สุดยอดรัชทายาท ตอนที่ 19-1ข่าวลือเกี่ยวกับชายรักชาย
ตอนที่ 19-1 ข่าวลือเกี่ยวกับชายรักชาย
สิ่งที่เล้งหยูเฟิงกังวลใจ คือการเข้าร่วมงานเลี้ยง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายมากสําหรับชายหนุ่มผู้รักสันโดษเช่นเขา
อย่างไรก็ตามด้วยสถานะของเขาจึงจําเป็นที่จะต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงโดยมิสามารถหลีกเลี่ยงได้
เขามิคาดคิดมาก่อนว่า จะได้พบกับเพื่อนรักของตนเองในวันนี้ เนื่องจากฮวนมอเฉอมิค่อยได้มาร่วมงานเลี้ยง วันคล้ายวันประสูติของจักรพรรดิในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
“โอ้! เป็นเพราะข้ากลัวว่า ท่านจะโดดเดี่ยวอยู่ในงานเลี้ยงเพียงผู้เดียว ดังนั้นในฐานะเพื่อนที่ดี ข้าจึงต้องมาเพื่อดูแลท่าน
สิ่งที่ฮวนมอเฉอกล่าวออกมานั้นเป็นความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว
แม้ว่าเขาจะมิได้ดํารงตําแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่เขาก็ยังมีตําแหน่ง “บุตรชายคนแรก” ของขุนนางระดับสูงของ เมืองหลวง
มิว่าจะจัดงานเลี้ยงขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ในวัง เขามักจะได้รับคําเชิญอยู่เสมอ
ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ เขามิเคยต้องการที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงแม้แต่ครั้งเดียว
แต่เมื่อนึกถึงองค์รัชทายาทขึ้นมาในตอนนี้จึงตัดสินใจที่จะแสดงตัวตนในพระราชวังให้ขุนนางในราชสํานักได้เห็นบ้าง
ในที่สุด แม้ว่าองค์รัชทายาทจะมีความเฉลียวฉลาดมากมายสักเพียงใด แต่พระองค์ก็มมีอํานาจมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้นจิตใจของผู้คนในพระราชวังหลวงยังมิชัดเจนว่าจะหวังดีต่อพระองค์หรือไม่
ในภายหลังหากมีอันใดเกิดขึ้นจริงในฐานะอาจารย์พิเศษ ทางด้านการทหารขององค์ชาย เขาสามารถดูแลปัญหาได้
เล้งหยูเฟิงเหลือบมองไปที่ฮวนมอเฉอ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขามิเชื่อในข้ออ้างของเพื่อนรัก
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมาก และเชื่อมั่นว่าแม้จะมีความตายปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็จะมิทรยศต่อกันอย่างแน่นอน
แต่เขาเข้าใจถึงลักษณะนิสัยของเพื่อนผู้นี้เป็นอย่างดีว่า เขาจะมิยอมเสียเวลาอันมีค่าไปกับเหตุการณ์ที่ไร้ประโยชน์นี้อย่างแน่นอน
และหากเลือกได้ บุรุษผู้นี้คงเลือกที่จะนอนพักผ่อน ซึ่งจะเป็นการดีเสียกว่าการมาร่วมงานเลี้ยงที่ต้องพบปะกับผู้คนมากมายเช่นนี้
“เป็นเวลาเพียงปีเดียวที่เรามิได้เจอกัน ม่อเฉอเจ้าเริ่มกล่าวอย่างมิจริงใจกับข้าเสียแล้ว!”
เล้งหยูเฟิงเย้ยหยันอย่างเย็นชา หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันเข้าไปด้านในของพระราชวังหลวง
พวกเขาสองคนคนหนึ่งเป็นเทพแห่งสงครามผู้มีจิตใจเข้มแข็ง ส่วนอีกคนเป็นคุณชายสูงศักดิ์ผู้อ่อนโยน
มิว่าจะเป็นเรื่องของสถานะหรือรูปลักษณ์ ทั้งคู่ก็เหนือกว่าผู้อื่นมาก และเมื่อเพิ่มเติมในเรื่องของความสามารถ จึงทําให้ทั้งสองคนเป็นที่ต้องการของบรรดาผู้หญิงนับมิถ้วนในเมืองหลวง
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมิเคยให้ความสําคัญเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย
ข่าวลือที่เสียหายเป็นอย่างมากเริ่มแพร่กระจายออกไปว่า ท่านแม่ทัพใหญ่ของตระกูลเล้งและคุณชายใหญ่ของตระกูลฮวนเป็นคู่รักที่เป็นไม้ปาเดียวกัน
ในเวลานั้นเมื่อทั้งสองคนทราบเรื่องนี้ พวกเขาจึงเกิดความมิพอใจ แต่หลังจากนั้นก็คิดว่า มันอาจจะมิเป็นไร หากมันสามารถทําให้ผู้หญิงสาวเหล่านั้นอยู่ห่างจากพวกเขามากขึ้น
เป็นผลให้พวกเขามิได้ชี้แจงสิ่งต่างๆ และปล่อยให้ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปเช่นนั้นโดยมิได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังรู้สึกว่ามันเป็นไปมิได้ที่พวกเขาจะตกหลุมรักหญิงสาว เช่นเดียวกับชายหนุ่มทั่วไป
ดังนั้นพวกเขาจึงมิเคยให้ความสําคัญกับเรื่องการแต่งงานของตนเองมากนัก
ดังนั้นตราบใดที่ทั้งสองคนปรากฏตัวด้วยกันตามสถานที่ต่างๆ บุรุษหนุ่มทั้งสองคนนี้จะได้รับการจ้องมองจากหญิงสาวมากมายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว
“พวกนางหลงเชื่อข่าวลือเกี่ยวกับเราหรือ?”
ฮวนม่อเฉอยิ้มอย่างเยาะเย้ย ขณะที่อยู่ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมายังพวกเขา
มิตรภาพของเขากับเล้งหยูเฟิงมิเพียงแค่ความชื่นชมซึ่งกันและกันเท่านั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเพราะความรู้สึกที่จริงใจของคนทั้งคู่ด้วย
“ไอ้หยา! ดูท่าทางของผู้คนเหล่านี้สิเข้า เกรงว่าจะมีข่าวลือแบบใดกันเกิดขึ้นเกี่ยวกับเราแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้!”
ฮวนมอเฉอสังเกตเห็นผู้หญิงที่มารวมตัวกัน
บางคนเห็นได้ชัดว่า เกิดอาการหน้าแดงด้วยความชื่นชมและเขินอาย แต่มีบางส่วนที่มีสีหน้าบ่งบอกถึงความอิจฉาริษยา และมีความเกลียดชังปรากฏขึ้นทั่วดวงตาเหล่านั้น
เล้งหยูเฟิงกวาดสายตามองผู้คนโดยรอบอย่างมิแยแสแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังสนทนากันด้วยเสียงกระซิบกระซาบ อย่างไรก็ตามเล้งหยูเฟิงมิได้สนใจในสิ่งเหล่านั้นเลย
หากเขาใส่ใจต่อความรู้สึกของผู้คนทั่วไปอย่างแท้จริง เขาคงจะชี้แจงทุกอย่างให้กระจ่างแจ้งไปนานแล้ว
“อันที่จริงแล้ว มันก็เหมือนกันสําหรับข้า มิว่าในกรณีใดข้าคงจะมิได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงนานนัก เพราะข้ามีความสุขมากกว่าที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่เขตชายแดน
สําหรับท่านแล้ว ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าท่านเคยเจ็บหัวใจเพราะผู้หญิงมากสักเพียงใด”
เล้งหยูเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อาฆาตแค้น
“อย่าได้กล่าวถึงเรื่องนั้นอีกเลย?”
ฮวนม่อเฉอขมวดคิ้ว ทุกครั้งที่เล้งหยูเฟิงกลับเมืองหลวงเขาจะอยู่ได้นินานนัก จากนั้นจะรีบควบม้ากลับไปที่ชายแดนด้วยความรวดเร็ว
ฮวนมอเฉอรู้ดีว่ามีมีข้อพิพาทใดๆที่พรมแดนในขณะนี้ แต่เล้งหยูเฟิง ก็มิเต็มใจที่จะกลับมาอยู่ที่เมืองหลวง
แม้ในงานฉลองปีใหม่ทางจันทรคติ ดูเหมือนว่า
“ท่านยังปล่อยวางเรื่องนั้นมิได้อีกหรือ?”
หัวใจของพวกเขาทั้งสองได้รับบาดเจ็บและมีแผลเป็น
บางที่อาจเป็นเพราะพวกเขาเคยเผชิญกับเหตุการณ์ในอดีตที่ขมขื่นในทํานองเดียวกัน
ทําให้ชายผู้มีความสามารถทั้งสองจึงเข้าใจซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี