บทที่ 910 เวยเวย มีคนพยายามฆ่าเด็กๆ (2)
แต่ตอนนี้เขามีองค์กรเป็นของตัวเองอย่างเป็นทางการแล้ว จำนวนเด็กที่ถูกส่งมายังเมืองอวิ๋นกุยเพิ่มจำนวนขึ้นห้าเท่าในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน หัวหน้ามีนิสัยค่อนข้างประหลาด เธอไม่เคยเรียกร้องเงินทอง แต่จะเลือกเด็กที่ตัวเองถูกใจมาจากบรรดาเด็กที่ถูกลักพาตัวมาอยู่บ่อยๆ
แต่เด็กพวกนั้นจะอยู่ได้เพียงแค่สามวันเท่านั้น พอพ้นวันที่สาม พวกเขาก็จะหายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าเด็กพวกนั้นหายไปไหน และไม่มีใครกล้าถามเธอ
เหล่าลิ่วรู้ว่าเธอเข้าหาเขาเพราะเขาทำธุรกิจด้านนี้ แต่หัวหน้าทำอะไรกับเด็กพวกนั้นกันแน่ เธอกินพวกเขาเข้าไปหรือ
เหล่าลิ่วไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้อีก เขาก้มหน้าลงเงียบๆ ด้วยท่าทางนอบน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นมองเขาก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“รถไฟเพิ่งถึงสถานีครับ ตอนนี้เขาน่าจะลงจากรถไฟแล้ว” เหล่าลิ่วบอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ”คุณอยากคุยกับเขาไหมครับ”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รับโทรศัพท์มาจากเขา ดูเหมือนความสนใจทั้งหมดของเธอจะมุ่งอยู่กับเด็กคนหนึ่ง เธอหยิบปากกาลูกลื่นขึ้น ก่อนจะตอบว่า ”ไม่จำเป็น ใครๆ ก็สามารถกางเขตอาคมที่สถานีรถไฟได้ทั้งนั้น บอกให้เขาใช้ยันต์ที่ฉันให้ กัดนิ้วที่มือขวาแล้วใช้เลือดวาดรูปไม้กางเขนลงบนพื้น จากนั้นปัญหาก็จะคลี่คลายด้วยตัวของมันเอง ต่อสายถึงเขา แล้วเปิดลำโพงให้ฉันได้ยินทุกอย่างด้วย”
ดวงตาของเหล่าลิ่วเป็นประกายเมื่อเขารู้ว่าเธอจะเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงรีบเปิดลำโพงอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ฟังคำสั่งจากคนที่อยู่ปลายสาย นักค้ามนุษย์จึงถูมือไปมาพร้อมกับมองอีกาที่อยู่นอกหน้าต่างอีกครั้ง ความตื่นเต้นและชั่วร้ายวาบขึ้นในดวงตาของเขา
เจ้าพวกไร้สมองนั่นคงคิดว่าเบื่อชีวิตสงบสุขจนอยากขุดหลุมฝังศพให้ตัวเอง!
เขาคลี่ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายพลางรูดซิปเสื้อคลุมอย่างแรง จากนั้นจึงเดินลงจากรถไฟ
หัวหน้าบอกว่าต้องกางเขตอาคมในที่ที่อยู่ห่างจากทางออกสถานี…
ตอนนี้เสี่ยวชิงเฉิงยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่บนที่นั่ง เขาไม่รู้เลยว่ารถไฟมาถึงสถานีแล้ว แต่เสียงผู้คนขัดจังหวะการนอนของเขา เขายกมือเล็กๆ ขึ้นขยี้ตา ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นนอน
ไป๋หลี่ซ่างเสียเห็นว่าเสี่ยวชิงเฉิงไม่อยากขยับตัว ดังนั้นเขาจึงอุ้มเสี่ยวชิงเฉิงขึ้นด้วยท่าทางน่าเกรงขาม เด็กชายค่อยๆ เดินออกไปอย่างช้าๆ พร้อมกับอุ้มเสี่ยวชิงเฉิงไว้ในอ้อมแขน เขาต้องชะโงกหน้าดูทางเป็นพักๆ เวลาที่ทัศนวิสัยถูกบดบัง แต่บนใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวราวกับตัดสินใจแล้วว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้จงได้
ไม่มีใครเห็นเด็กชายสองคนนี้แล้วไม่หลบทางให้ มีหลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปทั้งสองแล้วอัปโหลดลงในเว่ยปั๋วพร้อมเขียนบรรยายใต้ภาพไว้ว่า ”พวกเขาน่ารักชะมัด! อยากพากลับบ้านด้วยจังเลย!”
ไป๋หลี่ซ่างเสียไม่สนใจสายตาของคนนอก เขาคิดเพียงแค่ว่าการถูกผู้ใหญ่รายล้อมเช่นนี้ค่อนข้างดูประหลาดทีเดียว เพราะสิ่งเดียวที่เขาเห็นก็คือขาที่เหมือนขาไก่งวงย่างของพวกเขาเท่านั้น ถ้าเขาทนไม่ไหว เขาอาจจะคว้าขาของหนึ่งในนั้นกินก็เป็นได้
แต่เพราะอุ้มเสี่ยวชิงเฉิงอยู่ ไป๋หลี่ซ่างเสียจึงไม่มีมือเหลือ ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นพี่ชายผู้รักใคร่เอ็นดูน้องไปตลอดทาง
แม้กระทั่งไป๋หลี่ซ่างเสียก็อาจไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขาดูอ่อนโยนยิ่งกว่าครั้งใดเวลาที่ดูแลเสี่ยวชิงเฉิง
ทันทีที่พวกเขาลงมาจากรถไฟ อีกาสีดำก็บินมารวมกันแล้วเกาะลงที่กิ่งไม้ใกล้ๆ กับรางรถไฟ
นกพวกนั้นมีจำนวนมากเกินไปจนพนักงานไม่สามารถไล่พวกมันได้หมด อีกอย่าง พวกมันก็ยังไม่กลัวอีกด้วย อย่างไรอีกาก็ไม่เหมือนกับนกกระจอก ภาพนี้ดูจัดว่าหายากก็จริง แต่ในต่างประเทศที่มีความยั่งยืนทางธรรมชาติสูง การได้เห็นอีกาตอนกลางคืนนับว่าเป็นเรื่องปกติอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การที่รางรถไฟถูกปกคลุมไปด้วยขนสีดำของอีกาไม่ใช่เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คนที่กำลังเดินออกจากสถานีอดหันไปมองอีกาพวกนั้นไม่ได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ตรงข้ามรางรถไฟ รถบีเอ็มดับเบิลยูโทรมาฮอว์กคันนั้นดูดีอย่างมาก เมื่อบวกกับความสามารถในการขับขี่อันยอดเยี่ยมของเฮอเหลียนเวยเวยเข้าไปแล้ว การเร่งเครื่องและกระโดดข้ามรางรถไฟมายังถนนยางมะตอยอีกฝั่งหนึ่งจึงไม่ได้ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ที่นั่นมีรถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งจอดอยู่ คนขับเหมือนกำลังรอใครอยู่เช่นกัน เขามัวแต่สนใจกับโทรศัพท์ของตัวเองตอนที่รถบิ๊กไบค์คันนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้า ล้อของมันวาดลวดลายเป็นเส้นโค้งอันสมบูรณ์แบบบนพื้นด้วยความเร็วแสง
“เท่ชะมัดยาด!”
“เขาถ่ายหนังกันอยู่หรือ”
“บิ๊กไบค์คันนั้นมาจากบนฟ้าหรือ ใช้ลวดหรือสลิงอะไรดึงไว้หรือเปล่า”
“ไม่น่าจะมี”
“แค่รถคันเดียว คนสมัยนี้ขี้อวดกันจัง”
“ไอ้บ้า! นายไม่รู้หรือไงว่ารถคันนี้คือรถอะไร มันเป็นบีเอ็มดับเบิลยูโทมาฮอว์กเชียวนะ! ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเป็นรุ่นคลาสสิกด้วย ฉันว่าพวกเขาคงเลิกผลิตรถรุ่นนี้ไปนานแล้วด้วย เพราะงั้นต่อให้มีเงินนายก็ซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ ไอ้งั่งเอ๊ย!”
การจราจรรอบสถานีเริ่มตกอยู่ในสภาพวุ่นวายเพราะการปรากฏตัวของบีเอ็มดับเบิลยูโทมาฮอว์กคันนั้น ในเมืองเล็กๆ เช่นนี้มีคนที่รู้เรื่องรถดีอยู่เพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น แต่ต่อให้เป็นเมืองใหญ่ ทุกคนก็ยังให้ความสนใจกับรถสปอร์ตมากกว่า เพราะพวกเขามักคิดว่านอกจากรถจักรยานยนต์ของบริษัทฮาลีย์เดวิดสันแล้ว รถจักรยานยนต์คันไหนๆ ก็ล้วนแต่ราคาถูกด้วยกันทั้งนั้น
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนในสังคมคิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยมีฐานะยากจนอย่างมาก
ความจริงก็เป็นอย่างที่คนขับคนนั้นพูด รถบีเอ็มดับเบิลยูโทมาฮอว์กของเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นจัดว่าเป็นรถหายากคันหนึ่ง มันไม่ใช่รุ่นที่ใครๆ จะสามารถซื้อได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ลงจากรถ เธอแทรกรถจักรยานยนต์ของตัวเองเข้าไปอยู่กึ่งกลางระหว่างรถสปอร์ตสองคันพร้อมกับปล่อยให้สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านเส้นผมและชุดที่สวมอยู่ ก่อนเหยียบเบรกลงที่จัตุรัสของสถานีรถไฟแห่งนั้นจนเห็นสะเก็ดไฟ เธอใช้ขายาวประคองรถพลางถอดหมวกกันน็อกบนศีรษะออก
เมื่อครู่นี้ฝูงชนก็ตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว มาตอนนี้เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยเปิดเผยใบหน้าของตัวเองออกมาให้เห็น ทุกคนก็ถึงกับเบิกตากว้างตัวแข็งอยู่กับที่พร้อมกับอ้าปากค้าง และจ้องมองใบหน้าอันงดงามของเธอ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้สนใจความวุ่นวายที่ตัวเองก่อขึ้น แทนที่จะเป็นอย่างนั้น สายตาของเธอกลับจับจ้องอยู่ที่ฝูงอีกาสีดำแล้วเลิกคิ้วขึ้น มีอีกาเยอะถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ลำพังพลังของปีศาจตัวน้อยตัวนั้นไม่น่าจะพอควบคุมอีกาจำนวนมากขนาดนี้มิใช่หรือ ทุกคนที่ร่ำเรียนการขับไล่วิญญาณร้ายด้วยศาสตร์แห่งหยินหยางมาย่อมรู้ดีว่าอีกาสีดำสนิทพวกนี้แท้จริงแล้วเป็นร่างจำแลงของปีศาจ หลังจากพวกมันกลายร่างเป็นปีศาจ พวกมันถึงจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ และยังสามารถกลายร่างเป็นสิ่งที่แม้แต่บรรดาผีดูดเลือดก็ยังไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้
อีกาเป็นเผ่าพันธุ์ที่สง่างามและเก่าแก่ พวกมันพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศอังกฤษและปกติจะอาศัยอยู่ในปราสาท แต่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าพวกนี้จะปรากฏตัวขึ้นในประเทศจีน อีกทั้งยังมีจำนวนมากถึงเพียงนี้อีกด้วย เว้นเสียแต่จะมีผู้มีอำนาจเข้าใกล้พวกมัน…
ที่ด้านในของสถานีรถไฟ ไป๋หลี่ซ่างเสียยังอุ้มเสี่ยวชิงเฉิงไว้ระหว่างเดินออกมา ท่าทางการเดินที่เซไปทางซ้ายทีขวาทีนั้นทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาล้มลุก
หลังจากเสี่ยวชิงเฉิงขยี้ตาเสร็จ ในที่สุดเขาก็ตื่นเต็มตา เขาหันไปมองทางออกพลางคิดกับตัวเองว่า เวยเวยคนสวยยังมาไม่ถึงอีกหรือ
“แม่นายแต่งตัวยังไง” ไป๋หลี่ซ่างเสียถามด้วยท่าทางทรงเสน่ห์
เสี่ยวชิงเฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า ”แม่จะแต่งตัวแบบไหนก็ไม่สำคัญหรอก ที่เด่นกว่ามากคือรถที่เธอใช้ต่างหาก…”
ทัศนวิสัยของเด็กชายทั้งสองถูกบรรดาผู้ใหญ่บดบัง ถึงไป๋หลี่ซ่างเสียจะไม่ได้อุ้มเสี่ยวชิงเฉิงแล้ว แต่การมองฝ่าผู้คนมากมายเช่นนี้ออกไปก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาอยู่ดี
แต่มันเป็นคนละเรื่องสำหรับนักค้ามนุษย์คนนั้น เขากางเขตอาคมเอาไว้ที่ฝั่งตรงข้ามของประตูทางออก เพียงมองแค่ปราดเดียว เขาก็สามารถมองเห็นเด็กสองคนเดินจูงมือกันมาจนถึงขั้นบันไดได้ เขามองไม่ค่อยเห็นเด็กคนที่โตกว่านัก แต่สามารถมองเห็นเจ้าตัวเล็กคนที่เกือบทำให้เขาตกที่นั่งลำบากได้อย่างชัดเจน!