สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 92 ไล่ออก

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 92 ไล่ออก

ไม่นาน ข่าวลือการได้อ่าน ‘วาดหนัง’ ทำให้สามีที่ไม่ซื่อสัตย์กลับตัวกลับใจก็แพร่สะพัดออกไป

อ่านนิยายแล้วได้ประโยชน์เช่นนี้หรือ

บรรดานักอ่านสตรีที่ได้ยินความน่ากลัวของ ‘วาดหนัง’ บ้างก็ไม่เชื่อ บ้างก็อยากรู้ สุดท้ายก็อดมาซื้อไม่ได้

สาวใช้ตระกูลสถานะร่ำรวยนำ ‘วาดหนัง’ ที่เพิ่งซื้อมาไปให้นายหญิงตน เอ่ยอย่างนึกเป็นห่วง “ท่านจะอ่านจริงหรือเจ้าคะ ได้ยินว่าน่ากลัวมาก”

เจ้านายหญิงรับมา ลังเลเล็กน้อยก่อนเปิดอ่าน “ก็แค่นิยายเล่มหนึ่งเท่านั้น”

ความจริงนางขี้ขลาดมาก โดยเพราะสามีที่มักจะไม่อยู่บ้าน กลางคืนนางนอนอยู่เพียงคนเดียว นอกหน้าต่างมีเงาพาดผ่านไปมาก็ทำให้นางคิดเหลวไหลไปไกล ต้องเรียกสาวใช้มานอนเป็นเพื่อน

แต่พอได้ยินว่านิยายเล่มนี้สามารถทำให้ผู้ชายซื่อสัตย์ได้ จึงอยากลองอ่านดูบ้าง

หญิงสาวกัดริมฝีปาก ทำจิตใจให้กล้าหาญก่อนลงมืออ่าน

นางอ่านถึงตอนหวางเซิงมองผ่านหน้าต่างเข้าไปด้านใน ผีร้ายเขี้ยวยาวใบหน้าสีเขียวถือพู่กันลงมือบรรจงวาดหนังมนุษย์

ท่านซงหลิงเขียนได้ดีมาก ถึงขั้นทำให้คนมองเห็นภาพฉากนี้ได้

ความเย็นวาบลุกลามมาตามแนวสันหลัง ทำให้นางอดหนาวสั่นไม่ได้ แต่เรื่องราวยังคงดึงดูดให้นางอ่านต่อ พอเห็นหวางเซิงถูกผีร้ายแหวกอกควักหัวใจออกมา ขณะที่รู้สึกกลัวก็รู้สึกสะใจอย่างน่าประหลาดเช่นกัน

อ่านถึงตอนจบ หญิงสาวก็ผ่อนลมหายใจออก เอ่ยกับสาวใช้ว่า “นิยายเรื่องนี้ไม่เลว ข้าอ่านให้เจ้าฟัง”

หญิงสาวเล่าเรื่อง ‘วาดหนัง’ ให้ฟังรอบหนึ่ง ยิ้มถามสาวใช้ “เจ้าได้ฟังนิยายเรื่องนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง”

สาวใช้รู้นายหญิงตนอารมณ์ดี จึงกล่าวตามจริงว่า “บ่าวรู้สึกว่าภรรยาหวางเซิงไม่คุ้มค่าเลย หวางเซิงเจ้าชู้หลงใหลสาวงามถูกผีร้ายสังหาร เพื่อช่วยหวางเซิง นางถึงกับอดทนต่อการลบหลู่ของขอทานเช่นนั้น…”

หญิงสาวนิ่งฟัง สุดท้ายพยายามกลั้นยิ้ม ยื่นมือไปจิ้มหน้าผากสาวใช้ทีหนึ่ง “อายุน้อยๆ มีแต่ความคิดแปลกประหลาด ไปทำงานได้แล้ว”

พอตกค่ำ นายผู้ชายยากจะกลับบ้านมาได้

หญิงสาวก็คุยไปเรื่อยตามประสา “ข้าซื้อ ‘วาดหนัง’ เล่มสองมา ท่านพี่อยากอ่านหรือไม่”

นายผู้ชายไม่ได้ชอบอ่านนิยายเหมือนผู้หญิง ความชอบของเขาไม่ได้อยู่ในเรื่องพวกนี้ แต่ยามว่างหาอะไรฆ่าเวลาก็พอได้อยู่

ดังนั้นเขาจึงยื่นมือไปรับมาค่อยๆ อ่าน

ผู้ดูแลร้านหูเห็นลูกค้าหญิงที่มาซื้อ ‘วาดหนัง’ มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ้มไม่หุบ ทอดถอนใจรำพึงรำพัน “ท่านเจ้าของร้านมีความสามารถแท้”

หลิวโจวพยักหน้าเห็นด้วย “ก็ใช่น่ะสิ แม้แต่ท่านเจ้าของร้านคนก่อนยังบอกว่ารู้อย่างนี้ขายช่วงร้านหนังสือให้นางไปนานแล้ว ยังมาเร่งให้ข้าไปถามนางว่า ท่านซงหลิงจะออกนิยายเล่มใหม่เมื่อใด”

มุมปากผู้ดูแลร้านหูกระตุก

เจาของร้านคนเก่าเป็นลูกหลานจำพวกเหลวแหลกขายสมบัติบรรพชนกิน อย่าได้เอ่ยถึงเสียดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะทำให้เขาหนาวเหน็บใจแทนเจ้าของร้านผู้เฒ่าที่จากไป

พลันมีเสียงหนึ่งดังแว่วมา “ไม่ทราบว่าเจ้าของร้านท่านอยู่หรือไม่”

ผู้ดูแลร้านหูเงยหน้าขึ้นก็เห็นหญิงสาวอายุไม่มากนักเกล้ามวยผมยืนอยู่กลางโถง ข้างกายยังมีสาวใช้ติดตาม

“เจ้าของร้านเราออกไปข้างนอก ท่านลูกค้ามีเรื่องใดก็บอกกับข้าได้ รอให้เจ้าของร้านกลับมา ข้าก็จะบอกนาง”

“ข้ามาขอบคุณเจ้าของร้านของท่าน” หญิงสาวเยาว์วัยลังเลเล็กน้อย ส่งสายตาให้สาวใช้

สาวใช้รีบนำของขวัญออกมาวางไว้บนโต๊ะเก็บเงินข้างกายผู้ดูแลร้านหู

“นี่คือ…” ผู้ดูแลร้านหูงุนงงอยู่บ้าง

“ครึ่งปีมานี้สามีข้ามักจะไม่กลับบ้าน สองวันก่อนเขาได้อ่าน ‘วาดหนัง’ อยู่ ๆ ก็กลับมาขอขมาข้า ที่แท้ครึ่งปีมานี้เขาไปติดพันหญิงสาวผู้หนึ่ง มักจะพักค้างอ้างแรมอยู่กับนาง พอเขาได้อ่าน ‘วาดหนัง’ ก็เกิดความสงสัย จึงเริ่มสังเกต พบว่าหญิงสาวผู้นั้นถึงกับร่วมมือกับผู้อื่น คิดแย่งชิงร้านค้าของเขา…”

หญิงสาวเยาว์วัยพูดจบก็ย่อกายให้ผู้ดูแลร้านหู “โชคดีที่เจ้าของร้านซื้อนิยายดีๆ เช่น ‘วาดหนัง’ นี้มาพิมพ์ขาย ทำให้ครอบครัวเราพ้นเคราะห์มาได้”

ผู้ดูแลร้านหู “…” คิดไม่ถึงว่าพวกเราแค่ต้องการปล่อยกระแสข่าวสู้ร้านหนังสือหย่าซิน ถึงกับได้ผลดีเกินคาด!

แต่คนที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้กลับมิใช่เพียงแค่ผู้ดูแลร้านหู ยังมีลูกค้าอื่นๆ ที่เดินเข้ามาในร้านหนังสือ

สำหรับชาวเมืองหลวงที่ชอบเรื่องซุบซิบแล้ว เรื่องเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องที่คู่ควรแก่การกระพือข่าวลืออย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นไม่นานข่าวนี้ก็แพร่สะพัดออกไป

นายผู้ชายกับนายผู้หญิงในข่าวเป็นผู้ใด มีคนรู้กันไม่กี่คน ประเด็นสำคัญอยู่ที่เรื่องนี้น่าสนใจ พริบตาเดียวก็เป็นที่ต้องการของลูกค้าผู้หญิง แม้แต่คนที่เดิมไม่อ่านนิยายก็มาร่วมวงซื้อไปอ่านด้วยเล่มหนึ่ง

ทำอย่างไรได้ ตอนนี้ผู้คนพบกันก็จะคุยเรื่อง ‘วาดหนัง’ คนที่ไม่เคยอ่านก็จะร่วมวงสนทนาไม่ได้

คนในร้านหนังสือชิงซงทุกคนต่างทำงานกันจนไม่ได้หยุดพัก คนหนึ่งคนแทบอยากจะมีสักแปดมือ

สือโถวเสริมกำลังใจให้กล้าหาญ ถามผู้ดูแลร้านหูว่า “ท่านผู้ดูแลร้านขอรับ มารดาข้าสุขภาพดีขึ้นมากแล้ว กลับมาทำงานได้หรือไม่”

ตอนมารดาสือโถวยังไม่ล้มป่วยก็ทำงานที่ร้านหนังสือชิงซง ผู้ดูแลร้านหูได้ยินก็พยักหน้า “ไม่มีปัญหา แต่ต้องไปบอกท่านเจ้าของร้านก่อน”

ซินโย่วเองก็ไม่คิดว่าการเปลี่ยนแนวทางโฆษณา ‘วาดหนัง’ จะได้ผลเช่นนี้ งานยุ่งจนนางไม่มีเวลาไปตรวจสอบกู้ชางป๋อ

พอได้ยินผู้ดูแลร้านหูเอ่ยถึงมารดาสือโถว นางก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ผู้ดูแลร้านจัดการไปตามเห็นสมควร จุดไหนขาดคนก็จ้างมาได้ อย่าได้ปล่อยให้ทุกคนเหน็ดเหนื่อยเกินไป”

แม้ผู้ดูแลร้านหูซาบซึ้งใจเจ้าของร้านที่เข้าอกเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้คิดจะรับสมัครคนงานในทันที

ตอนนี้ร้านหนังสือชิงซงเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ผู้คนจับจ้องริษยา รีบร้อนจ้างคนอาจได้คนที่ไม่หวังดีมา ร้านหนังสือกำลังไปได้ดีเพียงนี้ ยินดีจะเหนื่อยระยะนี้สักพัก ไม่อาจปล่อยให้เกิดเหตุผิดพลาดขึ้นแม้แต่น้อย

ไม่นานสือโถวก็พามารดาไปพบซินโย่ว โขกศีรษะคำนับซินโย่วทีหนึ่ง จากนี้ไปร้านหนังสือชิงซงก็มีสตรีเชี่ยวชาญงานเย็บปักแล้ว

ร้านหนังสือชิงซงกิจการรุ่งเรือง ร้านหนังสือหย่าซินกลับซบเซา

ผู้ดูแลร้านกู่ถูกเจ้าของร้านด่าสาดเสียเทเสีย ทำตามคำสั่งเจ้าของร้าน ไล่ท่านผิงอันออก

“ขออภัยด้วย ร้านเล็กๆ ของเรากิจการไม่ดี ขอเชิญท่านไปหาที่อื่นที่ดีกว่าเถิด”

ท่านผิงอันเป็นชายอายุสี่สิบกว่า ร่างสูง เคราแพะ ท่าทางแบบบัณฑิตสะอาดสอ้าน พอได้ยินก็รู้สึกว่าถูกลบหลู่เกียรติอย่างมาก

“ผู้ดูแลร้าน ตอนนั้นท่านเชิญข้ามาร้านหนังสือหย่าซิน ไม่ได้บอกเช่นนี้”

“ยามนี้มิใช่ยามนั้น ตอนนั้นก็ไม่คิดว่านิยายใหม่ของท่านถึงกับถูกนักเขียนนิยายไร้ชื่อเสียงเอาชนะเสียจนยับเยินได้เช่นนี้ ทำให้ร้านหนังสือเราเสียหายอย่างมาก”

“พวกเจ้าไม่รักษาคำพูด!” ท่านผิงอันโมโหชี้หน้าผู้ดูแลร้านกู่

ผู้ดูแลร้านกู่สีหน้าเคร่งขรึม “ข้าขอเตือนท่าน จากกันด้วยดีจะดีกว่า เราสองฝ่ายจะได้ไม่ดูย่ำแย่”

ท่านผิงอันรู้ว่าจของร้านที่อยู่เบื้องหลังผู้ดูแลร้านกู่ไม่ใช่คนเมตตาอารี ได้แต่แค่นเสียงฮึ ก่อนจะหอบห่อผ้าเดินออกจากร้านหนังสือหย่าซิน

ผู้ดูแลร้านกู่เลือกเวลาออกมาขับไล่แต่เช้าตรู่ตอนร้านหนังสือชิงซงยังไม่เปิด

ท่านผิงอันถือห่อผ้ายืนอยู่บนถนน สายลมหนาวฤดูใบไม้ร่วงพัดเสียดสีกระทบกาย ก้าวไปยังร้านหนังสือชิงซง

หลิวโจวได้เสียงตบประตูก็ไปเปิดประตู “ผู้ใดกัน มาแต่เช้า…”

เห็นคนนอกประตู คนงานก็นิ่งอึ้งก่อนจะน้ำเสียงประชดอยู่ไม่น้อย “โอะ นี่ไม่ใช่ท่านผิงอันหรือ มาแต่เช้ามีธุระอันใด”

เห็นท่าทางถือห่อผ้า คงไม่ใช่ถูกร้านหนังสือหย่าซินขับไล่ออกมากระมัง

เชอะ!

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท