สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 96 องค์หญิงใหญ่

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 96 องค์หญิงใหญ่

นายหญิงผู้เฒ่ากำลังจับตาสังเกต ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ก็แค่ลูกค้าที่รับมือยากคนหนึ่งเท่านั้นเจ้าค่ะ”

“อ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” นายหญิงผู้เฒ่าสีหน้าผ่อนคลายลง

ซินโย่วรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายของนายหญิงผู้เฒ่าก็แอบครุ่นคิด

ดูท่าทางแล้ว นายหญิงผู้เฒ่าไม่อยากให้หลานสาวใกล้ชิดกับไต้เจ๋อ แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้นายหญิงผู้เฒ่าออกหน้าไปทักทายกู้ชางป๋อทำไมกัน คงมิใช่เป็นเพียงความหวังดีเพียงอย่างเดียวกระมัง

ซินโย่วไม่รู้สึกว่านายหญิงผู้เฒ่าที่เห็นเงินทองสำคัญกว่าหลานสาวจะเป็นคนประเภทนี้

หรือว่า…

ซินโย่วนึกถึงสายตามองประเมินของฮูหยินกู้ชางป๋อ ก็คาดเดาว่าคงไม่ใช่ว่านายหญิงผู้เฒ่าคิดวางแผนหาคู่ให้หลานสาวกระมัง

เช่นนั้นจะเป็นต้วนอวิ๋นหวา หรือว่าต้วนอวิ๋นหลิง?

การคาดเดานี้ทำให้ในใจซินโย่วเริ่มสับสน

หากนายหญิงผู้เฒ่าคิดเช่นนี้ ต้องหาโอกาสใกล้ชิดกับจวนกู้ชางป๋อ สำหรับนางแล้วนับว่าเป็นเรื่องดี

แต่การแต่งงานนี้ไม่ว่าตกอยู่ที่หญิงสาวคนใดก็พูดยาก หากเป็นพวกเห็นแก่วาสนาเงินทองยังดี แต่ถ้าเป็นพวกให้ความสำคัญกับพฤติกรรมนิสัยของสามี แต่งกับคนเช่นไต้เจ๋อก็คือหายนะ

อีกอย่างก็คือ ทันทีที่แน่ใจว่ากู้ชางป๋อก็คือคนลงมือสังหารมารดานาง นางกับจวนกู้ชางป๋อคงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง…

ซินโย่วตัดสินใจหาโอกาสสอบถามความคิดต้วนอวิ๋นหลิง หากอีกฝ่ายไม่คิดไขว่คว้าอำนาจเงินทองก็จะเตือนสักคำ ส่วนต้วนอวิ๋นหวา นางไม่ยุ่งเรื่องผู้อื่นดีกว่า

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด รถม้าก็หยุดลง ถึงเขาไป๋ลู่ซานแล้ว

ซินโย่วประคองนายหญิงผู้เฒ่าลงจากรถม้า มองไปก็เห็นไต้เจ๋อขี่ม้าตามอยู่ข้างรถม้าฮูหยินกู้ชางป๋อ

อาจเพราะบังเอิญ ไต้เจ๋อเองก็มองมาทางนี้ พอสบตากับซินโย่ว เขาก็เผยรอยยิ้มที่คิดเองว่าทรงเสน่ห์มาก

ซินโย่ว “…”

นายหญิงผู้เฒ่าก้าวเข้ามาบังสายตานั้นไว้ รอให้สะใภ้และหลานสาวมารวมกันก็เดินขึ้นเขา

กู้ชางป๋อสองสามีภรรยาก็ลงจากรถม้า เห็นบุตรชายไม่ได้หนีหายไปไม่เห็นแม้เงาเหมือนดังปกติ แต่กลับเดินรีรอไปมาอยู่ข้างกาย ในใจฮูหยินกู้ชางป๋อก็พอรู้แล้ว

หรือว่าต้องใจคุณหนูจวนรองเจ้ากรม และอาจเป็นคุณหนูนอกผู้นั้น

หากเป็นหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป ฮูหยินกู้ชางป๋อก็คงไม่เก็บมาใส่ใจ อย่างไรสองปีมานี้ก็เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นมากมายแล้ว เป็นเรื่องเป็นราวสักพักก็ผ่านไป แต่หากไปข้องเกี่ยวกับคุณหนูตระกูลขุนนางก็จำต้องแต่งเข้าจวนแล้ว

เพราะคำพูดกู้ชางป๋อก่อนหน้านี้ ฮูหยินกู้ชางป๋อจึงได้คิดตก สะใภ้สถานะด้อยกว่าสักหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่หญิงกำพร้าบิดามารดาพวกนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ในเมื่อลดเงื่อนไขลงมากที่สุดแล้ว ก็ย่อมมีตัวเลือกมากมาย พอดีจะได้อาศัยโอกาสออกมาเที่ยวครั้งนี้มองหาสักหน่อย

พอมีความคิดเช่นนี้ ฮูหยินกู้ชางป๋อก็ยิ่งไม่อยากเข้าใกล้คนจวนรองเจ้ากรม พยายามเดินให้ช้าลง

พอเห็นซินโย่วยิ่งเดินยิ่งไกลออกไป ไต้เจ๋อก็ร้อนใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านค่อยๆ เดินนะ ข้าไปเลือกตำแหน่งที่ดีก่อน…”

ฮูหยินกู้ชางป๋อคว้าตัวบุตรชายไว้ทันที “อย่าไปไหนคนเดียว วันนี้ครอบครัวเราขึ้นเขามาขอพรด้วยกัน”

ไต้เจ๋อยังคิดเอ่ยต่อ แต่ถูกกู้ชางป๋อถลึงตาใส่ “รอขึ้นไปแล้วค่อยว่ากัน!”

“อ้อ” ไต้เจ๋อรับคำอย่างเสียไม่ได้

เขาไป๋ลู่ซานไม่นับว่าสูง รูปทรงภูเขาก็มิได้สูงชัน ยอดเขามีกระโจมตั้งไว้มากมาย

นายหญิงผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ทักทายกับคนรู้จักแล้วก็เข้าไปนั่งในกระโจมที่ตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว

“ไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกสักเท่าไร พวกเจ้าไปเที่ยวกันตามสบายเถิด”

เห็นฮูหยินกู้ชางป๋อมีท่าทีตีตัวออกหากตอนอยู่เชิงเขา นายหญิงผู้เฒ่าก็รู้แล้วว่าความหวังของหลานสาวสองคนก็คงไม่มากแล้ว ก็มิใช่ว่าผิดหวัง อย่างไรหลานสาวสองคนก็มีข้อบกพร่อง คนรองมีมารดาถูกเขียนหนังสือหย่า คนที่สามเป็นบุตรสาวอนุ

สำหรับนายหญิงผู้เฒ่าแล้ว ตระกูลนี้ลองเชิงดูแล้วไม่ได้ก็เลือกเป้าหมายใหม่ ขอเพียงสำเร็จก็จะกำไร ไม่สำเร็จก็ค่อยเป็นค่อยไป ผู้ที่ตัดสินอนาคตตระกูลต้วนแท้จริงก็ยังคงเป็นหลานชายคนโตที่กำลังศึกษาอยู่ที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน

“พี่ชิง พวกเราไปทางนั้นกัน ตรงนั้นมีดอกไม้ป่าเยอะมาก” ต้วนอวิ๋นหลิงคล้องแขนซินโย่ว

ซินโย่วกำลังคิดคุยส่วนตัวกับต้วนอวิ๋นหลิง จึงตอบรับคำ ทั้งสองคนจูงกันเดินไปจุดที่มีดอกไม้ป่าแย้มบาน ทิ้งต้วนอวิ๋นหวาสีหน้าดังน้ำค้างแข็งไว้ที่เดิม

พวกนางถึงกับทอดทิ้งนางอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ ไม่ไว้หน้านางแม้สักนิด

แต่แม้ในใจจะโมโหเพียงใด ต้วนอวิ๋นหวาก็ไม่อาจตามไปคิดบัญชีได้ ได้แต่หน้าบึ้งตึงเดินไปอีกทาง

ดอกไม้ป่าปลายฤดูใบไม้ร่วงไม่ค่อยหลากหลายประเภทนัก แต่ต้นจูอวี๋มากมายออกผลกลมแดง ผลใสส่องประกายคล้ายดังทับทิมสีแดง

ต้วนอวิ๋นหลิงยกมือขึ้นเด็ดมาพวงหนึ่ง ยิ้มเริงร่าเอ่ยว่า “พี่ชิง ให้พี่”

“ขอบคุณ”

“ข้าช่วยติดผมให้พี่นะ”

ซินโย่วก้มศีรษะลงเล็กน้อย เพื่อให้ต้วนอวิ๋นหลิงเสียบพวงจูอวี๋ไว้ที่ผมนาง จากนั้นก็หักอีกพวงหนึ่งติดให้ต้วนอวิ๋นหลิง

“ขอให้พี่ชิงปลอดภัยไร้ทุกข์”

“ขอให้น้องหลิงปลอดภัยไร้ทุกข์เช่นกัน”

ทั้งสองคนมองพวงผลจูอวี๋สีแดงสดบนเรือนผมต่างก็ยิ้มให้กัน

บรรยากาศกำลังดี ซินโย่วถามขึ้นเบาๆ ว่า “น้องหลิงคิดว่าซื่อจื่อ[1]จวนกู้ชางป๋อเป็นอย่างไร”

ต้วนอวิ๋นหลิงอึ้งไป สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน “พี่ชิง พี่คงมิได้…ชอบคนเสเพลนั่นนะ”

“คนเสเพล?”

ต้วนอวิ๋นหลิงเอ่ยน้ำเสียงเบายิ่งว่า “ฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว ข้ากับพวกพี่หว่านออกไปนอกบ้านด้วยกัน ได้เห็นกับตาว่าเขาเกี้ยวพาราสีเด็กสาวข้างถนน นางโมโหจนจะแจ้งทางการ เขาก็บอกสถานะตนเองข่มขู่ผู้อื่น จากนั้นก็ทิ้งเงินก้อนหนึ่งไว้แล้วก็ไป…”

“หากให้น้องหลิงออกเรือนไปกับซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อ…”

ต้วนอวิ๋นหลิงหลุดปากออกมาทันที “ข้ายอมตายเสียดีกว่า!”

ซินโย่วแน่ใจความคิดต้วนอวิ๋นหลิงแล้วก็เบาใจ

หากต้วนอวิ๋นหลิงคิดแสวงหาความร่ำรวย นางยังต้องเปลืองน้ำลายอีกมาก

“พี่ชิง เหตุใดพี่จึงได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ มีอันใดหรือ” ต้วนอวิ๋นหลิงสงบจิตใจลงได้แล้วก็รู้สึกว่าผิดปกติ

“วันนี้บังเอิญได้พบครอบครัวกู้ชางป๋อ ข้าเป็นห่วงว่าท่านยายจะคิดจับคู่กับอีกฝ่าย หากน้องหลิงไม่มีใจ ก็พยายามหลบเลี่ยงหน่อย”

สองตระกูลต่างกันมาก แม้จวนกู้ชางป๋อยินดีเจริญสัมพันธ์กับจวนรองเจ้ากรม แต่สิทธิในการเลือกก็คืออีกฝ่าย ไม่ใช่นายหญิงผู้เฒ่าคิดอย่างไรแล้วก็จะได้อย่างนั้น ขอเพียงอย่าไปเดินผ่านหน้าฮูหยินกู้ชางป๋อ แล้วก็คอยหลบเลี่ยงไต้เจ๋อ ปัญหาก็น่าจะไม่เกิด

“ขอบคุณพี่ชิงที่เตือน ข้าจะต้องออกห่างเขาให้ไกล!”

จากนั้นต้วนอวิ๋นหลิงก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเดินเล่นแล้ว ดึงซินโย่วไปยังพื้นที่ที่มีคนน้อย

คนที่มาท่องเที่ยวเขาไป๋ลู่ซานเพื่อบอกลาความเขียวขจีเข้าสู่ฤดูหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมคิดว่าเป็นพื้นที่คนน้อย แต่ด้านหน้าพลันมีกลุ่มคนส่งเสียงดังมา ที่แท้องค์หญิงใหญ่เจาหยางมาถึงแล้ว

องค์หญิงใหญ่เจาหยางเป็นพระขนิษฐาร่วมบิดามารดาเดียวกับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เพียงคนเดียว ราชบุตรเขยจากไปแล้วก็มิได้แต่งใหม่ มีบุตรชายหนึ่งบุตรสาวหนึ่ง

ในใจซินโย่วรู้ดีว่าน่าจะเป็นท่านอาที่ท่านแม่เอ่ยถึง จึงมองไปอย่างใคร่รู้

พอมองไปนางก็ตกตะลึงจนนิ่งอึ้ง

นางกับองค์หญิงใหญ่เจาหยาง ถึงกับมีความละม้ายคล้ายคลึงกันหลายส่วน…

ความสัมพันธ์สายโลหิตนี้ทำให้ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึง ในใจซินโย่วรู้สึกมีสายใยเชื่อมโยงลุ่มลึก

องค์หญิงใหญ่เจาหยางค่อยเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับกลุ่มคนรายล้อม ข้างกายนางมีเด็กหญิงงามราวภาพวาดมองมาทางซินโย่ว ดึงแขนเสื้อองค์หญิงใหญ่เจาหยาง

“เป็นอันใดไปหรือ ฝูเอ๋อร์” องค์หญิงใหญ่เจาหยางก้มลงถาม

“ท่านแม่ พี่สาวท่านนั้นหน้าตาคล้ายท่านแม่”

เสียงเด็กน้อยกระจ่างใส สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่ซินโย่ว

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท