เฮ่อเหลียนเวยเวยยื่นมือออกไปคว้าเด็กชายทั้งสองเข้ามายืนข้างๆ
เหตุการณ์ชวนขนหัวลุกจุดประกายความประหลาดใจขึ้นในดวงตาของบรรดาเศรษฐีเหล่านั้นอย่างมาก
พลังที่ไม่มีใครรู้จักนี้ย่อมทำให้ทุกคนตื่นเต้นได้เป็นธรรมดา
ปาฎิหาริย์ มันต้องเป็นปาฎิหาริย์อย่างแน่นอน!
ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าลิ่วจะกลายเป็นผู้ครองตลาดด้านนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทุกคนพูดกันจะเป็นความจริง ในเมื่อมีหัวหน้าที่สามารถควบคุมบงการซึ่งทุกสิ่งอยู่ในกำมือ เขาย่อมไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะหาเงินไม่ได้
เศรษฐีเหล่านั้นสบตากัน แล้วยกนิ้วโป้งให้กับเหล่าลิ่ว
เหล่าลิ่วสูบบุหรี่ด้วยความพอใจ แล้วเอ่ยอย่างอวดดีว่า ”รอดูก็แล้วกัน เจ้ามือใหม่พวกนี้จะได้รู้ซึ้งว่าความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างไร หล่อนก็เป็นแค่ตำรวจธรรมดาที่พอจะมีความรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งเต๋าอยู่เล็กน้อยเท่านั้น แต่หล่อนกลับกล้าคิดที่จะสู้กับฉันหรือ รนหาที่ตายชัดๆ!”
เหล่าลิ่วสามารถมองเห็นการตายของเฮ่อเหลียนเวยเวยกับลูกๆ ของเธอได้อย่างชัดเจน!
อย่างไรก็ไม่มีใครสามารถหลีกหนีจากเขตอาคมของหัวหน้าได้ สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนที่พวกเขาใช้ยันต์จัดการกับคนทั่วไป เพราะตอนนี้มันคือการต่อสู้ของจริง!
หารีติยังคงจ้องมองเสี่ยวชิงเฉิงราวกับมีเขาเป็นเป้าหมายเดียวเท่านั้น
หมอกสีดำจากรอบข้างเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างทีละน้อย
กลิ่นอายของหมอกที่ปรากฏขึ้นนั้นแตกต่างไปจากกลิ่นอายของปีศาจ
หมอกสีดำที่ว่านี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเหม็นคลุ้ง
จากนั้นวิญญาณชั่วร้ายดวงหนึ่งก็กระโจนออกมาจากหุ่นตัวนั้น
มันเป็นวิญญาณของเด็กอายุน้อยกว่าสี่ขวบ สวมชุดไว้ทุกข์สีขาว ผิวของมันเป็นสีขาวซีด และมีลิ้นสีแดงห้อยออกมาจากมุมปาก เด็กคนนี้ไม่ได้ดูน่ารักเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับดูน่ากลัวอย่างมากและยังเต็มไปด้วยบรรยากาศอันน่าขนลุก
มันชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อแสงบนรถไฟทะลุผ่านร่างน้อยๆ ของตัวเอง แต่ในไม่ช้าเด็กคนนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างร่าเริงราวกับได้กลิ่นอาหารอันโอชะ นัยน์ตาของมันหดเข้าหากันจนมีขนาดเท่าเข็มแล้วกระโดดเข้าใส่ไป๋หลี่ซ่างเสียกับเฮ่อเหลียนชิงเฉิงทันทีที่หันหน้ากลับมา!
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วกว่า เธอหมุนตัวและใช้ตัวเองปกป้องพวกเขาเอาไว้จากการโจมตีนั้น
เธอไม่จำเป็นต้องกางเขตอาคมหรือท่องคาถาอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แทนที่จะทำเช่นนั้น เธอกลับกระตุกยิ้มแล้วดึงดาบวงพระจันทร์ออกมา
กรงเล็บเล็กๆ ที่กวัดแกว่งอยู่กลางอากาศหยุดชะงักอย่างกะทันหันราวกับได้เห็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก ปีศาจตัวน้อยกรีดร้องอย่างทรมาน และพยายามหันหลังกลับเพื่อหนีจากสิ่งนั้น แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับไม่ยอมให้มันได้ทำเช่นนั้น เพราะเธอเงื้อดาบในมือขึ้นทันที
ดาบวงพระจันทร์ที่สร้างขึ้นมาจากพระสารีริกธาตุของหงส์เพลิงเล่มนี้สามารถทำลายปีศาจบนโลกได้ทุกตน
แล้วนับประสาอะไรกับปีศาจตัวน้อยๆ หน้าตาเหมือนวิญญาณอาฆาตของทารกเช่นนี้
ท่ามกลางภาพอันอลังการตระการตานั้น ร่างของปีศาจตัวน้อยดูราวกับตกอยู่ภายใต้อาคมของพระสารีริกธาตุและสลายหายไปในอากาศ
ส่วนไป๋หลี่ซ่างเสียและเฮ่อเหลียนชิงเฉิงนั้น พวกเขาไม่ได้รับผลกระทบจากมันแต่อย่างใด โดยเฉพาะคนหลัง ใบหน้าเล็กๆ อันเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันที่มีให้กับมนุษย์เหล่านี้
ทุกคนสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูกและหารีติเองก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน รอยร้าวปรากฏขึ้นบนหุ่นที่อยู่บนพื้น รอยนั้นฝังลึกลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับกระจายไปทั่วตัวหุ่นราวกับใยแมงมุม จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงดังเพล้ง เจ้าหุ่นตัวนั้นแตกเป็นเสี่ยงอยู่กับพื้นทันที!
ดวงตาของเหล่าลิ่วเบิกกว้างขณะที่ถามว่า ”หัวหน้า เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
คนธรรมดาย่อมไม่สามารถมองเห็นดาบวงพระจันทร์ที่ทำจากพระสารีริกธาตุของหงส์เพลิงที่เฮ่อเหลียนเวยเวยถืออยู่ในมือได้
คนเดียวที่มองเห็นมันมีเพียงแค่หารีติ แต่เธอกลับไม่รู้จักดาบเล่มนี้ เธอมองเฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับถามอย่างระมัดระวังว่า ”แกเป็นใครกันแน่”
“มาถามว่าฉันเป็นใครเอาป่านนี้มันจะไม่สายเกินไปหน่อยหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินตรงเข้าไปทางหารีติ คมดาบในมือของเธอสะท้อนแสงเป็นประกายในทุกครั้งที่เธอก้าวเดิน
“ฉันแสดงให้เห็นชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือว่าฉันไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับใคร ฉันก็แค่อยากมีลูกเป็นของตัวเอง คนที่เริ่มก่อนคือแกต่างหาก” หารีติหรี่ตาลง
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะ ”ก็จริง เจ้าไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร แต่ฉันถามหน่อยก็แล้วกันว่าเจ้าเคยขออนุญาตพ่อแม่ของเด็กก่อนที่จะขโมยลูกของคนอื่นมาเป็นลูกตัวเองหรือเปล่า บนโลกใบนี้มีแต่คนชั้นต่ำไร้ค่าเท่านั้นแหละที่จะทำเรื่องพรรค์นี้ได้ การกระทำของเจ้ามีอะไรแตกต่างไปจากคนพวกนั้นกันล่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของหารีติก็บูดบึ้ง จากนั้นเธอจึงคำรามขึ้นว่า ”แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงสามารถมาตำหนิฉันได้ แกมันก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ ฉันอุตส่าห์ยอมเสนอทางออกให้แก แต่แกกลับไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ ถ้าอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน รอดูก็แล้วกันว่าแกจะได้ตายในสภาพไหน!”
ทันทีที่พูดจบ พลังอันคมกริบราวกับมีดและชั่วร้ายยิ่งกว่าปีศาจก็ระเบิดออกมาและทะลักไปทั่วตู้โดยสารตู้นั้นในคราวเดียว!
ฝ่ามือของเฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ สร้างพายุหมุนลูกหนึ่งขึ้นที่ใจกลางฝ่ามือตัวเอง
แต่ในตอนนั้นนั่นเอง…
“โครม!”
เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางนอกหน้าต่างตู้โดยสารนั้น
พวกเขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังกดทับหลังคารถไฟอย่างแรง
ตามมาด้วยเสียงการสั่นสะเทือนของใบพัดจากเครื่องบิน
ทุกคนตกอยู่ในความสับสน และทำได้เพียงแค่มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความงุนงง
ไม่ใช่แค่หารีติเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้กระทั่งเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยังเอียงศีรษะเล็กน้อย
เธอสั่งวานรกับคนอื่นๆ เอาไว้ว่าให้นำเรื่องการลักลอบค้าเด็กที่เกิดขึ้นบนรถไฟไปแจ้งตำรวจทันทีที่เธอช่วยลูกชายคนที่สองได้แล้ว
และดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน เรื่องนี้ก็คงไม่ได้อยู่ในแผนการของอีกฝ่ายเช่นกัน
“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?!” เหล่าลิ่วยิ่งรู้สึกร้อนใจ เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะมีปัญหาถาโถมเข้าใส่มากมายถึงเพียงนี้ เขาดึงลูกน้องที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้ามาแล้วถามว่า ”ทำไมรถไฟถึงหยุดวิ่ง เฮ้ย! ฉันถามแกอยู่ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นข้างนอกนั่น คนควบคุมรถไฟอยู่ไหน พามันมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”
“เหล่า… เหล่าลิ่วครับ!” ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ”มี… มีใครบางคน.. เพิ่ง.. เพิ่งเอาเครื่องบินลงจอดบนรถไฟครับ มัน… มันเป็นเครื่องบินส่วนตัว”
เหล่าลิ่วตบหน้าอีกฝ่ายดังฉาด แล้วตวาดว่า ”ก็แค่เครื่องบินส่วนตัว แกจะโวยวายไปทำไมวะ มันไม่ใช่เครื่องบินตำรวจสักหน่อย!”
“เดี๋ยวสิ! ทุกคนดูนั่น! นั่นมันอะไรน่ะ?!” เศรษฐีคนหนึ่งยกแขนขึ้นแล้วชี้นิ้วอันสั่นเทาของตัวเองขึ้นไปยังสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนสีดำสนิท
แต่สิ่งที่บินอยู่รอบรถไฟนั้นกลับเป็น… อีกาดำจำนวนนับไม่ถ้วน!
เมื่อไป๋หลี่ซ่างเสียเห็นภาพนั้น เขาก็สามารถเชื่อมโยงมันเข้ากับเสียงดังโครมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ทันที เขารู้แล้วว่าคนที่มาคือใคร
แต่เหล่าลิ่วกลับเยาะขึ้นมาว่า ”ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าใครหน้าไหนมันกล้าขนาดเอาเครื่องบินส่วนตัวลงจอดในถิ่นของฉัน เก็บมันให้หมด ทุกคนขึ้นไปบนหลังคาซะ!”
เศรษฐีพวกนั้นไม่กล้าไปด้วย พวกเขาไม่อยากตกปลาในน้ำเน่า
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงนิ่ง เพราะเธอรู้ว่าอีกไม่นานเหล่าลิ่วจะต้องถอยร่นกลับมา คนที่สามารถสั่งการอีกาจำนวนมากมายขนาดนี้ได้มีแต่ปีศาจชั้นสูงเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น
ปีศาจที่ว่านี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าหารีติ ดังนั้นมันย่อมจัดการเหล่าลิ่วได้อย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ถ้าเขาไม่สนใจความรู้สึกของเด็กแต่กลับสนใจแค่ผู้หญิงคนเดียวแล้วละก็ เขาก็เป็นได้แค่คนสารเลวคนหนึ่งเท่านั้น…
ปัง!
ประตูรถไฟถูกง้างออกด้วยฝีมือของคนคนหนึ่ง ก่อนที่บรรดาลูกน้องของเหล่าลิ่วจะขึ้นไปบนหลังคารถทีละคน
บนหลังคารถไฟ ใบพัดของเครื่องบินส่วนตัวลำนั้นยังคงหมุนอยู่ แต่ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งเปิดประตูเครื่องออก ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก้าวเท้าลงมาจากเครื่องบินด้วยช่วงขาอันสมบูรณ์แบบ ชุดสูทสีดำกับผมสีเงินปรอทนั้นแสดงให้เห็นถึงความสูงศักดิ์สง่างามของเขาได้อย่างชัดเจน