สุดยอดรัชทายาท ตอนที่ 27 เสี่ยวเอ่อท่าทางแปลก ๆ
ตอนที่ 27 เสี่ยวเอ่อท่าทางแปลก ๆ
ที่จริงแล้วพวกเขาทั้งคู่เป็นคนที่ใส่ใจเรื่องความสะอาดไม่มากก็น้อยโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่เขากับเล้งหยูเฟิงนับเป็นเพื่อนที่ตายแทนกันได้
นอกจากนี้เวลาที่พวกเขาแบ่งปันไวน์จากขวดเดียวกันนั้นไม่ใช่ แค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น นอกจากเพื่อนที่ดีของเขาฮวนม่อเฉอคนนี้แล้ว เขาไม่เคยใช้ของร่วมกับคนอื่น
ตอนนี้เล้งหยูเฟิงมองเห็นความตั้งใจของฮวนม่อเฉอจึงหลีกเลี่ยงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาเปิดฝากระเป๋าน้ําออกแล้วทําท่าเทลงบนพื้น และเมื่อนึกถึงองค์รัชทายาทใบหน้าของเล้งหยูเฟิงพลันแดงระเรื่อ
“ไม่มีน้ําเหลือแล้ว ไปดื่มจากกระเป๋าของท่านเองเถิด!” เขาพูดก่อนจากไป เนื่องจากกลัวว่าฮวนม่อเฉอจะสังเกตเห็นแก้มแดงของเขา
“แปลกคน!” ฮวนม่อเฉออุทานในขณะที่เขามองดูเพื่อนสนิทรีบร้อนออกไปและกัดผลไม้ที่เหลืออยู่ในมือ
เมื่อปากของเขาเต็มไปด้วยรสเปรี้ยว เขาได้หันไปมองที่องค์รัชทายาทในทันทีด้วยความคิดที่จะห้ามไม่ให้อีกฝ่ายลิ้มรสผลไม้ แต่พบว่าพระองค์เสวยมันราวกับว่าไม่รับรู้ถึงความเปรี้ยวและเสวยอย่างเอร็ดอร่อย
ดูเหมือนเขาจะค้นพบว่า องค์รัชทายาทชื่นชอบอาหารรสเปรี้ยว…
แล้วครั้งนี้จะนับเป็นความก้าวหน้าหรือไม่?
****
ทหารจํานวนหนึ่งพันนายขี่ม้าไปตามทางเดินที่ไม่มีผู้คนสัญจรไปมา เหตุผลที่พวกเขาเลือกทางเดินนี้ นั่นเป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงการถูกมองเห็น นอกจากนี้ทุกคนรู้ดีว่าหากกองคาราวานเข้าใกล้ทางใต้ในลักษณะที่เปิดเผยมากเกินไป และพวกเขา อาจถูกซุ่มโจมตีจนล่มสลายก่อนจะไปถึงที่หมายได้
“รัชทายาท มีโรงเตี้ยมอยู่ข้างหน้า คืนนี้เราจะพักกันที่นั่นดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เล้งหยูเฟิงเอ่ยถาม
พวกเขาเดินทางมาสามวันแล้วและพักค้างคืนในป่าทั้งสามคืน แม้เหล่าทหารไม่ได้ปริปากบ่น แต่หลังจากได้เห็นองค์รัชทายาทหน้าซีดเซียวแล้ว เล้งหยูเฟิงก็ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้
“จริง ๆ แล้วมีโรงเตี้ยมขนาดเล็กอยู่ในที่ห่างไกลเช่นนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ธรรมดา!” รอยยิ้มอ่อนโยนของฮวนม่อเฉอผสมผสานกับความเยือกเย็นดุจแพรไหม แต่เขามองไปที่ชางอู๋ซินเพราะรู้ว่าการตัดสินใจของชางอู๋ซินนั้นสําคัญและเป็นคําตอบสุดท้าย
ชางอู๋ซินมองเล้งหยูเฟิงอย่างไม่เชื่อ ตอนนี้ทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการพักแรมในป่า และนางเชื่อว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้ดี แล้วเหตุใดเขาถึงทําเช่นนี้? ทว่านางไม่ได้รู้สึกอุ่นเคืองแต่อย่างใด
“ท่านรับประกันความปลอดภัยของมันได้หรือไม่?” นางเอ่ยถาม
อันที่จริงนางไม่ได้หวาดกลัวอันตราย เนื่องจากรู้ดีว่าตั้งแต่เล้งหยูเฟิงเอ่ยถึงโรงเตี้ยมขึ้นมา นั่นหมายความว่าเขาเข้าใจสภาพของมันเป็นอย่างดี บุรุษผู้นี้แม้เขาจะเฉยเมยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แต่เขาย่อมมีความรอบคอบ
เล้งหยูเฟิงมองไปยังใบหน้าอันงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ขององค์รัชทายาท โดยสองสามวันมานี้เขาไม่กล้าที่จะจ้องมององค์ชายมากเกินไป แต่ดูเหมือนว่าองค์ชายจะมีเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดความสนใจผู้คนรอบข้าง
ในตอนกลางคืนเล้งหยูเฟิงมักจะรู้สึกกระสับกระส่ายและลืมตาขึ้นเพื่อจ้องมองยังองค์รัชทายาทที่หลับใหล แม้ความมืดปิดบังสายตาที่เร่าร้อนของเล้งหยูเฟิง แต่เขาไม่ได้ทําอะไรเพื่อตอบโต้การเต้นของหัวใจที่รุนแรงของเขา
“ข้ารับประกัน!” เขายืนยัน
เดิมทีเขาต้องการจะพูดมากกว่านี้ แต่สิ่งที่ออกจากปากของเขาคือสองคําที่เยือกเย็น อย่างไรก็ตามฮวนม่อเฉอที่อยู่ด้านข้าง สังเกตเห็นความอบอุ่นในน้ําเสียงของเพื่อนจึงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความรู้สึกอึดอัดในใจ
เมื่อชางอู๋ซินพยักหน้า ไป่เส้าหลินจึงรวบรวมคนเพื่อจัดเตรียมที่พัก ท้ายที่สุดผู้ร่วมเดินทางทั้งหมดมีจํานวนไม่น้อย แต่มีคนนับพันคน ดังนั้นหากเป็นโรงแรมขนาดเล็กย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถรองรับทุกคน
ครั้นฮวนม่อเฉอสังเกตว่าดูเหมือนตนจะถูกละเลย เขาจึงอ้าปากพูดพลางหัวเราะ “ข้าคิดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกเจ็ดหรือแปดวันกว่าจะไปถึงทางใต้!”
“ข้าเกรงว่าหลังจากนี้เราคงต้องพบเรื่องยุ่งยาก” เล้งหยูเฟิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ แต่น้ําเสียงของเขาทรยศต่อความกระตือรือร้นของเขาที่จะออกไปทั้งหมด
ท้ายที่สุดพวกเขาเดินทางอย่างรวดเร็วตลอดสามวันที่ผ่านมา ทว่าหลังจากข้ามป่าบนภูเขาตรงหน้าพวกเขาจะเข้าไปถึงดินแดนของโจรภูเขา ดังนั้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าการเดินทางย่อมไม่ง่ายและผ่อนคลาย
จากนั้นชางอู๋ซินกระตุ้นม้าและพาทุกคนไปที่โรงแรมซึ่งอยู่ระยะไกล และพบมากโรงเตี้ยมดูโทรมมากและมีห้องพักเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น
อย่างไรก็ตามโชคดีที่มีลานกว้างภายใน ทําให้ในยามพลบค่ําเหล่าทหารสามารถพักผ่อนได้ภายในนั้น ชางอู๋ซินกวาดสายตามองโรงแรมอย่างรวดเร็วด้วยดวงตาของนางที่หยั่งลึกจนมองไม่เห็นก้นบึง มันช่างดําสนิทและลึกซึ้งดุจสระน้ําลึกอันเงียบสงบที่ไร้ระลอกคลื่น
ไป่เส้าหลินรออยู่ข้างนอกโรงเตี้ยมตั้งแต่แรก เมื่อเห็นชางอู๋ซิน เขารีบก้าวไปข้างหน้าทันที “คุณชาย”
เนื่องจากพวกเขาอยู่นอกวังหลวง ชางอู๋ซินจึงสั่งทุกคนไม่ให้เปิดเผยตัวตนของพวกเขา แต่เมื่อเถ้าแก่เนี้ยโรงเตี้ยมมองเห็นชางอู๋ซินแล้ว นางสามารถมองเห็นความสง่างามได้อย่างชัดเจน
“โอ้ แขกผู้มีเกียรติ เชิญเข้ามาเร็วเข้า เร็วเข้า! เสี่ยวเอ่อรีบยกน้ําชามา ทางห้องครัวเตรียมอาหารไว้ให้แล้วเจ้าค่ะ!” ผู้ดูแลโรงเตี้ยมเป็นหญิงวัยกลางคนที่หน้าตางดงามและมองพวกเขาราวกับนางกําลังเห็นเงิน ขณะที่พูดนางต้องการเข้าใกล้ชางอู๋ซินมากขึ้น แต่เล้งหยูเฟิงกับฮวนมอเฉอได้ปิดกั้นเส้นทางของนาง
“คุณชายของเราไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ แค่ตั้งใจทําอาหารก็พอแล้ว!” เมื่อเห็นว่าแม่ทัพเล้งและท่านฮวนไม่ได้มีท่าที่เป็นมิตร ไป่เส้าหลินจึงรีบออกคําสั่ง
เจ้าของโรงเตี้ยมหัวเราะสองสามครั้งแล้วบอกให้เสี่ยวเอ่อรับรองแขก ก่อนจะรีบไปกระตุ้นห้องครัวสําหรับอาหาร ในขณะที่เสี่ยวเอ่อมองทุกคนด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของพวกเขาและยกน้ําชามาให้ทหารอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“คุณชายห้องของท่านพร้อมแล้วขอรับ” ไป่เส้าหลินกล่าว
แม้เขาต้องการจะหาห้องที่ดีสักห้อง แต่ที่พักอยู่ในสภาพนี้ เขายังคงให้คนทําความสะอาดห้องทุกจุดจนกว่าเขาจะเชิญให้องค์รัชทายาทเข้าพักผ่อนด้านใน
ชางอู๋ซินพยักหน้า จากนั้นเหลือบมองเล้งหยูเฟิงกับฮวนม่อเฉอก่อนที่ทั้งสามคนจะเข้าไปในห้องที่เตรียมไว้อย่างดี
“สังเกตเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า?” ชางอู๋ซินเอ่ยถามขณะที่นางไตร่ตรอง
ฮวนม่อเฉอนั่งทางด้านซ้ายของชางอู๋ซิน เขาเทน้ําหนึ่งถ้วยให้นางและตรวจดูให้แน่ใจว่าน้ําไม่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ข้างในก่อนที่เขาจะวางใจได้
หลังจากเทน้ําลงถ้วยให้ตัวเอง เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ในโรงแรมนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหรือเสี่ยวเอ่อ ทุกคนต่างมีวิทยายุทธที่ดี!”
จากช่วงเวลาที่ฮวนม่อเฉอเข้ามาในโรงแรม เขาตระหนักว่าที่นี่ไม่ใช่โรงเตี้ยมธรรมดา แม้เจ้าของจะปลอมตัวเป็นผู้ที่เห็นแก่เงินได้อย่างแนบเนียน ทว่าความระมัดระวังได้ส่องประกายผ่านดวงตาของนาง ทําให้ฮวนมอเฉอเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เจ้าของโรงเตี้ยมเดินออกไป ฝีเท้าที่วัดได้ของนางยังคล้ายกับผู้ฝึกเพลงยุทธ นอกจากนี้ทักษะทั้งหมดของเสี่ยวเอ๋อในการเช็ดโต๊ะหรือเทชายังบอกเป็นนัยว่าพวกเขาไม่คุ้นเคยกับงานนี้มากนัก
ที่สําคัญกว่านั้น ฮวนม่อเฉอค้นพบว่าเสี่ยวเอ่อทุกคนมีหนังที่หนาระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้
ชางอู๋ซินกวาดสายตาไปที่ฮวนม่อเฉอ เมื่อเขาทําให้นางประหลาดใจโดยไม่คาดคิด อันที่จริงนางรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา แม้เขาจะดูเหมือนนายน้อยผู้สูงศักดิ์ที่ได้รับการเอาอกเอาใจมากเกินไปจากเมืองหลวง
ในตอนนี้ชางอู๋ซินตระหนักดีว่า ฮวนม่อเฉอนั้นไม่ธรรมดาเลย ตรงกันข้ามเขามีความลึกซึ้งเหลือล้น
เมื่อเห็นแววตาขององค์รัชทายาทซึ่งสาดมาที่ตัวเอง ฮวนม่อเฉอถึงกับกลั้นหายใจเพียงหวังว่าสายตานี้จะอยู่กับเขาไปอีกนาน แต่น่าเสียดายที่ดวงตาคู่นั้นขององค์รัชทายาทที่มีสีดําและเยือกเย็นราวน้ําแข็งหยุดอยู่เหนือเขาแค่ชั่วครู่ จากนั้นมันได้เคลื่อนจากไปทันที
“คนพวกนี้ไม่ใช่โจรภูเขา!” เล้งหยูเฟิงกล่าวด้วยความมั่นใจ แต่เมื่อคิดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เขาได้เพิ่มคําอธิบายว่า “ใคร ๆ ย่อมรู้ ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และมันเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่โจรภูเขาจะมาถึงระดับนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเห็นได้ชัดว่าพวกมันอยู่ที่นี่เพื่อเรา แต่ไม่น่าเป็นไปได้ที่โจรภูเขาจะรู้ว่าเรากําลังส่งธัญพืชไปทางใต้!”