ตอนที่ 13-2 แรงจูงใจ
“ขันทีไห่ ท่านคงจะทราบดีอยู่แล้วว่า หากผู้ใดต้องการที่จะอยู่ รอด ผู้นั้นก็จําเป็นที่จะต้องลุกขึ้นสู้
แต่การต่อสู้นั้นจะต้องมีชัยชนะ เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ได้โดยมิมีสิ่ง กีดขวาง
หรือท่านจะกล่าวว่า ยังมิเข้าใจในสิ่งเหล่านี้”
จากนั้นชางอู๋ซินได้ถอนหายใจด้วยความเสียใจ
จากนั้นขันทีไห่จึงกล่าวว่า
“เป็นสิ่งที่ปฏิเสธมิได้ว่า รัชทายาทได้รับการปฏิบัติที่มิเป็นธรรม มานานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านคือผู้สืบทอดตําแหน่งจักรพรรดิ จึงมีสิทธิ์ที่จะแย่งชิงบัลลังก์นั้น!”
ขันทีไห่เชื่อมั่นในตัวของรัชทายาทโดยมองข้ามความจริงที่ว่าองค์รัชทายาทผู้นี้มิได้เป็นผู้ชาย
และถึงแม้จะรู้ เขาก็ยังยินดี และเต็มใจที่จะสนับสนุนพระองค์
องค์รัชทายาทผู้นี้มีความเหมาะสมมากที่สุดที่จะได้ครอบครองบัลลังก์มังกร
ชางอู่ซินโบกมือเป็นสัญลักษณ์ให้ออกไปขณะที่กล่าวว่า
“จัดการขับไล่สายลับในบ้านออกไปให้หมด หากมีผู้ใดขัดขืนก็ เพียงฆ่าพวกเขาเสีย”
นางเป็นผู้ที่โหดร้าย และเลือดเย็น ชีวิตกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าสําหรับนางและในตอนนี้นางเริ่มมิแน่ใจแล้วว่าตนเองหวาดกลัวความตายหรือไม่?
ขันทีไห่พยักหน้าและรีบเดินออกไปทันที
ผู้คนทั่วไปคงมิมีผู้ใดทราบว่า ภายใต้รูปลักษณ์ที่สง่างามและเงียบขรึมเช่นนี้มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้นอยู่บ้าง
“รัชทายาท!”
อู๋เหว่ยเดินเข้ามาในห้องด้วยอาการรีบร้อน
และความยําเกรงในแววตาของนางได้เพิ่มมากขึ้น เมื่อจ้องมองไปยังรัชทายาทรูปงามตรงหน้า
หลังจากฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จากหนังสือหายากเล่มนั้น ความสามารถของนางก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างมากทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเขา
อู๋เหว่ยจ้องมองไปยังรัชทายาท ผู้ซึ่งขณะนี้กําลังนั่งหลับตาอย่าง เงียบสงบ
เมื่อเห็นดังนั้น นางจึงถอยไปยืนด้านข้าง และใช้เวลารอนานสี่ชั่ว โมงกว่าเขาจะลืมตาขึ้นมา
แต่เมื่อเห็นแววตาคู่นั้น อู๋เหว่ยจึงรู้ได้ในทันทีว่า เขามิได้นอนหลับ เพราะดวงตาคู่ของเขาชัดเจนและแจ่มใสมากเกินไป
“รัชทายาท จักรพรรดิได้คัดเลือกราชครสองคนสําหรับท่าน”
อู่เหว่ยรายงานราชโองการของจักรพรรดิที่ถูกประกาศในวันนี้
เนื่องจากรัชทายาทอ่อนแอและขี้ขลาดตั้งแต่วัยเยาว์ นางจึงมิได้เข้าเรียนร่วมกับองค์ชายและองค์หญิงอื่น ๆ
นางรู้วิธีเขียนหนังสือเพียงเพราะขันทีไห่สอนนาง
ดังนั้นสิ่งนี้น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่รัชทายาทสมควรจะมีที่ปรึกษา
และบรรดารัชทายาทของราชวงศ์ก่อนหน้าทั้งหมดจําเป็นต้องมีราชครูที่น่านับถือสองคนอยู่เคียงข้าง
นางมิเคยคาดคิดว่าจักรพรรดิจะหาราชครูถึงสองคนให้กับเขา –
ความใส่ใจเช่นนี้ อาจทําให้ผู้อื่นคาดเดาเกี่ยวกับความตั้งใจของจักรพรรดิ
“โอ้? พวกเขาคือผู้ใดกัน?”
ชางอู๋ซินเอ่ยถามอย่างมิใส่ใจ
“ หนึ่งในนั้นคือฮวนม่อเฉอ บุตรชายเพียงผู้เดียวของท่านอํามาตย์ฝ่ายซ้าย
และเขาเป็นที่ชื่นชมในแวดวงขุนนางอีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งทางด้านวิชาการและเพลงดาบ
แม้ว่าจักรพรรดิจะพยายามทาบทามหลายครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะเข้ามาเป็นขุนนางในราชสํานัก
และแม้ว่าองค์ชายและองค์หญิงบางคนต้องการให้ชายผู้นี้เป็นมาเป็นที่ปรึกษาแต่เขาก็ปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด
คนผู้นี้มีความหยิ่งยโสมิใช่น้อย!
แต่เมื่อจักรพรรดิต้องการคัดเลือกอาจารย์มาสอนพิเศษให้กับองค์รัชทายาท
คุณชายผู้นี้กลับเสนอตัวโดยมิมีผู้ใดคาดคิดมาก่อน
รัชทายาทข้าเกรงว่าอาจมีแรงจูงใจบางอย่างแอบแฝงอยู่”
อู๋เหว่ยเปล่งความสงสัยของตนเองออกมา
ชายหนุ่มผู้มีความหยิ่งยโสเช่นนั้น เหตุใดจึงต้องการเป็นอาจารย์สอพิเศษของรัชทายาทอย่างกระทันหัน?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจมีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่
“เจตนาร้ายหรือไม่ มันมิใช่สิ่งที่สําคัญ
เพราะที่ประทับของรัชทายาทยินดีต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยไมตรีจิตเสมอ”
ชางอู๋ซินกล่าวขณะที่ใช้มือจับเครื่องประดับหยกในมือของนาง
มิว่าผู้ใดจะเข้ามาในตําหนักด้วยเป้าหมายใดนางก็มิมีความกังวลใจ
แต่คงต้องกังวลใจแทนพวกเขาว่าจะสามารถมีชีวิตรอดกลับออกไปหรือไม่
“ราชครูอีกท่านคือแม่ทัพหนุ่มที่กลับมาจากชายแดนได้เพียงมินาน
เขามีชื่อว่า เล้งยู่เฟิง แม้ว่าเขาจะอายุเพียงแค่ยี่สิบสี่ปี แต่เขาก็มี ตําแหน่งแม่ทัพแล้ว
ทหารที่ประจําการอยู่ที่ชายแดนมีความเคารพสูงสุดต่อเขา
ความรุ่งเรืองทางทหารของเขาเป็นที่ประจักษ์ในสายตาของหลายแคว้นซึ่งเขาเคยไปสู้รบด้วย
บุคคลนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์มากสําหรับรัชทายาท
แต่เขาเป็นเหมือนม้าปาที่ฝึกได้ยากซึ่งขากลัวว่าการจะควบคุมเขาคงจมิใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก”
อู๋เหว่ยเดินมาด้านข้างของรัชทายาทขณะที่ยกน้ำชามาวาง
ชางอู๋ซินยิ้มเล็กน้อย ขณะที่จ้องมองไปยังอี้เหว่ยและกล่าวว่า
“ไม่เลว ความคืบหน้าล่าสุดของเจ้าค่อนข้างรวดเร็ว”
ในตอนที่นางเริ่มงานอู๋เหว่ยยังด้อยประสบการณ์ และมิค่อยมีความมั่นใจในตนเอง
และตอนนี้มีเพียงแต่ศิลปะการต่อสู้ของนางจะยอดเยี่ยมเท่านั้น
แต่นางยังสามารถจัดการกับงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ขอบคุณรัชทายาทที่กล่าวชม”
อู๋เหว่ยมีความรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากการยกย่องของรัชทายาท
ทําให้นางรู้สึกว่าความพยายามอย่างมากในทุกวันนี้ช่างมีความคุ้มค่า
หากมิใช่เพราะเขามักจะให้คําแนะนํากับนาง รวมทั้งให้ความไว้วางใจ ก็คงจะเป็นการยากที่นางจะรุดหน้าไปได้มากถึงเพียงนี้
ดังนั้น องค์รัชทายาทคือผู้มีพระคุณของนาง
“อืม ไปกับข้าเพื่อตรวจดูผู้คนที่ขันทีไห่ฝึกเอาไว้”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว ชางอู๋ซินจึงลุกขึ้น และเดินออกจากห้องไป