สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 95 วางแผน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 95 วางแผน

นายหญิงผู้เฒ่าย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักนาง จึงเอ่ยขึ้นก่อนว่า “บุตรชายข้าคือรองเจ้ากรมพระราชยานหลวง”

“ที่แท้นายหญิงผู้เฒ่าจวนรองเจ้ากรม” กู้ชางป๋อประสานมือสุภาพ “ขอบคุณนายหญิงผู้เฒ่าที่ห่วงใย ครอบครัวข้าตามมาข้างหลัง อีกสักครู่ก็มาถึงแล้ว”

ขณะที่พูดก็ได้ยินเสียงร้องของม้าดังขึ้นมาทางด้านหน้า ไต้เจ๋อขี่ม้ากลับมา “ท่านพ่อ เหตุใดม้าของท่านพ่อจึงวิ่งไปข้างหน้า”

“อยู่ๆ ก็ตื่นตกใจ”

“มิน่า ข้ายังคิดว่าท่านพ่อตามข้าไม่ทัน จึงปล่อยม้าไล่ตามไป”

สีหน้ากู้ชางป๋อเคร่งเครียด “พูดจาเหลวไหลให้น้อยหน่อย”

สายตาไต้เจ๋อจ้องมองไปที่ซินโย่วทันที “เอ๊ะ เจ้าไม่ใช่คุณหนูโค่วเจ้าของร้านหนังสือชิงซงหรือ”

ซินโย่วย่อกายเล็กน้อย “คุณชายไต้”

พวกจูซื่อเองก็พากันออกมา ต้วนอวิ๋นหลิงกับต้วนอวิ๋นหวายืนอยู่ไม่ไกลจากซินโย่ว

กู้ชางป๋อมองมาทีหนึ่ง เห็นสามสาวน้อยที่ยืนอยู่ด้วยกันกำลังอยู่ในวัยแรกแย้มพอดี รู้สึกชื่นชมความงามอย่างมาก แต่เรื่องที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าก็คือบุตรชายถึงกับรู้จักคุณหนูผู้หนึ่งในสามคนนี้

“คุณหนูโค่ว ยังไม่ได้กล่าวขอบคุณคุณหนู ขอบคุณที่มอบหนังสือให้ข้า” การได้พบกับซินโย่วอีกครั้ง ทำให้ไต้เจ๋ออารมณ์ดีไม่น้อย

เด็กสาวผู้นี้รู้จักดำรงตนจริง ทำให้เขามีหน้ามีตาต่อหน้าเจ้าจังซวี่นั่น

“คุณชายไต้เกรงใจไปแล้ว ‘วาดหนัง’ ได้รับความชื่นชมจากคุณชายไต้ ก็ถือเป็นเกียรติร้านหนังสือเราเจ้าค่ะ”

เอ่ยถึง ‘วาดหนัง’ แววตาไต้เจ๋อก็ส่องประกาย “ไม่คิดเลยว่า ‘วาดหนัง’ เล่มสองจะเหนือความคาดหมายเช่นนี้ ท่านซงหลิงร้ายกาจจริง! ใช่แล้ว หนังสือใหม่ท่านซงหลิงจะออกอีกเมื่อไร ถึงตอนนั้นข้าจะไปซื้อคนแรก”

“ยังไม่แน่ใจเจ้าค่ะ ท่านซงหลิงเป็นคนติดต่อร้านหนังสือเรามาด้วยตนเอง”

ทั้งสองคนคุยกันอยู่นั้น คนหนึ่งราวกับรอบกายไร้ผู้คน คนหนึ่งกลับวางท่าทีสง่างามเปิดเผย

สองฝั่งที่ไม่คุ้นเคยกันต่างได้แต่ตกในอาการนิ่งเงียบอึดอัด

ยามนี้รถม้าด้านหลังก็ตามมาอีกคัน คันแรกที่นำมาตกแต่งงดงาม สาวใช้สองคนเลิกผ้าม่านขึ้นเข้าไปประคองสตรีสวมเครื่องประดับผมหรูหราก้าวลงจากรถม้า

“ท่านป๋อ เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ”

ซินโย่วมองก็รู้สถานะสตรีผู้นี้ ก็คือฮูหยินกู้ชางป๋อ

“อยู่ๆ ม้าเกิดตกใจขึ้นมา”

ฮูหยินกู้ชางป๋อมองไปทางนายหญิงผู้เฒ่าอย่างสงสัย

กู้ชางป๋ออธิบาย “พอดีได้พบกับนายหญิงผู้เฒ่าจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวง ท่านลงจากรถม้าถามว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่”

นายหญิงผู้เฒ่ายิ้มทักฮูหยินกู้ชางป๋อ

ฮูหยินกู้ชางป๋อกวาดตามองคุณหนูสองสามนางแล้วก็ยิ้มเอ่ยว่า “นายหญิงผู้เฒ่าช่างมีน้ำใจอารี ท่านเองก็จะไปท่องเที่ยวธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงหรือ”

“ใช่ พาสะใภ้และหลานสาวไปท่องเที่ยวธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงที่เขาไป๋ลู่ซาน”

ได้ยินว่าเอ่ยถึงตนเอง จูซื่อก็ย่อกายเอ่ยว่า “ท่านป๋อ ป๋อฮูหยิน”

ฮูหยินกู้ชางป๋อเอ่ยทักทายตามมารยาทแล้วก็ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้นก็บังเอิญจริง พวกเราก็จะไปเขาไป๋ลู่ซาน นายหญิงผู้เฒ่า ถึงที่นั่นแล้วพวกเราค่อยสนทนากันต่อ”

นายหญิงผู้เฒ่าย่อมรู้ว่าเป็นเพียงคำพูดตามมารยาท จึงยิ้มกล่าวอำลา

แม้ว่าม้าที่ตื่นตกใจจะวิ่งตามไต้เจ๋อกลับมา แต่ฮูหยินกู้ชางป๋อรู้สึกว่าควรรอบคอบสักหน่อย เรียกสามีให้ขึ้นรถม้า และกำชับบุตรชาย “ท้องถนนผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อย่าได้ควบเร็วไป”

“ทราบแล้วขอรับๆ” ไต้เจ๋อรับคำอย่างรำคาญใจ มองไปในรถม้าของนายหญิงผู้เฒ่าทีหนึ่ง คลายบังเหียนม้าค่อยๆ ขี่ไปพร้อมกับรถม้าของฮูหยินกู้ชางป๋อ

ฮูหยินกู้ชางป๋อปล่อยม่านลง จึงได้สะดวกคุยกับกู้ชางป๋อ

“ท่านป๋อ อยู่ดีๆ ม้าตื่นตกใจได้อย่างไรเจ้าคะ”

กู้ชางป๋อเพิ่งใช้จังหวะที่ภรรยาทักทายกับนายหญิงผู้เฒ่าจวนรองเจ้ากรมไปตรวจสอบมาแล้ว ไม่พบว่าม้าตัวนั้นมีปัญหาใด จึงไม่คิดมาก “ก็ไม่นับว่าม้าตื่นตกใจ ก็แค่กระโดดสองสามทีกะทันหัน อย่างไรก็เป็นเดรัจฉาน บางครั้งก็ยากคาดเดาได้”

“ไม่บาดเจ็บก็ดีเจ้าค่ะ เจ๋อเอ๋อร์ช่างเหลวไหล ท่านป๋อยังตามใจอีก สองพ่อลูกต้องขี่ม้าเร็วกันเช่นนี้…”

“เหตุใดจึงบ่นไม่เลิกเสียที จะว่าไปม้าก็แค่กระโดดสองสามที แม้ตื่นตกใจขึ้นมาจริง ด้วยฝีมือข้าจะบาดเจ็บหรือ”

ฮูหยินกู้ชางป๋อเห็นเช่นนี้ก็เปลี่ยนบทสนทนา “เช่นนั้นนายหญิงผู้เฒ่าจวนรองเจ้ากรมก็น่าสนใจแล้ว”

“อย่างไรหรือ” กู้ชางป๋อเป็นขุนนางทหาร เคยชินกับการกระทำตรงไปตรงมา ความคิดอิสตรีพวกนี้ เขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจ

“นางเป็นหญิงชราอายุมากเพียงนี้แล้ว พาบรรดาลูกหลานหญิงออกมา หากท่านป๋อได้รับบาดเจ็บก็แล้วไป แต่เห็นอยู่ว่าไม่ได้เกิดเรื่องอันใด ยังลงจากรถม้ามาช่วยเหลือ หรือว่าเป็นเพราะความอารีเพียงอย่างเดียวจริงๆ”

“ความหมายของฮูหยินก็คือ…”

ฮูหยินกู้ชางป๋อกระตุกมุมปาก “ท่านป๋อไม่เห็นคุณหนูสามคนหน้าตากระจ่างใสนั่นหรือ”

กู้ชางป๋อรีบโบกมือ “ข้าไม่ได้คิดเรื่องอื่นใด!”

ฮูหยินกู้ชางป๋อสะอึกกึกถลึงตาใส่กู้ชางป๋อทีหนึ่ง “ท่านคิดไปถึงไหนกัน”

“เช่นนั้นเจ้าเป็นห่วงอันใด”

“ท่านป๋อลืมเจ๋อเอ๋อร์ไปแล้วหรือเจ้าคะ”

กู้ชางป๋อตกใจ “ถึงกับพึงใจเจ๋อเอ๋อร์?”

ฮูหยินกู้ชางป๋อ “…”

ครู่หนึ่งฮูหยินกู้ชางป๋อจึงได้เอ่ยว่า “แม้เจ๋อเอ๋อร์ไม่สนใจในการศึกษาเล่าเรียนมากนัก ทำอันใดก็ตามอำเภอใจไปสักหน่อย แต่เขาก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวของจวนเรา หรือว่าไม่คู่ควรให้คนบางคนคิดวางแผน”

กู้ชางป๋อคิดอย่างจริงจัง กล่าวตามตรง “คงไม่มีใครคิดทางนี้ ตั้งแต่เจ๋อเอ๋อร์อาเจียนที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน แม้แต่ข้าก็ถูกเมิ่งจี้จิ่วขับไล่ออกมา เจ๋อเอ๋อร์ก็มักจะเอาแต่เกี้ยวพาราสีสาวชาวบ้านตามท้องถนน…”

“ท่านป๋อไม่ต้องพูดแล้วเจ้าค่ะ!” ฮูหยินกู้ชางป๋อสีหน้าพลันไม่พอใจขึ้นมาทันที

มีบิดาที่ไหนเอ่ยถึงบุตรชายตนเองเช่นนี้!

เพราะคำพูดเหล่านี้ของนาง ทำให้กู้ชางป๋อเริ่มวางแผนขึ้นมา “ฮูหยินจะรักบุตรเยี่ยงไรก็ควรรู้ว่าเจ๋อเอ๋อร์อย่างไรก็น่าเป็นห่วง หากหาสะใภ้ที่สถานะเท่าเทียมกัน วันหน้าหากเขาเหลวไหล พวกเราก็จะจัดการยาก กลับกัน หากเป็นจวนรองเจ้ากรม จะอย่างไรก็ก่อกระแสคลื่นลมขึ้นมาไม่ได้”

นิสัยรักสนุกของไต้เจ๋อขึ้นชื่อทั่วเมืองหลวง กู้ชางป๋อไม่คิดแต่งสะใภ้สูงศักดิ์สถานะเท่าเทียมให้บุตรชายไปนานแล้ว ไม่เช่นนั้นหากสองตระกูลมีเรื่องผิดใจกันขึ้นมา ไม่แน่อาจส่งผลกระทบต่อองค์ชายรอง

สำหรับกู้ชางป๋อแล้ว ขอเพียงหลานชายดำรงตำแหน่งได้มั่น ผู้ใดก็ไม่มีทางร่ำรวยเกินจวนกู้ชางป๋อ บุตรชายเพียงคนเดียวแต่งภรรยา ภรรยาไม่จำเป็นต้องมาเสริมบารมีอันใด เพียงแค่อยู่ให้เป็นและสงบเสงี่ยมก็เพียงพอแล้ว

ฮูหยินกู้ชางป๋อได้ฟังก็นิ่งอึ้งไปทันที ในใจนางแม้บุตรชายนางแต่งกับองค์หญิงก็ยังคู่ควร เพียงแต่พอฟังสามีเอ่ยเช่นนี้ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล

ฮูหยินกู้ชางป๋อเริ่มหวั่นไหว น้ำเสียงอ่อนลง “เจ๋อเอ๋อร์ยังเล็ก เรื่องแต่งงานอย่างไรไว้ค่อยๆ ดูไปก็แล้วกัน”

กู้ชางป๋อเอื้อมหยิบถั่วกินไปเม็ดหนึ่ง “เขาก็ไม่เหมือนนักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนพวกนั้นที่ทุ่มเทกับการเล่าเรียน วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น มิสู้แต่งงานมีบุตรให้มากๆ เร็วหน่อยก็ดี ไม่แน่อาจรู้ความมากขึ้น ข้าว่าเขากับคุณหนูโค่วผู้นั้นก็ดูเข้ากันได้ดี เจ้าก็ถือโอกาสครั้งนี้ลองดูๆ ไว้สักหน่อย”

“คุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรม?” ฮูหยินกู้ชางป๋อหน้าบึ้งทันที “คนอื่นก็แล้วไป คุณหนูนอกนั่นได้ที่ไหนกัน”

“ทำไมหรือ”

“ได้ยินว่าตระกูลโค่วเหลือนางเพียงคนเดียว แม้แต่ญาติที่สายสัมพันธ์ใกล้สักหน่อยก็ตายกันไปหมดแล้ว ข้าไม่อยากให้เจ๋อเอ๋อร์แต่งกับหญิงสาวดวงแข็งเช่นนี้”

“ก็จริง เช่นนั้นก็มองคนอื่นเถอะ”

กู้ชางป๋อสองสามีภรรยาคุยสัพเพเหระกันไป นายหญิงผู้เฒ่าเองก็กำลังคุยกับซินโย่ว

“ชิงชิงสนิทกับซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อหรือ”

นางลงจากรถมาสนทนากับกู้ชางป๋อก็จริง แต่ไม่ได้คิดจะส่งหลานสาวให้พวกเขา!

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท