม่ได้

หญิงสาวดูเกียจคร้าน ท่านั่งก็ไร้ระเบียบ

ดูอย่างไรก็เหมือนสตรีเสเพลโอหังอวดดีและมุทะลุคนหนึ่ง

เหตุใดหมอเทวดาจึงยอมรับนางกันนะ

“โต้วกงกง?”

โต้วเหรินตั้งสติได้ ฝืนยิ้มพูดว่า “คุณหนูลั่ววางใจ ข้าจะทูลถามองค์ชายให้”

“เช่นนั้นก็ดี” ลั่วเซิงยกจอกชาขึ้น

โต้วเหรินเดินออกจากประตูหอสุรา อดถอนหายใจอย่างแรงไม่ได้

หากให้เขาพูด ฝ่าบาทให้กำไลของอวี้เสวี่ยนซื่อแก่คุณหนูลั่วไปก็จบแล้ว องค์ชายช่างคิดสั้นจริงๆ!

ยามนี้ หมอเทวดาหลี่กำลังด่าคนในจวนผิงหนานอ๋องด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“ข้าเคยบอกแล้ว ท่านอ๋องจะฟื้นตัวได้หรือไม่นั้นอยู่ที่เจตนารมณ์ของสวรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะกะเกณฑ์ได้ พวกเจ้าเรียกข้ามาตรวจอีกครั้ง ต้องการทำลายชื่อเสียงของข้าหรืออย่างไร”

พระชายาผิงหนานอ๋องยอมให้หมอเทวดาหลี่ดุด่าเงียบๆ ไม่กล้าโต้เถียงอะไร

ตอนที่หมอหลวงทุกคนหมดหนทาง มีเพียงหมอเทวดาที่กล้าดึงธนูให้ท่านอ๋องและยังรักษาชีวิตของท่านอ๋องไว้ได้

เพียงแค่เรื่องนี้ก็ไม่สมควรขัดเคืองท่านหมอเทวดาแล้ว

“เอาเถิด ต้มยาตามใบสั่งยาที่เขียนให้ครั้งที่แล้ว ป้อนท่านอ๋องทานให้ตรงเวลาก็พอ” หมอเทวดาหลี่พูดเสร็จก็เดินออกไป

เว่ยเฟิงพึมพำ “เสด็จแม่ เราเชิญหมอเทวดามาเพื่อให้เขาด่าหรือ”

พระชายาผิงหนานอ๋องไม่เห็นด้วยกับคำพูดของบุตรชาย “คิดเช่นนี้ได้อย่างไร หมอเทวดาตรวจร่างกายของเสด็จพ่อเจ้าอีกครั้ง ไม่ได้พูดอะไรแสดงว่าเสด็จพ่อเจ้าไม่มีอะไรผิดปกติ แบบนี้ก็วางใจลงได้มากมิใช่หรือ”

“นั่นน่ะสิ พี่รอง ถึงอย่างไรหมอเทวดามาก็ทำให้สบายใจขึ้น” เว่ยเหวินก็พูดเช่นเดียวกัน

เว่ยเฟิงไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ว่าเขาเข้าใจแล้วว่าความคิดของสตรีนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด

น้องสาวพูดถูก ในเมื่อทำให้เสด็จแม่วางใจลงได้ก็ดีแล้ว

ส่วนเว่ยเชียง หลังจากที่โต้วเหรินนำหยกพกกลับมา เขาก็โมโหจนหน้าดำหน้าแดง

นังหนูนั่นจงใจทำให้เขาลำบากใจชัดๆ

“ฝ่าบาท คุณหนูลั่วยังบอกว่าเชิญหมอเทวดาไปจวนผิงหนานอ๋องแล้ว ถามว่าพระชายารัชทายาทจะเชิญนางเข้าวังเมื่อไหร่”

เว่ยเชียงสีหน้าย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม

นี่มันข่มขู่กันชัดๆ!

หากเขาไม่ส่งเงินที่เหลือไปให้ นังหนูนั่นจะมาทวงเอากับพระชายาสินะ

เขาไม่ยอมเสียหน้าแบบนี้แน่นอน

เว่ยเชียงเดินจ้ำอ้าวไปหาพระชายา

พระชายากำลังรอข่าวจากหมอหลวงหวังด้วยความกระวนกระวาย คิดไม่ถึงว่านางกำนัลจะมารายงานว่ารัชทายาทเสด็จมา

นี่เกินความคาดหมายของนางไปมากจริงๆ

องค์รัชทายาทไม่ค่อยเสด็จมาในเวลานี้

พระชายาเก็บความสงสัยไว้ เดินเข้าไปหาเว่ยเชียงแล้วยอบกายให้เขาเล็กน้อย “องค์ชาย”

“พระชายามิต้องมากพิธี” เว่ยเชียงยื่นมือออกไปประคองพระชายาไว้

แม้เขาจะไม่มีความรักให้พระชายา แต่เขาก็ไม่เคยปฏิบัติอย่างเย็นชากับนาง

ในใจของเขามีเพียงลั่วเอ๋อร์ ย่อมไม่สำคัญว่าใครเป็นพระชายา

ทั้งสองนั่งลงพร้อมกัน

หลังจากพูดคุยเรื่องทั่วไปครู่หนึ่ง เว่ยเชียงก็เอ่ยปาก “พระชายานำตั๋วเงินสองพันตำลึงมาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องต้องใช้จ่าย”

พระชายาอดกระตุกมุมปากไม่ได้

นางก็ว่าจู่ๆ รัชทายาทเสด็จมาหา ที่แท้ก็เงินไม่พอนี่เอง

“องค์ชายรอสักครู่เพคะ” พระชายาส่งสัญญาณให้ลูกสมุนภักดีไปหยิบตั๋วเงินมาอย่างรู้งาน และไม่ได้ถามว่านำไปใช้อะไร

องค์รัชทายาทต้องการเงิน นางย่อมไม่ถามหาสาเหตุ

เว่ยเชียงชอบความรู้กาลเทศะนี้ของพระชายาอย่างยิ่ง เขาพูดคุยด้วยอีกสองสามประโยคและเอ่ยเกริ่นขึ้นอย่างสบายๆ ว่า “พรุ่งนี้เจ้าเชิญคุณหนูลั่วเข้ามานั่งเล่นในวังเถอะ”

“คุณหนูลั่ว?” พระชายาชะงักไปเล็กน้อย

“บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ลั่ว พระชายาน่าจะรู้จักกระมัง”

พระชายา เหอะๆ

นางรู้จักเป็นอย่างดีเชียวล่ะ เมื่อเจ็ดปีก่อนตอนที่นางยังไม่ใช่ชายารัชทายาท มีวันหนึ่งนางพาน้องสาวออกไปเดินเล่น คุณหนูลั่วที่มีอายุเพียงเจ็ดแปดขวบท่านนั้นถีบน้องสาวลงคูน้ำเพราะทะเลาะกับน้องสาว

พอนางไปดึงน้องสาวก็ถูกคุณหนูลั่วถีบลงไปด้วย

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท