สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 99 โทษโบย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 99 โทษโบย

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เห็นสีหน้าองค์หญิงใหญ่เจาหยางเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึงก็ตรัสถามอย่างสงสัย “น้องพี่วันนี้ไม่ได้ออกไปท่องเที่ยวฤดูใบไม้ร่วงหรือ”

“ไปมาแล้วเพคะ”

“เช่นนั้นผู้ใดทำให้น้องพี่อารมณ์ไม่ดีกัน”

“ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อ!”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงได้ยินก็พลันปวดเศียร

เขารู้ว่าน้องสาวไม่ค่อยชอบบรรดาสนมนางในพวกนั้นของเขา แต่เป็นคนอื่นก็แล้วไป กู้ชางป๋อเป็นลุงขององค์ชายรอง แม้ไม่ให้เกียรติพระสนมซูเฟย แต่ก็ต้องให้เกียรติองค์ชายรองที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องออกไปสร้างจวนอยู่นอกวัง

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงลูบเคราสั้นไปมา “เจ้าไต้เจ๋อนั่นก่อเรื่องอีกแล้วหรือ”

พอเห็นพี่ชายแสดงท่าทีไกล่เกลี่ย องค์หญิงใหญ่เจาหยางก็แค่นเสียงเยาะ “วันนี้ฝูเอ๋อร์อยู่บนเขาไป๋ลู่ซาน เกือบเอาชีวิตไปทิ้งเพราะไต้เจ๋อ!”

“อะไรนะ” สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เคร่งเครียด แววพระเนตรเยียบเย็นขึ้นมา

ฝูเอ๋อร์เป็นหลานสาวคนเดียวของเขา

“ตอนไต้เจ๋อไปปลดทุกข์ในป่า เขาปลดทุกข์ใส่ลูกหมูป่า ทำให้แม่หมูป่าโมโหไล่กวดเขา ช่างน่าแค้นใจนัก ตอนเขาวิ่งมาทางฝูเอ๋อร์ พอใกล้ถึงก็หลบออกข้างทาง ปล่อยให้หมูป่าวิ่งใส่นาง…”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินก็ตกพระทัย รีบตรัสถามขึ้นว่า “ฝูเอ๋อร์ไม่เป็นอันใดกระมัง”

องค์หญิงใหญ่เจาหยางขอบตาแดง “โชคดีมีคุณหนูผู้หนึ่งมาช่วยไว้ได้ทัน จึงไม่เกิดเรื่อง แต่ฝูเอ๋อร์ตกใจมากเกินไป ตอนนี้ยังคงนิ่งเงียบไร้การตอบสนอง เสด็จพี่ทรงให้ความเป็นธรรมกับฝูเอ๋อร์ด้วยเพคะ”

“เหลวไหลสิ้นดี!” สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ดำยิ่งกว่าก้นหม้อดำ รีบรับสั่งให้ขันทีไปเรียกตัวกู้ชางป๋อเข้าวัง

กู้ชางป๋อกลับถึงจวนยังไม่ทันได้ตีบุตรชาย ก็มีคนในวังมาถึง รู้ทันทีว่าไม่ได้การแล้ว

“กลับมาค่อยจัดการเจ้า!”

กู้ชางป๋อทิ้งคำพูดไว้เช่นนี้แล้วก็รีบเข้าวัง

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่”

เห็นว่าองค์หญิงใหญ่เจาหยางอยู่ด้วย กู้ชางป๋อก็อดสบถในใจไม่ได้ ใจแคบเกินไปแล้ว บุตรสาวก็ไม่เป็นอันใด บุตรชายเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ เหตุใดจึงยังไม่ยอมเลิกรา แล่นมาฟ้องถึงเบื้องพระพักตร์

“กู้ชางป๋อควรอบรมบุตรชายท่านให้ดีๆ ได้แล้ว”

กู้ชางป๋อก้มกายลง “พ่ะย่ะค่ะ วันนี้บุตรชายกระหม่อมไม่ได้ตั้งใจทำให้หมูป่าโมโห แต่ทำให้บุตรีองค์หญิงใหญ่ตกใจ ควรลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ได้ตั้งใจหรือ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เลิกพระขนง

กู้ชางป๋อเงยหน้าขึ้นมองสีพระพักตร์ไม่ดีนักของฮ่องเต้ ในใจก็เต้นแรง

แล้วไม่ใช่หรือ

“ตอนบุตรชายเจ้าไปปลดทุกข์ เขาปลดทุกข์รดลูกหมูป่า แม่หมูป่าจึงได้ไล่กวดเขา!” พระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ดำคล้ำ

หากไม่ใช่เขามีชาติกำเนิดจากชาวบ้าน คำพูดเหล่านี้คงเอ่ยไม่ออก!

กู้ชางป๋ออ้าปากตาค้าง

ปลดทุกข์รดลูกหมูป่า??

ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้ชางป๋อก็โผลงคุกเข่า ยอมรับผิดด้วยใบหน้าแดงก่ำ

หากเป็นอุบัติเหตุจริง บุตรีองค์หญิงใหญ่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ขอขมาแล้วก็แล้วไป แต่หากบุตรชายก่อเรื่องเอง เรื่องราวย่อมแตกต่าง

องค์หญิงใหญ่เจาหยางมองกู้ชางป๋อขอขมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เพียงแค่มองไปทางพี่ชาย

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เองก็กริ้วหนัก สุดท้ายลงโทษปรับเบี้ยหวัดกู้ชางป๋อสามปี และรับสั่งให้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไปจับไต้เจ๋อโบยยี่สิบไม้

พอกู้ชางป๋อจากไปด้วยสีหน้าคร่ำเครียด ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ทอดพระเนตรไปทางองค์หญิงใหญ่เจา หยาง “น้องพี่อย่าได้ถือสาเจ้าคนไม่ได้เรื่องนี่ โมโหไปไม่ก็คุ้มค่า”

องค์หญิงใหญ่เจาหยางแค่นเยาะ “หม่อมฉันก็ไม่คิดถือสาหาความเขา เพียงแต่พอคิดถึงว่าหากช่วยฝูเอ๋อร์ไว้ไม่ทัน ก็คงไม่มีลมหายใจแล้ว เสด็จพี่ก็รู้ ฝูเอ๋อร์เป็นบุตรสาวที่ได้มาหลังบิดานางจากไป หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา หม่อมฉันจะทำอย่างไรเพคะ”

เอ่ยถึงตรงนี้ องค์หญิงใหญ่เจาหยางก็หลั่งน้ำตา

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรเห็นเช่นนี้ก็แอบระบายพระปัสสาสะน้อง

เดิมเขาก็มีน้องสาวคนนี้เพียงคนเดียว ราชบุตรเขยจากไปตอนยังหนุ่ม การแต่งงานอีกครั้งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่น้องสาวเขารักผูกพันกับราชบุตรเขย ไม่มีความคิดแต่งงานใหม่

คิดถึงน้องสาวที่รักผูกพันกับราชบุตรเขย ในห้วงความคิดฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็มีเงาร่างอรชรหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ตอนนั้นน้องสาวได้แต่งกับราชบุตรเขยได้ก็เพราะนาง…

ตอนนั้นไทเฮายังไม่ได้เป็นไทเฮา ปีหนึ่ง ๆ ไม่ได้พบหน้าบุตรชายสักครั้ง มีคหบดีท้องถิ่นคิดมาสู่ขอบุตรสาว หากไม่ใช่ว่าสะใภ้ใช้อุบายขัดขวางไว้ ก็คงให้บุตรสาวออกเรือนไปแล้ว

“เสด็จพี่?” รู้สึกว่าพี่ชายเหม่อลอย องค์หญิงใหญ่เจาหยางก็ขมวดคิ้ว

“อ้อ คนที่ช่วยฝูเอ๋อร์ไว้เป็นคุณหนูตระกูลใด” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลบเกลื่อนอาการเหม่อลอยด้วยการตรัสถามออกไปอย่างนั้น

“หลานสาวรองเจ้ากรมพระราชยานหลวง คุณหนูโค่ว”

“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณคุณหนูท่านนั้นให้ดี”

“ได้สั่งการให้พ่อบ้านส่งของขวัญไปแล้ว ไว้ค่อยเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ขอบคุณอีกครั้ง” องค์หญิงใหญ่เจาหยางลุกขึ้น “ไม่รบกวนเสด็จพี่แล้ว หม่อมฉันกลับไปดูฝูเอ๋อร์ก่อน”

พอองค์หญิงใหญ่เจาหยางไปแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ตรัสสั่งขันที “เลือกผ้าและเครื่องประดับสองสามอย่างส่งไปจวนรองเจ้ากรม พระราชทานให้คุณหนูโค่วผู้นั้น”

ขันทีรับพระบัญชาออกไป

ผู้ทำหน้าที่ลงทัณฑ์ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อก็คือเฮ่อชิงเซียว

กู้ชางป๋อกลับถึงจวนก่อน

“ไต้เจ๋อล่ะ!”

ฮูหยินกู้ชางป๋อเห็นสีหน้าโมโหเดือดดาลของสามีก็เอ่ยอย่างไม่พอใจ “เจ๋อเอ๋อร์รู้ผิดแล้ว กลับมาก็เข้าไปอ่านหนังสืออยู่ในห้อง หรือท่านป๋อจะโบยเขาให้ได้เจ้าคะ”

กู้ชางป๋อโมโหจนแค่นเสียงเยียบเย็น “ข้าโบยหรือ ตอนนี้ไม่ต้องให้ข้าลงมือ กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจะมานำตัวไปโบยเองแล้ว!”

ฮูหยินกู้ชางป๋อได้ยินก็นิ่งอึ้งไปทันที “เหตุใดจึงมีเรื่องไปถึงกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเจ้าคะ”

“เจ้าถามเจ้าเดรัจฉานดูเอา! เจ้ารู้ไหมว่ามันทำให้หมูป่าคลั่งได้อย่างไร มันฉี่ใส่รังลูกหมูป่า!”

ไต้เจ๋อถูกคนตามตัวมาถึงก็เถียงคอเป็นเอ็น “ท่านพ่ออย่าได้ฟังแค่คำพูดฝ่ายเดียว องค์หญิงใหญ่มีหลักฐานอันใด!”

กู้ชางป๋อยกเท้าถีบใส่ทันที “หลักฐาน? คนจวนองค์หญิงใหญ่แบกลูกหมูป่ามารออยู่นอกวัง พอเห็นข้าออกมาก็เลิกผ้าที่คลุมไว้ให้ข้าดม! เจ้าเดรัจฉาน องค์หญิงใหญ่คงไม่ได้คิดใส่ความเจ้าจนสร้างหลักฐานเท็จกระมัง”

แม้เบี้ยหวัดสามปีทำให้ปวดใจยิ่ง แต่เทียบกับเรื่องนี้ที่จะแพร่ออกไปแล้ว รุนแรงกว่ามาก

เดิมเขาคิดว่าเจ้าบัดซบอาเจียนที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ทำให้เขาพลอยโดนขับไล่ออกมาด้วย เป็นเรื่องที่เขาเสียหน้าที่สุดในชีวิตนี้ ให้ตายก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเสียหน้ายิ่งกว่านั้นได้อีก

ไต้เจ๋อไม่ยอมรับชะตากรรมเช่นนี้ เห็นกู้ชางป๋อโมโหคุกรุ่นก็วิ่งหนี สองพ่อลูก คนหนึ่งวิ่ง คนหนึ่งไล่ตาม จนกระทั่งมีคนมารายงานว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมา

ไต้เจ๋อยังคิดวิ่งหนี ทว่าถูกกู้ชางป๋อตวาดให้หยุด “เจ้าเดรัจฉาน เจ้าคิดขัดราชโองการหรือ!”

ไต้เจ๋อไม่อาจขัดขืนอีก เขารู้ผลของการขัดราชโองการดี จึงยืนนิ่งไม่ขยับ

กู้ชางป๋อยกเท้าเตะทีหนึ่ง ไต้เจ๋อก็โผไปตรงหน้าเฮ่อชิงเซียว

เฮ่อชิงเซียวจ้องมองที่เท้า นิ่งเงียบมองไปทางกู้ชางป๋อ

กู้ชางป๋อเอ่ยทักทายสีหน้าเฝื่อน

“ท่านป๋อจะมองอยู่ข้างๆ หรือว่าจะหลบไปก่อน” เฮ่อชิงเซียวสอบถามอย่างมีมารยาท

กู้ชางป๋อโบกมือ แสดงท่าทีว่าไม่อยากมอง เฮ่อชิงเซียวจึงโบกมือให้ลูกน้อง “นำตัวซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อออกไปได้”

กู้ชางป๋อนิ่งอึ้งไปทันที “ใต้เท้าเฮ่อจะพาบุตรชายข้าไปที่ใด”

เฮ่อชิงเซียวประสานมือตอบ “ข้าน้อยรับพระบัญชา ให้ดำเนินการนอกประตูจวน”

กู้ชางป๋อหน้ามืดโงนเงน

ไม่นานนอกประตูใหญ่จวนกู้ชางป๋อก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนสุดอนาถดังสุกรถูกเชือดของไต้เจ๋อ

“โอ๊ย เจ็บจะตายแล้ว! เจ้าแซ่เฮ่อ วันหน้าข้ากับเจ้าไม่อาจอยู่ร่วมโลก! โอ๊ย…”

คล้ายว่าพริบตาเดียวก็มีคนมามุงดูกันเต็มมืดไปหมด ยังมีคนมากมายบ้างก็เปิดประตู บ้างก็เปิดหน้าต่างออกมาดูว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น

เรื่องซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อรังแกลูกหมูป่าทำให้แม่หมูป่าไล่กวด ยังไม่ทันตะวันตกดินก็แพร่ไปทั่วตรอกซอกซอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท