หลี่โม่เดินของจากดงหญ้า เดินไปยังหนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วง
หนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วงดูแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนหลี่โม่ยังต้องระมัดระวัง
มองดูศพห้าศพตรงหน้าของหนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วง หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นายเป็นคนฆ่าพวกเขา? การกระทำของนายดูเกินไปหน่อยนะ พวกเขาก็แค่ทำภารกิจไม่สำเร็จเท่านั้นเอง”
“เหอะๆ ทำภารกิจไม่สำเร็จก็ต้องตาย มาคุยเรื่องของพวกเรากันดีกว่า”
หนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วงยักคิ้ว เอียงหัวมองดูหลี่โม่ เหมือนกับว่าไม่มองหลี่โม่ไว้ในสายตาเลยสักนิด
หลี่โม่ยักไหล่เฉยๆ “ก็ดี งั้นก็มาคุยกันว่าใครเป็นคนสั่งนายมาละกัน พูดให้ชัดเจนแล้วฉันยังปล่อยพวกนายไปได้”
“ฮ่าๆๆ ปล่อยพวกฉันไป นี่ถือเป็นเรื่องตลกที่สุดที่ฉันได้ยินมา ตอนนี้ฉันเป็นผู้มีอำนาจ นายเป็นแค่เหยื่อ นายยังไม่เข้าใจสถานะของตัวเองอีกหรอ?”
ใบหน้าของหนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วงยิ้มล้อเลียน เหมือนคิดว่าหลี่โม่มาเพื่อเล่นตลก
หลี่โม่ยิ้มอ่อน “ฉันคิดว่าคนที่เป็นเหยื่อคือพวกนาย ส่งพวกนายลงไปเป็นอาหารปลาในแม่น้ำได้พอดีเลย”
หนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วงไม่พูดอะไร แต่ใบหน้ามีสีหน้าโมโหแล้ว พวกกลุ่มชายชุดดำต่างก็อารมณ์กันขึ้นมาแล้ว ต่างก็ด่าทอหลี่โม่กัน
“ไอ้หนุ่มใจกล้าดีนี่ ถึงได้กล้าพูดจาแบบนี้กับท่านโหว ถ้าหากว่าแกรู้ตัวตนของท่านโหว ทำเอานายตกใจกลัวแน่”
“กล้าเถียงท่านโหว นายมีทางเลือกแค่ตายเท่านั้น รอตายได้เลย ยังอยากจะเอาชีวิตพวกเรา นายมันบ้าไปแล้วมั้ง”
“ท่านโหวครับ ให้พวกผมจัดการ ฆ่าไอ้หนุ่มนี่ที่ไม่รู้จักเป็นตายซะเลยเถอะครับ ถ้าปล่อยให้มันพูดไร้สาระอีก จะเป็นการทำลายหูของท่านโหวซะเปล่า”
หนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วงที่ถูกเรียกว่าท่านโหวโบกมือ พวกชายชุดดำด้านหลังก็หุบปากอย่างพร้อมเพรียง และไม่ส่งเสียงอะไรอีกสักนิด
ในท่าเรือร้าง กลายเป็นมีแต่เสียงลมในทันที
หลี่โม่มองท่านโหวคนนี้เงียบๆ ในใจพอจะรู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายบ้างแล้ว
ท่านโหวมองหลี่โม่ด้วยรอยยิ้ม “พูดอย่างน่าเกรงขามว่า “ไอ้หนุ่ม ตอนนี้นายน่าจะรู้ถึงตัวตนของฉันแล้วมั้ง ฆ่านายน้อยสำนักหลงเหมินที่เป็นเหมือนขยะอย่างนาย ฉันก็สามารถไปเอาหน้าได้ที่ท่านราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมินแล้ว”
“พอจะรู้บ้างแล้ว ตระกูลศิลปะการต่อสู้ ตระกูลโหวเสื้อม่วง ที่นายสามารถถูกเรียกว่าท่านโหว คิดว่าน่าจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลโหว แต่ก็เพิ่งรู้ครั้งแรกเลยว่าตระกูลโหวเสื้อม่วงก็เป็นหมารับใช้ของราชาใหญ่ด้วย”
สีหน้าหลี่โม่เย็นชา สิ่งที่ท่านโหวพูดหลี่โม่ไม่ได้เชื่อไปซะทุกอย่าง เพราะในตอนที่เขาพูดถึงราชาใหญ่ สีหน้าไม่ได้มีความเคารพสักเท่าไหร่ ประโยคนี้ฟังยังไงก็เป็นการโกหกปิดบังความจริง
ตระกูลโหวเสื้อม่วง มีเพียงแค่ผู้สืบทอดเท่านั้นที่สามารถใส่เสื้อม่วงได้ แล้วผู้สืบทอดตระกูลโหวเสื้อม่วงเวลาออกไปข้างนอก ก็จะมีคนนับไม่ถ้วนเดินตาม แต่นั่นก็สำหรับคนทั่วไปก็เท่านั้น
และปกติแล้วราชาใหญ่ก็ไม่สนิทกับคนในวงการศิลปะการต่อสู้ เพราะว่ายอดฝีมือที่ว่านั้น ไม่สำคัญพอ แค่เพียงยอดฝีมือที่สำนักหลงเหมินฝึกฝนออกมา ก็เก่งกว่าพวกยอดฝีมือของศิลปะป้องกันตัวพวกนั้นมากแล้ว
“ฮ่าๆๆ แกก็เคยได้ฟังชื่อเสียงของท่านโหวคนนี้มาบ้าง ตอนนี้กลัวแล้วใช่มั้ยละ คุกเข่าคำนับสามทีให้ท่านโหวคนนี้ซะดีๆ ไม่แน่ถ้าท่านโหวคนนี้อารมณ์ดี จะไว้ชีวิตของแก”
ท่านโหวสีหน้าได้ใจ กระทืบเท้าหนักๆ ปูนซีเมนต์ที่พื้นก็ถูกฝ่าเท้าของเขาเหยียบจนแตกออก
ระดับเกณฑ์การก่อสร้างของท่าเรือ ดีกว่าการก่อสร้างถนนทั่วไปอย่างมาก จะต้องสามารถรับน้ำหนักของรถและความถี่ของการกดทับแล้วยังไม่เสียหาย
แต่ว่าตอนนี้ ถนนที่สามารถรับน้ำหนักของรถแล้วไม่เสีย กลับถูกท่านโหวกระทบแตกในทีเดียว
ท่านโหวรู้สึกพอใจกับการกระทืบเท้านี้ของตัวเองมาก อำนาจของฝ่าเท้านี้ทำเอาราศีของท่านโหวขึ้นไปอยู่ถึงจุดสูงสุด
ท่านโหวที่สีหน้ายิ้มแย้ม อยากจะเห็นสีหน้าตกใจของหลี่โม่ ถ้าหากว่าหลี่โม่ปรากฏสีหน้าตกใจ ท่านโหวก็จะยิ่งสบายใจมากขึ้น
แต่ว่าท่านโหวต้องผิดหวังแล้ว
สีหน้าหลี่โม่นิ่งเฉย รวมทั้งมีความดูถูกอยู่ด้วย โยนดาบสั้นในมือลงกับพื้น
สีหน้าของท่านโหวเปลี่ยนไป รอยยิ้มบนใบหน้าไม่อยู่อีกต่อไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมดั่งแม่น้ำ ถ้าหากว่าใช้มือบิด อาจจะสามารถบิดน้ำออกมาก็ได้
ท่านโหวรู้สึกว่าตัวเองถูกหลี่โม่สบประมาท ดาบสั้นที่ถูกหลี่โม่โยนทิ้ง ถือเป็นหลักฐานชั้นดี ถ้าหากว่าหลี่โม่ให้ความสำคัญแก่ท่านโหว มองท่านโหวเป็นศัตรูอันตราย จะไม่มีทางโยนอาวุธทิ้ง
หลี่โม่กำลังสบประมาทท่านโหวจริงๆ ดูถูกที่ระดับการอวดเก่งของท่านโหวนั้นแย่เกินไป ดังนั้นหลี่โม่จึงตัดสินใจใช้การกระทำ สอนท่านโหวว่าควรจะอวดเก่งยังไง
หลี่โม่กระดิกนิ้วใส่ท่านโหว
“มา ให้ฉันดูสิว่าผู้สืบทอดตระกูลโหวเสื้อม่วงอย่างนาย ฝึกฝนความเก่งของตระกูลโหวเสื้อม่วงมามากเท่าไหร่”
“ไอ้หนุ่ม นายจะต้องเสียใจกับทุกคำพูดของนายในตอนนี้แน่นอน ฉันรับประกัน!”
ท่านโหวที่โมโหอย่างมากกำลังลุกเป็นไฟไปทั้งตัว เหวี่ยงกำปั้นใหญ่ไปทางหลี่โม่อย่างเกรี้ยวกราด
กำปั้นของท่านโหวหยาบมาก ข้อมือที่นูนออกมายังมีหนังตายอยู่เป็นแผ่นหนา นั่นเป็นสิ่งที่ได้มาจากการที่ท่านโหวฝึกฝนหมัดเหล็กเส้นของตระกูล
ต่อยทรายเหล็ก แช่ยา วิชาที่ฝึกฝนอย่างยากลำบากมาหลายสิบปี ในที่สุดก็มีหนังตายหนาๆนี้มา
หนังตายชั้นนี้ สามารถทำให้การโจมตีของกำปั้นแรงกว่าเดิม ยิ่งทำให้ท่านโหวไม่รู้สึกเจ็บที่กำปั้น แล้วแสดงการโจมตีที่แข็งแกร่งได้มากขึ้น
การโจมตีของหมัดเหล็กเส้น ไม่เหมือนกับกำปั้นธรรมดา ไม่ได้ใช้ด้านเรียบของกำปั้น แต่ใช้รอยต่อระหว่างฝ่ามือของกำปั้น
กำปั้นของท่านโหวเหวี่ยงไปส่งเสียงในอากาศ นี่ทำให้การโจมตีของท่านโหวยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น
หลี่โม่มองดูกำปั้นที่ท่านโหวเหวี่ยงมาอย่างนิ่งเฉย ในตอนที่หมัดนั้นเข้ามาใกล้ ร่างกายของหลี่โม่ถึงได้มีการขยับอย่างไม่รีบร้อน
หลี่โม่ไม่ได้ไปขวางหมัดนั้นของท่านโหว
กำปั้นนั้นหนักแน่น ถ้าไปขวางมีเพียงแค่หาเรื่องเจ็บตัว
ตำแหน่งที่หลี่โม่โจมตีคือที่ข้อบกพร่องที่จะต้องเอาตัวรอดของท่านโหว ถ้าหากว่าท่านโหวไม่เอาตัวรอด เพียงหมัดเดียวของหลี่โม่ก็สามารถเอาชีวิตของท่านโหวได้
เห็นตำแหน่งที่หลี่โม่โจมตีแล้ว สีหน้าของท่านโหวก็เปลี่ยนไปในทันที
สามารถโจมตีข้อบกพร่องเพียงหนึ่งเดียวของตัวเองได้อย่างไม่ลังเล ท่านโหวรู้สึกเหมือนว่าหลี่โม่จะรู้ถึงวิชาของตระกูลโหวเสื้อม่วงเป็นอย่างดี
ไอ้หนุ่มนี้รู้ข้อบกพร่องของวิชาในตระกูลโหวเสื้อม่วงได้ยังไง! ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด แล้วคนนี้ก็เป็นเพียงนายน้อยที่ถูกทอดทิ้งของสำนักหลงเหมินก็เท่านั้น ยิ่งไม่ควรมีวิชาอะไรเลยสิ!
ถึงแม้ในใจของท่านโหวจะคิดอยู่เยอะ แต่ว่าการกระทำในมือกลับไม่มีความลังเลอะไรเลยสักนิด
ดึงกำปั้นกลับ ถอยหลังเปลี่ยนกระบวนท่า ท่านโหวเปลี่ยนวิธีการโจมตี กำปั้นหนักแน่น มุ่งตรงไปยังลำคอของหลี่โม่