ตอนที่ 17-2 จะไปร่วมงานเลี้ยง
ฮวนมอเฉอต้องการทําความคุ้นเคยกับองค์รัชทายาท
เพราะมิเพียงแต่จะชื่นชมความสามารถทางด้านวรรณกรรมของเขาเท่านั้น
แต่ยังเป็นเพราะต้องการค้นหาความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วย
นอกจากนี้ประเด็นที่สําคัญที่สุดคือเขาเองก็มิชัดเจนเช่นกันว่าเหตุใดเขาจึงเกิดความรู้สึกชื่นชอบองค์รัชทายาทผู้นี้เป็นอย่างมาก?
ฮวนมอเฉอเกิดความสับสนอยู่ในใจ มันเป็นเรื่องยากสําหรับเขาที่จะสามารถบอกกล่าวให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าทราบได้
“ท่านอาจารย์ฮวนเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถกว้างขวาง
แต่องค์ชายผู้นี้มีพรสวรรค์ต่ําต้อยและความรู้ที่ตื้นเขิน กลัวว่าเราจะแตกต่างกันมากจนเกินไป”
ชางอู๋ซินปฏิเสธในทันที มิว่าคําขอของฮวนมอเฉอจะมีความจริงใจมากสักเพียงใด เพราะเป็นไปมิได้ที่นางจะให้ความ สนิทสนมกับเขา
เมื่อได้ยินคํากล่าวที่เด็ดขาดเช่นนี้ ดวงตาคู่นั้นจึงแสดงถึงความเศร้าโศกที่สามารถสังเกตเห็น ทําให้นางนึกถึงความไร้เดียงสาในอ ดีตของตนเอง
แม้ว่าจะมิใช่ผู้เดียวกัน แต่พวกเขาก็ยังสามารถดึงปีศาจแห่งความมืดมิดในใจของนางออกมาได้
เมื่อได้ยินรัชทายาทปฏิเสธเช่นนั้นหัวใจของฮวนมอเฉอจึงเกิดความรู้หดหู เพราะความผิดหวัง
อาจจะเป็นเพราะ แต่เดิมพวกเขามิมีความสัมพันธ์อันใดกันเลยซึ่งมันคงมิใช่เรื่องง่ายที่จะคบหากันเป็นหาเพื่อน!
แม้ว่าความมั่นใจในตนเองของเขาจะสูง แต่เขาก็มิใช่ผู้ที่หยิ่งยโสแต่ประการใด
ราวกับว่า เขาได้รับการตอบกลับที่แสนจะข่มขืน ดังนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้น
“กระหม่อมทําสิ่งใดที่เป็นการมิบังควรหรือไม่? หากเป็นเช่นนี้นขอพระองค์ทรงอย่าได้ใส่ใจเลย”
ฮวนมอเฉอแสร้งยิ้มเล็กน้อย แต่การเสแสร้งที่ยอดเยี่ยมนั้นมีร่องรอยของความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ชางอู๋ซินมิได้สนใจท่าที่ซึ่งแปลกประหลาดของฮวนมอเฉอแม้ว่าชายหนุ่มรูปงามผู้นี้จะยืนอยู่ตรงหน้าของนาง
แต่นางยังคงมิได้ไหวติง และยังคงเคลื่อนไหวพู่กันที่อยู่ในมืออย่างสง่างามต่อไป
ฮวนมอเฉอยังคงมิใส่ใจต่อการเพิกเฉยขององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทยังคงนั่งที่เดิมและแอบสังเกตพฤติกรรมของชายผู้นั้นขณะที่นางยังคงวาดพู่กันอย่างต่อเนื่อง
มิมีอันใดเกิดขึ้นมากมาย แต่ฮวนมอเฉอกลับรู้สึกว่า ตนเองมีความสงบสุขในหัวใจ จากนั้นเหตุการณ์ในวันนี้ก็ได้จบลงในมิช้า
ขณะที่ฮวนมอเฉอมิต้องการจากไป แม้ว่ารัชทายาทจะมิได้กล่าวอันใดมากมาย แต่เขากลับชอบความรู้สึกนี้มาก
และเขาพบว่า สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเคยทําคือการอาสามาเป็นอาจารย์สอนพิเศษให้กับองค์รัชทายาท
เมื่อเห็นว่า ฮวนมอเฉอได้เดินออกจากพระตําหนักไปแล้วดวงตาของชางอู่ซินก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
หัวหน้าขันที่ไห่เดินมาที่โต๊ะทํางาน และกล่าวขณะที่จ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่ไร้อารมณ์ผู้ซึ่งกําลังยืนอยู่ด้านข้าง
“องค์รัชทายาท!
พรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ ดังนั้นองค์รัชทายาทควรเข้าร่วมในฐานะตัวแทนของพระราชวังตะวัน
ออก
พระองค์ทรงมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?” หัวหน้าขันที่ให้เอ่ยถาม
หากเป็นดังเช่นเมื่อก่อน เขาจะจัดเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้วโดยไม่ต้องเอ่ยถาม
แต่ความคิดขององค์รัชทายาทในปัจจุบันนั้นมีความลึกซึ้งเกินจะเข้าใจเขาจะกล้าคาดเดาความคิดขององค์รัชทายาทได้อย่างไร?
เมื่อสังเกตเห็นท่าทีกังวลใจของเขา ชางอู๋ซินจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยและกล่าวอย่างใจเย็นว่า
“เราจะมิรับรู้ถึงความพยายามอย่างหนักของไร่กงกง ที่ทําทุกอย่างเพื่อเราได้อย่างไร?
สําหรับเราแล้ว ไห่กงกงก็เหมือนดังเช่นบิดา เนื่องจากท่านต้องจัดการกับเรื่องต่าง ๆ มากมาย เราจึงเชื่อมั่นในตัวท่านมาก”
เมื่อได้รับฟังเช่นนั้นแล้ว ดวงตาของหัวหน้าขันที่ไร่แสดงถึงความปิติที่มีอยู่ภายในหัวใจอย่างท่วมท้น
ในฐานะขันที แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าคนรับใช้ในที่ประทับขององค์รัชทายาท
แต่ในความเป็นจริง มิมีผู้ใดใส่ใจความรู้สึกที่แท้จริงของเขาเลย
และเมื่อได้ฟังคํากล่าวเหล่านี้ ทําให้ในตอนนี้หัวหน้าขันที่ให้เกิดความรู้สึกราวกับว่าองค์รัชทายาทเป็นคนในครอบครัวเดียวกันและเป็นผู้ที่มีจิตใจงดงามที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมา
“กระหม่อมจะสามารถตัดสินใจแทนพระองค์ได้อย่างไร?
การได้รับใช้พระองค์ ก็นับว่าเป็นวาสนาของบ่าวชราผู้นี้แล้ว”
หัวหน้าขันที่ไร่กล่าวขณะก้มศีรษะลง เพราะกลัวว่าน้ําตาของเขาจะร่วงหล่นลงต่อหน้าองค์รัชทายาท
“อย่าได้คิดมาก”
องค์รัชทายาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม และกล่าวต่อไปอีกว่า
“ท่านเป็นหัวหน้าคนรับใช้ในตําหนักแห่งนี้ที่ อย่าประเมินค่าตนเองต่ําจนเกินไป”
”กระหม่อม!”
หัวหน้าขันที่ไห่ยืนอยู่ด้านข้างรัชทายาทและเอ่ยถามว่า
“พรุ่งนี้ พระองค์จะเข้าร่วมในงานเลี้ยงใช่หรือไม่?”
งานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติของจักรพรรดิจะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี
แต่องค์รัชทายาทผู้นี้มิเคยเข้าร่วมมาก่อนเลย และที่สําคัญจักรพรรดิยังมิเคยเอ่ยถามถึงเขาเลย
เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนจึงเริ่มตระหนักถึงความมแยแสของจักรพรรดิต่อองค์รัชทายาทอย่างเห็นได้ชัด
“เราต้องไปแน่!
เราคือองค์รัชทายาท หากเรามิไปร่วมงานเลี้ยงสําคัญเช่นนี้ก็รังแต่จะทําให้พวกหนูเหล่านั้นกําเริบเสิบสาน”
นางกล่าวขณะที่จ้องมองไปยังเครื่องประดับหยกในมือของตนเองพร้อมกับรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม
เครื่องประดับหยกชิ้นนี้เป็นของจักรพรรดิซึ่งมอบให้เป็นของใช้ส่วนตัวแดจักรพรรดินีชิว
หลังจากการตายของนางแล้ว มันก็ได้กลายเป็นของชางอู๋ซินนับจากนั้นเป็นต้นมา
สีสันและความแวววาวของมันนั้นช่างมีความงดงามและรู้สึกอ บอุ่นเมื่อได้สัมผัสซึ่งสิ่งนี้ทําให้ชางอู่ซินมีความรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่า
งมาก
ดังนั้น นาวจึงมักจับข้อมือและเล่นกับมันอย่างเคยชิน
ภายในพระตําหนักได้รับการเปลี่ยนแปลงมากมายและผู้ใดจะรู้
อู่เหว่ยได้รับมอบหมายให้ทําสิ่งใดบ้าง ขันที่ไร่จึงเอ่ยถามว่า
“พระองค์ทรงจัดเตรียมของขวัญเอาไว้แล้วหรือยังพะยะค่ะ?”
” ของขวัญวันเกิด?”
ชางอู่ซินเริ่มกระซิบคําแนะนํากับขันที่ไห้อย่างแผ่วเบา ในขณะที่ดวงตาของเขาแสดงความประหลาดใจ และความกังวลเล็กน้อย
ออกมา
อย่างไรก็ตามเขาดําเนินการตามแผนการขององค์รัชทายาททันที