สุดยอดรัชทายาท ตอนที่ 23 ห่วงใยประชาราษฎร์
ท้ายที่สุดแล้ว อิทธิพลของนายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายนั้นยิ่งใหญ่นัก ดังนั้นหากเขาขุ่นเคืองต่อองค์รัชทายาท มันจะเป็นผลเสียต่อ อนาคตขององค์รัชทายาท
ชางอู๋ซินเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากนางไม่คาดคิดมาก่อนว่าฮวนม่อเฉอจะท้าทายบิดาของเขาอย่างโจ่งแจ้งในขณะที่พวกเขาอยู่ ในห้องโถงใหญ่และยังคงต้องการช่วยเหลือนางด้วยความจริงใจต่อไป
ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาหวานเยิ้มคู่นั้น นางคงจะรู้สึกว่าผู้ชายแบบนี้เหมาะที่จะเป็นคนสนิทของตน
“การขาดแคลนอาหารในภาคใต้อยู่ในขั้นวิกฤติ แต่ไม่มีขุนนางคนอื่นรายงานเรื่องนี้ ทว่าองค์รัชทายาทห่วงใยประชาชน ดังนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นพระองค์ที่ควรเป็นผู้ทําหน้าที่นี้ ถ้าองค์ชายใหญ่เหมาะสมกว่าจริง ๆ แล้วองค์ชายใหญ่อยู่ไปที่ไหนในตอนแรก? หม่อมฉันแค่อยากจะชี้ให้เห็นถึงความใส่ใจในอาณาประชาราษฎร์” ฮวนม่อเฉอกล่าวโดยปราศจากความเกรงกลัว
แม้เขาจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะอยู่ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง เขาก็ยังพูดในลักษณะนี้ ไม่ใช่เพราะเขาเย่อหยิ่ง แต่เพียงเพราะเขามีความสามารถมากพอ
“กระหม่อมเชื่อว่า องค์รัชทายาทเหมาะที่สุดสําหรับงานนี้ ยิ่งกว่านั้น หัวใจของพระองค์ยังทรงห่วงใยสามัญชน และนั่นเป็นพรแก่พวกเขา!”
พูดเสร็จเขาก็นั่งลง เห็นได้ชัดว่าเขาได้ทําทุกอย่างที่สามารถทําได้แล้ว…
ตอนนี้ ส่วนที่เหลือคงต้องขึ้นอยู่กับจักรพรรดิ
“กระหม่อมก็เชื่อด้วยว่าการแก้ไขความอดอยากในภาคใต้ องค์รัชทายาทมีความเหมาะสมที่สุด!” ไปซางซู่ ขุนนางที่ไม่เคยเลือกข้างยังคงเป็นกลางอยู่เสมอกล่าวออกมา
คราวนี้เขาชื่นชมองค์รัชทายาทผู้รักประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะพยายามฉวยโอกาสให้ได้มาซึ่งความโปรดปรานหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยพระองค์ก็ทรงทราบดีถึงความอดอยากซึ่งทําให้น่ายกย่องอย่างมาก
จักรพรรดิชางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะประกาศว่า “งานเปิดยุ้งฉางและแจกจ่ายธัญพืชบรรเทาทุกข์จะได้รับการจัดการโดยองค์รัชทายาทเท่านั้น อีกห้าวันองค์รัชทายาทจะนําธัญพืชไปทางใต้!”
ส่งผลให้ดวงตาของชางอู๋ซินส่องประกายด้วยร่องรอยบางอย่างและสายตาของนางถูกมองเห็นได้ชัดเจนโดยฮวนม่อเฉอ เขาเหลือบมองพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาท ถนนไปทางทิศใต้เต็มไปด้วยโจรร้าย ดังนั้นควรมีการองค์ชายรัชทายาท!”
เขากลัวว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานในการเสด็จกลับมาจากทางใต้ขององค์รัชทายาท และเขาเต็มใจที่จะเป็นผู้คุ้มกันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม..
“กระหม่อมคิดว่า แม่ทัพเล้งจะเป็นผู้สมัครที่ดีมาก!” ซางอู๋ซินเผยรอยยิ้ม อันที่จริงไม่ใช่ว่านางไม่รู้เจตนาของฮวนม่อเฉอ แต่นางเกลียดสายตาคู่นั้นเสียจริง ๆ และกลัวว่าเขาจะก้าวล่วงหัวใจของนาง
ดวงตาของฮวนม่อเฉอเดิมมีรูปลักษณ์ด้วยรอยยิ้ม แต่จากนั้นเขาได้ลดสายตาลงในขณะที่เริ่มกําหนดแผนใหม่
ฝ่ายเล้งหยูเฟิง เขาไม่ได้คาดหวังว่าองค์รัชทายาทจะพูดถึงตนแต่เขารู้ว่าการปฏิเสธไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ซึ่งดูเหมือนว่าแผนการของเขาที่จะออกจากเมืองหลวงโดยเร็วที่สุดคงต้องถูกยกเลิก
“เช่นนั้นแม่ทัพเล้งจะตามเสด็จองค์รัชทายาทไปทางทิศใต้!” จักรพรรดิชางตัดสินใจ “ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหมดออกไปได้แล้ว!”
ดังนั้นการฉลองวันเกิดของจักรพรรดิชางจึงสิ้นสุดลง ส่งผลให้มีคนจํานวนมากที่ทนทุกข์ทรมาน ในขณะที่องค์รัชทายาทได้รับประโยชน์สูงสุด
ขุนนางหลายคนต้องการประณามความโปรดปรานจากองค์รัชทายาท แต่องค์รัชทายาทก็รับข้าราชบริพารและออกจากห้องโถงใหญ่และพระราชวังไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่มีโอกาสที่ทั้งฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์หรือประจบประแจงจะไม่ทําอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ไปพวกเขาทั้งหมดคงต้องระวังตัวองค์รัชทายาท โดยเหล่าขุนนางต่างรู้ว่าองค์รัชทายาทไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นด้วย ในขณะที่มองดูบุตรสาวของตัวเองมากขึ้นและเริ่มวางแผน
ชางอู๋ซินยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้ในสวนของตําหนักพระองค์เอง ซึ่งดูเหมือนว่านางกําลังชื่นชมดอกไม้ แต่ที่จริงแล้วดวงตาของนางช่างไร้อารมณ์ ขณะทิวทัศน์ของสวนที่กว้างขวางดูเหมือนไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนางได้แม้แต่เสี้ยวนาที
“องค์รัชทายาท วันนี้ทางตําหนักได้รับจดหมายมากมายจากขุนนางจํานวนมาก พระองค์มีพระประสงค์ที่จะตอบกลับหรือไม่เพคะ?” อู๋จูเอ่ยถาม
สองวันผ่านไปนับตั้งแต่วันสําคัญในวัง ในสองวันนั้นมีบัตรเชิญที่ส่งมายังตําหนักองค์รัชทายาทเป็นกอง และพวกเขาทั้งหมดไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่นใดนอกจากการเข้าร่วมงานเลี้ยงต่าง ๆ ขององค์รัชทายาท
ชางอู๋ซินเหลือบมองคําเชิญในมือของอู๋จู และสุ่มเลือกสองสามฉบับ หลังจากอ่านเนื้อหาทั้งหมดแล้ว นางได้วางกลับเข้าไปในมือของสาวใช้
ต่อมาชางอู๋ซินพูดอย่างอ่อนโยน “ไม่จําเป็นต้องสนใจพวกเขา แต่เราไม่ควรทําให้พวกเขาขุ่นเคืองเช่นกัน”
ในสายตาของนาง คนเหล่านั้นเป็นเหมือนหญ้าที่อยู่บนกําแพงซึ่งแกว่งไกวตามสายลมทุกครั้ง แม้นางพยายามที่จะได้รับอํานาจแต่นางจะไม่ใช้งานคนเหล่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ในหมู่คนเหล่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีสายลับสองสามคนที่ส่งมาโดยองค์ชายคนอื่น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากรากฐานของนางยังไม่มั่นคง นางจึงไม่กล้าที่จะเสี่ยง
“องค์รัชทายาท ท่านฮวนม่อเฉอมาเยี่ยมตําหนักเราบ่อยมากโดยอ้างว่าเขาต้องการสอนกวีนิพนธ์และวรรณคดีองค์รัชทายาท แต่ทุกครั้งเขาถูกอี้เหว่ยปิดกั้นไว้ จากนี้เราควรใช้มาตรการป้องกันกับเขาหรือไม่เพคะ?”
อันที่จริง อู๋จูไม่คิดว่าฮวนม่อเฉอจะมีเจตนาร้ายใด ๆ ตรงกันข้ามดูเหมือนว่าเขาจะพยายามช่วยเหลือองค์รัชทายาทแทน แต่สาวใช้รู้เพียงว่าพระองค์ควรระวังทุกคน
มิฉะนั้น นางจะอยู่เคียงข้างองค์รัชทายาทไปเพื่ออะไร? สาวใช้คิดเพียงว่า ชายผู้นี้หวังผลประโยชน์หลังจากองค์รัชทายาทได้ครอบครองบัลลังก์ของจักรพรรดิ
ชางอู๋ซินรับรู้ถึงการมาเยือนของฮวนม่อเฉอในช่วงสองวันที่ผ่านมา ทว่านางไม่สนใจที่จะพบเขา ในตอนนี้เขาอาจจะไม่ได้มาทําร้าย หรือก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่การได้เห็นดวงตาคู่นั้นทําให้เจตนาสังหารของนางมุ่งไปทางเขา และนางไม่สามารถปล่อยให้อารมณ์ของตนควบคุมไม่ได้
นางไม่ตอบคําถามของอู๋จู และต้องการให้อู๋จูกับอูเหว่ยตัดสินใจในรูปแบบของตนเอง
“ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ เหตุใดเจ้าไม่แสดงตัวออกมาเล่า” เสียงของชางอู๋ซินแหลมขึ้นในทันที
เมื่อได้ยินคํากล่าวของนาง ร่างของธุ์จพลันเหยียดตรงและดวงตาพุ่งไปรอบ ๆ ขณะกลัวว่าจะมีใครสักคนที่จะโจมตีองค์รัชทายาท
ตอนนี้ฮันซ่วนฮ่าวไม่คาดคิดว่าจะถูกค้นพบ เนื่องจากในฐานะนักฆ่าการปกปิดของเขานั้นล้ำลึกอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม องค์รัชทายาทได้ค้นพบเขาแล้ว
หลายวันที่ผ่านมาตอนอยู่ในศาลาฮันชิงจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับองค์รัชทายาทอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว
เขารู้สึกกระวนกระวายใจยิ่ง เมื่อได้ยินข่าวเรื่องที่องค์รัชทายาทกําลังเดินทางไปทางใต้ และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้ตัดสินใจมาเยือนตําหนักไม่แห่งนี้ ครั้นมาถึงเขากลับรู้ว่าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับองค์รัชทายาท ดังนั้นเขาจึงนั่งเงียบ ๆ อยู่บนต้นไม้และมองดูองค์รัชทายาทจากเบื้องบน
องค์รัชทายาทสวมเสื้อคลุมสีขาวยืนหลังตรงเหมือนแผ่นหิน ขณะผมดําสนิทปลิวไสวไปตามสายลม เมื่อมองจากระยะไกล การปรากฏตัวของพระองค์ช่างชัดเจนและสง่างาม..
ทว่ามันทําให้หัวใจของฮันซวนห่าวรู้สึกเจ็บปวด..
เขาต้องการดึงร่างนั้นเข้ามาในอ้อมแขนของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาชอบจ้องมองไปที่องค์รัชทายาทเช่นนี้ และยิ่งเขาจ้องมองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหลงใหลมากขึ้นเท่านั้น?
เมื่อฮันซวนห่าวฟื้นคืนสติกลับมาที่ความคิดของตนเอง เขาสงสัยว่าตนชอบองค์ชายรัชทายาทองค์นี้จริงหรือ? หรือมันคือ… รักร่วมเพศ? ความคิดนี้ทําให้ฮันซ่วนห่าวรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
สิ่งที่เขาไม่รู้คืออาการมึนงงของเขานั้น เป็นเหตุผลที่ชางอู๋ซินสามารถสัมผัสได้การมีอยู่ของเขาอย่างรวดเร็ว
“หึ! อู๋ซินช่างเป็นคนรอบคอบจริง ๆ เราจึงถูกคุณค้นพบอย่างรวดเร็ว!” เสียงที่คลุมเครือดังขึ้น ขณะที่เห็นร่างของฮันซ่วนห่าวร่อนลงมาจากกิ่งไม้สูงด้วยเสื้อคลุมสีแดงที่พันรอบร่างเรียวของเขาโดยของเสื้อคลุมค่อย ๆ ทิ้งตัวลง ทําให้ภาพนี้ดูมีเสน่ห์มากพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าที่งดงามของเขา
หากมีนักฆ่าจากศาลาฮันชิงอยู่ด้วย พวกเขาคงสามารถบอกได้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของฮันซ่วนห่าวนั้นมีความจริงใจกว่ารอยยิ้มปกติของเขามาก
ชางอู๋ซินเหลือบมองบุรุษหนุ่มโดยไม่แน่ใจว่าเหตุใดเขาถึงอยู่มาที่ตําหนักไท่จี้ แม้เขาจะเป็นที่ปรึกษาของนางไม่ว่าจะเป็นการต่อรองหรือการให้ความร่วมมือ นางรู้สึกว่าเขาแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อยในครั้งนี้ ทว่าชางอู๋ซินไม่ได้เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ขณะเพ่งมองอีกฝ่าย
“กระหม่อมได้ยินมาว่าองค์รัชทายาทกําลังจะมุ่งหน้าไปทางใต้? กระหม่อมเพียงต้องการทราบว่าจะมีโอกาสได้เห็นโลกกว้างกับพระองค์หรือไม่?” ฮันซวนห่าวเอ่ยถามพลางหัวเราะ
ทว่าภายในรู้สึกประหม่า เขารู้ว่าการขาดแคลนอาหารในภาคใต้มักก่อให้เกิดกบฏนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นการเดินทางไกลไปที่นั่นย่อมเต็มไปด้วยโจรผู้ร้าย และที่เขามาตําหนักไฟจี้เพราะกังวลเรื่ององค์รัชทายาทซึ่งร่างกายดูผอมบางและอ่อนแอ
ชางอู๋ซินหันหน้ากลับมาโดยไม่ตอบ เนื่องจากด้วยเหตุผลที่น่าสงสัยของฮันซวนห่าวในการมาเยี่ยม มันทําให้นางไม่เชื่อ ดังนั้นการเพิกเฉยต่อเขาจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
โดยการเห็นชางอู๋ซินไม่แยแส ทําให้อีกฝ่ายรู้สึกค่อนข้างสับสน เหตุใดดูเหมือนชางอู๋ซินไม่ชอบเขาแม้แต่น้อย ในขณะที่เขาดูเหมือนจะชอบองค์ชายน้อยโดยไม่มีเหตุผล แม้จะไม่รู้ว่า ” ชอบ” แบบนี้คืออะไร แต่เขาไม่เคยรู้สึกแบบเดียวกันนี้กับผู้ใดมาก่อน
ในอดีตเขาไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับทั้งชายและหญิงมากนัก ชางอู๋ซินเป็นคนแรกที่เขารู้สึกอยากปกป้อง แต่น่าเสียดายที่ชางอู๋ซินเป็นบุรุษเพศ
อย่างไรก็ตาม แม้ชางอู๋ซินจะไม่ยอมรับฟัง ทว่าฮันซวนห่าวยังคงหัวเราะด้วยเจตนาชั่วร้ายขณะที่เขายืนขึ้นและออกจากตรงนั้นไปอย่างมีความสุข