ตอนที่ 14-1 ผู้ใต้บังคับบัญชา
ผู้ใต้บังคับบัญชาในชุดสีดํายืนอยู่ในลานที่กว้างขวางด้านหลังตําหนักที่ประทับขององค์รัชทายาท
บริเวณนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลและอยู่ห่างไกลจากพระตําหนักมากพอสมควร
มันถูกทิ้งไว้ให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า โดยมิมีผู้ใดมาจัดการและดูแลเลย
ดังนั้นหัวหน้าขันที่ไร่จึงรวบรวมผู้คนเอาไว้ที่นั่น
วันนี้ชางอู่ซินสวมเสื้อคลุมสีดําสนิทนางย่างก้าวด้วยความสง่างามโดย มิมีความรีบร้อนแต่อย่างใด
ในขณะที่เรือนร่างของนางเปล่งประกายรัศมีอันงดงามและใบหน้านั้นเปรียบเสมือนน้ําแข็งที่มิสามารถหลอมละ ลายได้
การได้เผชิญหน้ากับผู้ที่มีอํานาจวาสนาสูงส่งเช่นนี้
ทําให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์เหล่านั้น มีความรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขากําลังสั่นไหวด้วยความตื่นเต้นอย่างหาที่เป รียบมิได้
“องค์รัชทายาททรงพระเจริญ!”
ขันที่ไห่และคนอื่น ๆ คุกเข่าลงพร้อมกันทันที ขณะที่น้ําเสียงของพวกเขามีความเคารพนบนอบเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ชางอู๋ซินมีความรู้สึกพึงพอใจกับการกระทําของพวกเขาเช่นเดียวกัน
แม้ว่านางจะรู้ว่าขันที่ให้ได้ฝึกฝนผู้คนมากมายแต่นางมิได้คาดหวังว่า จะมีมากมายถึงเพียงนี้
นอกจากนี้ศิลปะการต่อสู้ของแต่ละคนก็ค่อนข้างดี
ในการฝึกกองกําลังให้ได้มาตรฐานนั้นจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และความจะต้องมีสามารถสูง
ทําให้ชางอู๋ซินตระหนักถึงความสําคัญของหัวหน้าขันที่ไห้เพิ่มมากขึ้น
ลุกขึ้นได้
นางแสดงท่าที่ให้พวกเขาลุกขึ้นจากนั้นจึงกวาดสายตาไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนอย่างละเอียดลออ
นางเดินผ่านผู้ใต้บังคับบัญชาทีละคนอย่างช้า ๆ ด้วยแววตาที่เยือกเย็นซึ่งแอบแฝงความอํามหิตเอาไว้ภายใต้ด วงตาคู่นั้น
เมื่อใดก็ตามที่นางเดินผ่านผู้ใดสักคน ผู้นั้นก็จะมีความรู้สึกราวกับว่า เกิดความหวาดกลัวขึ้นจนแทบจะมิต้องการหายใจ
แต่เมื่อร่างของนางได้เดินผ่านไปแล้ว กลับทําให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมามาก
“การที่ข้ามาในวันนี้ เพื่อเรียกร้องความจงรักภักดีอย่างแท้จริงของพวกเจ้า
พวกเจ้าเข้าใจความหมายของคําว่าจงรักภักดีอย่างชัดเจนแล้วใช่หรือไม่?
ทั้งชีวิตของพวกเจ้าจะเป็นของข้าความเชื่อและความศรัทธาทั้งหมดจะต้องมารวมที่ข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
เสียงของชางอู๋ซินนั้นทุ่มต่ําแต่มิได้สูญเสียพลังของความเยือกเย็นและอํานาจที่ลึกลับบางอย่างในน้ําเสียงนั้นเลย
“อย่างไรก็ตาม ข้ามชอบที่จะบังคับจิตใจผู้ใด
ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้าเป็นคนเก่าคนแก่ของจักรพรรดินีผู้ล่วงลับ
และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับการฝึกฝนโดยหัวหน้าขันที ไห่
เข้ามาที่นี่เพื่อให้พวกเจ้าได้มีโอกาสเลือก
หากพวกเจ้าต้องการที่จะเป็นอิสระข้าก็พร้อมที่จะมอบเงินให้กับพวกเจ้าจํานวนหนึ่งเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่หากมิต้องการจากไป พวกเจ้าจะต้องให้คําสัตย์สาบานว่า จะจงรักภักดีต่อองค์ชายผู้นี้ตลอดไป”
ขันที่ไร่อ้าปากเพื่อต้องการจะกล่าวอันใดบางอย่าง
องค์รัชทายาทจะปล่อยให้ผู้คนเหล่านั้นเป็นอิสระได้อย่างไร?
ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาท พวกเขาจะละทิ้งผู้มีพระคุณของตนเองได้อย่างไร?
แต่เมื่อเห็นท่าทางขององค์รัชทายาท เขาก็มิสามารถเอ่ยคําทัดทานใด ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ชั่วอึดใจต่อมาบริเวณลานกว้างแห่งนี้ก็ดังกึกก้องไปด้วยน้ําเสียงที่แน่วแน่และมุ่งมั่น
“กระหม่อมขอสาบานว่า จะจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาท!
พวกเขาพร้อมที่จะให้คํามั่นสัญญาต่อองค์ชายผู้ซึ่งมีข่าวลือว่าเป็นผู้ไร้ความสามารถ
เพราะพระคุณที่พวกเขาเคยได้รับจากองค์จักรพรรดินีผู้ล่วงลับก่อนหน้านี้
แต่การได้พบกับองค์ชายในวันนี้ทําให้พวกเขารู้ว่าองค์ชายผู้นี้มิใช่บุคคลธรรมดา เขาช่างมีความโดดเด่นและมีความสง่างามเป็นที่สุด
ทําให้พวกเขาเกิดความมั่นใจ ที่จะให้คําสัตย์สาบานว่าจะจงรักภักดี
และที่สําคัญ พวกเขามิเคยมีความโน้มเอียงที่จะทรยศต่อองค์รัชทายาทแม้แต่น้อย
ทุกคนจ้องมององค์ชายผู้นี้ด้วยความคึกคะนองขณะที่ชางอู่ชินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
นางจะปลดปล่อยให้พวกเขามีอิสระภาพอย่างจริงใจอย่างที่นางกล่าวหรือ?
มันเป็นสิ่งที่เป็นไปมิได้เลย
เพราะหัวหน้าขันที่ไห่เลี้ยงดูพวกเขามาเป็นเวลานานแล้ว
ฉะนั้นพวกเขาต้องรู้ความลับบางอย่างของตําหนักองค์รัช
ทายาท
หากมีผู้ใดเลือกที่จะจากไปจริง ๆ ชางอู๋ซินคงมิปล่อยให้เขามีลมหายใจอยู่ต่อไปเป็นแน่
และในตอนนี้สิ่งที่ทําให้งานเกิดความพึงพอใจเป็นอย่างมากคือผู้คนเหล่านี้มิได้ทําให้นางผิดหวัง
พวกเขาสมควรเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนางอย่างแท้จริง
“ครึ่งหนึ่งของพวกเจ้าจะกลายเป็นองค์รักษ์ในตําหนักของข้า
องค์ชายผู้นี้หวังว่าพวกเจ้าจะดูแลและจัดการทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อย
ซึ่งสิ่งนี้จะมีผู้ที่รับผิดชอบคือที่หัวหน้าขันที่ไห่”
จากนั้นชางอู่ซินได้สั่งอีกว่า
“อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจะต้องติดตาม
อู่เหว่ยเพื่อฝึกซ้อมวิทยายุทธ
จากนั้นเมื่อเสร็จแล้ว พวกเจ้าต้องกลับไปสับเปลี่ยนกับผู้คนที่ตําหนักเพื่อให้พวกเขาได้มาฝึกซ้อมบ้าง”