ตอนที่ 889 ท่วมท้นด้วยพลัง
ในพริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยมาถึงกลางเดือนเมษายน ฟางจั๋วหรานคำนวณถึงระยะเวลาที่หลินม่ายพักฟื้นแล้วก็พบว่าเป็นเวลากว่าสามเดือน
ร่างกายของเธอเกือบจะฟื้นตัวเหมือนเดิม และเขาควรจะสามารถมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับเธอได้อีกครั้ง
คืนนั้น หลังจากอาหารค่ำ ทั้งคู่ก็ขึ้นไปชั้นบน
หลินม่ายนั่งลงบนเตียงและดึงเสื้อขึ้น เผยให้เห็นทรวงอกกลมสองเต้า มู่ตงตัวน้อยในอ้อมแขนยื่นมือน้อยออกไปคว้าและงับดูดนมทันที
เจ้าตัวเล็กดูเหมือนจะทำงานหนักทุกครั้งที่ดื่มนม จนเกิดเสียงดังมูมมาม
ไม่น่าแปลกใจที่มีคำพูดที่เรียก เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยิ่งแข็งแรง
ฟางจั๋วหรานจ้องไปยังหน้าอกของหญิงสาวอย่างตั้งใจ เหมือนกับสัตว์ป่าหิวกระหาย
หลินม่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อน
ด้วยความกังวล เธอมองเขาอีกครั้ง และพบประกายแสงสีเขียวในดวงตาของเขา
เธอถามอย่างระแวดระวัง “ทำไมคุณถึงจ้องมองฉันแบบนั้นล่ะ?”
ราวกับเข้าใจอีกฝ่ายในเวลาต่อมา เธอพูดด้วยความตกใจว่า “คุณไม่ได้คิดจะแย่งกินนมของลูกชายใช่ไหม”
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ เธอก็รีบหันตัวไปอีกทางและหันหลังให้ฟางจั๋วหราน เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเห็น
หลินม่ายปกป้องยุ้งฉางของลูกชายอย่างจริงจัง
ฟางจั๋วหรานจิ๊ปากอย่างช่วยไม่ได้ เขาเป็นแค่ศาสตราจารย์ธรรมดา แต่เธอกลับต่อเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นสัตว์ร้าย
เช่นนั้นเขาจะแสดงให้เธอได้เห็นว่าสัตว์ร้ายที่แท้จริงเป็นอย่างไร
ทันทีที่ทารกกินนมอิ่ม ฟางจั๋วหรานรีบอุ้มเขาออกจากอ้อมแขนหลินม่ายและวางลงบนเปลเด็ก
มู่ตงตัวน้อยถูกพ่อบังคับพาออกจากอ้อมกอดแม่ จึงเบะปากและกำลังจะร้องไห้ ทว่าฟางจั๋วหรานกลับยื่นของเล่นที่เพิ่งซื้อให้เขาสองชิ้น
เมื่อเจอของเล่นใหม่ มู่ตงตัวน้อยก็ลืมร้องไห้และเล่นกับของเล่นอย่างมีความสุข
ฟางจั๋วหรานโยนหลินม่ายลงบนเตียง เสียงนุ่มลึกกระซิบอยู่ข้างหูของหญิงสาว “ผมไม่ได้อยากแย่งนมของลูกหรอก ผมแค่อยากกินคุณ”
หลังจากนั้น จูบแสนเร่าร้อนของเขาก็กดลงบนริมฝีปากสีชมพูของหลินม่าย
หลินม่ายผลักเขาออกอย่างแรงและพูดด้วยความอาย “ลูกชายกำลังดูอยู่นะคะ”
ฟางจั๋วหรานหันมองยังเปลเด็ก เด็กน้อยจ้องมองมาทางพวกเขาพลางโบกของเล่นในมือ ทำเสียงอ้อแอ้ราวกับตะโกนให้กำลังใจ
การทำแบบนี้ต่อหน้าลูกคงไม่เหมาะสมจริง ๆ
ฟางจั๋วหรานลุกขึ้นจากเตียง อุ้มลูกน้อยแล้วเดินออกไป
หลินม่ายรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วถามตามหลังไปว่า “คุณจะเอาลูกไปไหน?”
“ให้น้าทังและคนอื่น ๆ ช่วยดูแลก่อน”
ภายในไม่กี่นาที ฟางจั๋วหรานกลับเข้าห้องมามือเปล่า
หลินม่ายคิดในใจ ผู้ชายเป็นสัตว์ร้ายจริงด้วย พวกเขาโยนลูกชายให้คนอื่นได้เพียงเพื่อความสุขของตัวเอง
เธอต้องการถามว่าลูกชายร้องไห้งอแงหรือไม่ แต่ฟางจั๋วหรานกลับทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง
ศาสตราจารย์กลายเป็นสัตว์ร้าย ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่พายุอันเร่าร้อนจะพัดโหมอยู่ภายในห้องแห่งนี้
หลินม่ายประสบกับฝนหลังจากแห้งแล้งเป็นเวลานาน แม้มันเกือบจะทำให้เธอสำลัก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้เธอมีความสุขมาก
การได้ทำสิ่งที่มีความสุขกับคนที่คุณรักถือเป็นความสุขอย่างแท้จริง
หลินม่ายนอนอยู่ในอ้อมแขนของฟางจั๋วหรานอย่างพึงพอใจ ถูน่องของเธอกับขาของชายหนุ่มราวกับแมวน้อยขี้เกียจ
ฟางจั๋วหรานคิดว่าเธอยังต้องการมัน ดังนั้นเขาจึงลูบขาเธอเพื่อบอกเป็นนัย
ผู้หญิงมักจะอายในเรื่องนี้เสมอ
เขาโอบกอดภรรยาตัวน้อยแสนอ่อนนุ่มของเขาไว้ในอ้อมแขนสักครู่ ก่อนจะพลิกตัวและเริ่มดำเนินการต่อ
ใบหน้าของหลินม่ายซีดลงด้วยความตกใจ
ตอนนี้เธอยังไม่ฟื้นตัวจากครั้งแรกเลย!
เธอรีบชูสองนิ้วเพื่อสะกิดหน้าอกอันแข็งแกร่งของฟางจั๋วหรานเพื่อหยุดการโจมตีไว้กลางคัน “ครั้งเดียวไม่พอเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่พอ!” หลังจากที่ชายคนนั้นพูดจบ เขาก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง
หลินม่ายถูกบดขยี้จากทุกทิศทุกทาง เผชิญกับแรงกดดันอย่างไม่หยุดยั้ง เธอถูกโยนและพลิกตัวหลายครั้ง ในท้ายที่สุด เมื่อเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาว และเธอก็ตื่นตากับความรู้สึกถึงสุขสมหมาย
ยามเมื่อสิ้นสุดกิจครั้งแรก เธอแทบหมดลมหายใจ บัดนี้เธอกำลังจะตาย
เธอเอียงศีรษะและพูดกับจั๋วหรานว่า “คืนนี้พายุรุนแรงมาก”
ฟางจั๋วหรานพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณเรียกสิ่งนี้ว่าพายุเหรอ? งั้นผมจะแสดงให้คุณเห็นเองว่าพายุที่แท้จริงคืออะไร”
หลินม่ายหญิงแกร่งในโลกธุรกิจพลันตกใจจนแทบอยากวิ่งหนี
ฟางจั๋วหรานคว้าตัวเธอไว้ได้ก่อน
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะโดนบดขยี้อีกรอบ โทรศัพท์ข้างเตียงก็ดังขึ้น
ราวกับหลินม่ายได้เห็นแสงสว่าง เธอรีบหยิบมันขึ้นมาเพื่อรับสาย
เป็นโทรศัพท์จากเถาจืออวิ๋น
หลินม่ายส่งสัญญาณให้ฟางจั๋วหรานหยุดสร้างปัญหาเงียบงัน เพื่อที่เถาจืออวิ๋นจะไม่ได้ยินเสียงอันไม่เหมาะสมใด ๆ
จากนั้นฟางจั๋วหรานก็ปล่อยเธอด้วยรอยยิ้ม
เถาจืออวิ๋นถามทางโทรศัพท์ว่า หัวหน้านักออกแบบของเครื่องประดับไป๋เหอถอนตัวกลางอากาศใช่ไหม
หลินม่ายตอบว่าใช่ และถามว่าเหรินเป่าจูบอกหล่อนหรือ
เธอสองคนคุยโทรศัพท์เรื่องงานกันบ่อยครั้ง
เหรินเป่าจูเป็นผู้บอกเถาจืออวิ๋นเกี่ยวกับข่าวในหลายบริษัท
เถาจืออวิ๋นส่งเสียงตอบกลับเป็นการยืนยัน ก่อนบอกว่าหล่อนได้พบกับนักเรียนจีนจำนวนมากที่ศึกษาในอิตาลี
บางคนเรียนที่ต่างประเทศด้วยทุนรัฐบาล และบางคนเรียนมาเรียนต่างประเทศด้วยเงินทุนของตัวเอง
หล่อนรู้จักนักศึกษาชาวจีนผู้ออกเงินด้วยตัวเองและมาเรียนออกแบบเครื่องประดับในต่างประเทศหลายคน
จีนในทศวรรษที่ 1980 มีความต้องการผู้มีความสามารถดังกล่าวน้อยมาก
นักเรียนเหล่านี้กังวลว่าจะหางานไม่ได้เมื่อกลับไป เถาจืออวิ๋นจึงต้องการแนะนำให้พวกเขารู้จักกับหลินม่าย และถามหลินม่ายว่าต้องการหรือไม่
แน่นอนว่าหลินม่ายต้องการ
แม้ว่าเธอจะสามารถลอกเลียนรูปแบบเครื่องประดับของจากชีวิตก่อนได้ แต่การลอกเลียนแบบมีขีดจำกัด ขณะที่นักออกแบบสามารถออกแบบสิ่งแปลกใหม่
อย่างไรก็ตาม หากเถาจืออวิ๋นแนะนำนักเรียนผู้มีพรสวรรค์ให้เธอมากเกินไป เธออาจไม่สามารถรับพวกเขาได้ทั้งหมด
เถาจืออวิ๋นบอกว่า เธอเลือกหัวกะทิไว้ให้ห้าคน
หากเป็นจำนวนแค่ห้าคนคงไม่เป็นไร
วันต่อมา หลินม่ายโทรหาเยวี่ยกั๋วเวยเพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับความตั้งใจของเถาจืออวิ๋นที่อยากแนะนำนักออกแบบที่มีประสบการณ์เรียนรู้จากต่างประเทศหลายคนสำหรับเครื่องประดับไป๋เหอ
เยวี่ยกั๋วเวยมีความสุขมาก เขาไม่เคยจ้างนักออกแบบที่เชื่อถือได้ การแนะนำของเถาจืออวิ๋นอาจกล่าวได้ว่าเป็นการช่วยชีวิตอย่างทันท่วงที
เยวี่ยกั๋วเวยบอกหลินม่ายผ่านทางโทรศัพท์ว่า เป่าตี๋ลาผลิตเครื่องประดับหลายชิ้นตามภาพวาดของเหมิงตาน และยังวางแผนที่จะโฆษณาผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน
หลินม่ายพูดขึ้น “ถ้าพวกเขาโฆษณา เราก็จะโฆษณาเหมือนกัน เรามีตัวอย่างเครื่องประดับที่ฉันให้คุณผลิตไหม?”
เยวี่ยกั๋วเวยบอก “มันถูกผลิตออกมาแล้วครับ”
หลินม่ายขอให้เขาใช้เงินราวหนึ่งถึงสองพันหยวนเพื่อว่าจ้างหญิงสาวหน้าตาสวยหวานมาถ่ายทำโฆษณา แทนที่จะจ้างดาราดังในราคาสูงลิ่ว
ทุกวันนี้การจ้างดาราใหญ่มาถ่ายโฆษณาไม่ใช่ราคากะหล่ำปลีเหมือนเมื่อ 2 ปีที่แล้วอีกต่อไป
แต่การเชิญนักแสดงหน้าใหม่ยังคงเป็นราคาเท่ากะหล่ำปลี
ไม่กี่วันต่อมา โฆษณาเครื่องประดับเป่าตี๋ลาและไป๋เหอออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน
แต่รายการหนึ่งออกอากาศในช่วงเวลายอดนิยม และอีกรายการออกอากาศในช่วงนอกเวลายอดนิยม
คนหนึ่งใช้ดาราดังในการถ่ายทำโฆษณา อีกคนใช้นักแสดงหน้าใหม่
โฆษณาของเป่าตี๋ลาที่ได้ออกอากาศในช่วงเวลายอดนิยม พวกเขาใช้ดาราดังมาถ่ายทำ แถมราคาถูกกว่าเครื่องประดับไป๋เหออีกด้วย
ด้วยข้อได้เปรียบหลักทั้งสามประการ ยอดขายของพวกเขาจึงถล่มทลายยิ่งกว่าเครื่องประดับไป๋เหอมาก
เยวี่ยกั๋วเวยกระวนกระวายมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เขาคิดแต่เพียงว่าจะฝ่าฟันไปได้อย่างไร
แต่ก่อนที่เขาจะคิดหาทางออกที่ดีได้ สถานการณ์ก็กลับตาลปัตร
ยอดขายในเคาน์เตอร์ของห้างสรรพสินค้าและธุรกิจค้าส่งทั้งหมดบนถนนฮั่นเจิ้งกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน และอัตราการเติบโตก็ค่อนข้างมีนัยสำคัญ
แม้ว่าเครื่องประดับไป๋เหอจะไม่ได้เชิญดาราดังมาถ่ายทำโฆษณา และโฆษณายังอยู่นอกช่วงเวลายอดนิยม แถมราคาแพงกว่า
ทว่าด้วยสไตล์อ่อนหวานและสวยงาม คุณภาพเครื่องประดับยอดเยี่ยม ถึงแม้ราคาจะไม่ถูก แต่หญิงสาวหลายคนก็ยังยอมจ่ายแพงเพื่อซื้อมัน
การสวมใส่เครื่องประดับดังกล่าวให้ความรู้สึกมีระดับและสามารถสวมใส่ได้นานหลายปี เทียบไม่ได้กับสินค้าราคาถูกเหล่านั้น
เครื่องประดับเป่าตี๋ลาได้รับความนิยมเพียงหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่มันจะถูกบดขยี้ด้วยเครื่องประดับไป๋เหอ
ตอนนี้ถึงคราวจูต้าจ้วงผู้อำนวยการโรงงานเป่าตี๋ลาที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ
ตั้งแต่การเฟ้นหาผู้มีพรสวรรค์ไปจนถึงการว่าจ้างคนดังของวงการเพื่อมาเป็นพรีเซนเตอร์ ไปจนถึงการโฆษณาสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนในช่วงเวลายอดนิยม พวกเขาได้ลงทุนไปแล้วกว่า 300,000 หยวน
จำนวนเงินกว่า 300,000 หยวนเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยสำหรับว่านทงกรุ๊ปที่มีหลักทรัพย์หลายสิบล้าน
แต่สำหรับองค์กรเอกชนส่วนใหญ่อื่นๆ เงินจำนวนนี้ถือเป็นครึ่งหนึ่งของทรัพย์สิน หรืออาจเป็นทั้งหมดที่พวกเขามี
เงินลงทุนมากกว่า 300,000 หยวนในช่วงแรกถือเป็นมูลค่าสุทธิส่วนใหญ่ของเป่าตี๋ลา
หากเขาไม่สามารถหาเงินกลับมาได้ เป่าตี๋ลาจะถูกไป๋เหอขุดหลุมฝังอีกครั้ง
แต่ปัญหาคือ หากเป่าตี๋ลาถูกบดขยี้เป็นครั้งที่สอง พวกเขาอาจไม่มีโอกาสกลับมา
จูต้าจ้วงกระวนกระวายใจมาก แล้วยังตำหนิเหมิงตานที่ไม่สามารถออกแบบเครื่องประดับได้ดีเหมือนกับเครื่องประดับไป๋เหอ แล้วยังสงสัยว่าหล่อนไม่ได้นำผลงานการออกแบบของเครื่องประดับไป๋เหอที่ยังไม่ได้เผยแพร่ออกจากโรงงาน
เหมิงตานย้ำว่าหล่อนได้นำผลงานการออกแบบทั้งหมดออกมาแล้ว
จูต้าจ้วงถามด้วยเสียงเย็นชา “คุณบอกว่านำผลงานออกแบบออกมาทั้งหมดแล้ว แล้วเครื่องประดับไป๋เหอจะสามารถเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีรูปแบบต่างออกไปในเวลาใกล้เคียงกับเราได้อย่างไร แทบไม่ต้องพูดถึงสไตล์เหล่านั้น ต่อพวกเขาออกแบบโดยนักออกแบบคนใหม่ของเครื่องประดับไป๋เหอ แต่ผมได้ถามคนที่เกี่ยวข้องแล้ว ผลงานออกแบบใหม่ที่เครื่องประดับไป๋เหอเปิดตัวในครั้งนี้ล้วนผลิตออกมาก่อนที่พวกเขาจะว่าจ้างนักออกแบบ”
เหมิงตานพูดไม่ออก
หล่อนไม่สามารถบอกจูต้าจ้วงได้ว่า หลินม่ายเก่งด้านการออกแบบเครื่องประดับเช่นกัน
เครื่องประดับส่วนใหญ่ที่หล่อนออกแบบก่อนหน้านี้ล้วนได้รับการปรับปรุงรูปแบบโดยฝีมือหลินม่าย และบางชิ้นได้รับการออกแบบโดยหลินม่ายเอง แต่เหมิงตานแสร้งทำเป็นว่าหล่อนเป็นคนออกแบบ
หล่อนได้แต่ขอร้องให้จูต้าจ้วงให้โอกาสเธออีกครั้ง และผลงานครั้งต่อไปจะต้องเอาชนะเครื่องประดับไป๋เหอได้แน่นอน
จูต้าจ้วงยอมตกลงด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
เขาจะทำอะไรได้อีกหากไม่ยอมตกลง ท้ายที่สุดเขาจ่ายเงินราคาสูงลิ่วเพื่อจ้างเหมิงตาน เขาจึงต้องการทดสอบดูว่าหล่อนมีพรสวรรค์จริงหรือไม่
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่หมอไปอดอยากปากแห้งมาจากไหนคะเนี่ย พอได้โอกาสก็รีดม่ายจื่อจนแห้งเลยนะคะ
แล้วจะได้รู้กันว่ากระดูกคนละเบอร์มันคืออะไร อุตส่าห์ไปฉกตัวนักออกแบบเขา แต่ท้ายที่สุดเขากลับดังกว่าตัวเองอีก
ไหหม่า(海馬)