บทที่ 883 หลี่จิ่วเต้า ‘เจ้าจะทนรับผลกรรมไหวหรือ?’
เลือดของผู้ใด? แม้ว่าจะถูกเจือจางมาไม่รู้เท่าไหร่ ก็ยังสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นอย่างมาก มาถึงจุดสูงสุดของขั้นที่สาม!
ยอดปีศาจสะท้านโลกันตร์รำพึงด้วยอารมณ์มากมายภายในใจ หน้าฉากช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!
นางมีนามว่าไป๋ซู่ ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่สามารถคาดเดาร่างที่แท้จริงของนางออก นางเป็นกระต่ายน้อยสีขาวบริสุทธิ์ตัวหนึ่ง สายเลือดไม่อาจกล่าวได้ว่าทรงพลัง แต่ทว่าก็ยังสามารถโลดแล่นในโลกหลังฉากได้
อีกด้านหนึ่ง ภายในความมืดยังมีสิ่งมีชีวิตรำพึงออกมาเช่นเดียวกัน บนร่างเต็มไปด้วยปราณมาร ภายในดวงตาเปล่งประกายโลหิต ทั้งแปลกประหลาดและน่าดึงดูด
‘ชายหนุ่มผู้นี้ยังดูชั่วร้ายกว่าข้าอีกหรือ? เขาคือใครกัน? เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นสี่ขั้นห้าจากหลังฉากก็ต่างระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ลงมือเคลื่อนไหวง่าย ๆ เขาจะใช่หนึ่งในสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นหรือไม่?’
เขาครุ่นคิดขึ้นมา เดิมทีเขาต้องการปรากฏตัวออกไปคนแรก ทว่าหลังจากเห็นชายหนุ่มลงมือแล้ว เขาก็เก็บความคิดนี้กลับไป ตัดสินใจรอดูท่าทีไปก่อน
เขาเป็นยอดมารสะท้านโลกันตร์ตนหนึ่ง หากสัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นสี่ขั้นห้าของหลังฉากไม่ลงมือ เขาก็นับได้ว่าไร้เทียมทาน มีคู่ต่อกรอยู่น้อยนิด
อย่างที่เขากล่าวออกไป สัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นสี่ขั้นห้าจากหลังฉาก ไม่รู้ว่ามีข้อห้ามอันใดจึงออกเคลื่อนไหวเพียงน้อยครั้ง นอกจากนั้นล้วนปิดด่านหายากยิ่งจะได้พบเห็น
“กลัวตายหรือ? ถึงไม่กล้าต่อสู้! สมรภูมิมืดมิดเองก็ไม่ไป ไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นคิดอันใดอยู่…”
เขาเอ่ยต่อ
สมรภูมิมืดมิดและโลกหลังฉากถูกตัดขาดออกจากกัน ที่นั่นสรวงสวรรค์ พระพุทธศาสนา ศาสนาเต๋า และกองกำลังสูงสุดอื่น ๆ อันเปี่ยมด้วยความชอบธรรมตั้งเขตแดนขึ้นมา ตัดการเชื่อมต่อกับหลังฉาก เพื่อไม่ให้กองกำลังมืดมิดหลั่งไหลเข้ามายังหลังฉาก
เขาตระหนักได้เป็นอย่างดี มีสัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม เร้นกายอยู่หลังฉาก ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอันใดอยู่จึงไม่ออกหน้าไม่แสดงตัว
“บอกว่าจะสกัดกั้นก็สามารถสกัดกั้นได้อย่างนั้นหรือ? มองโลกในแง่ดีเกิดไปแล้ว นั่นเป็นเขตแดนที่สร้างขึ้นโดยเตรียมใจตาย สิ่งมีชีวิตที่ปกปักสมรภูมิมืดมิดไม่ได้วางแผนจะมีชีวิตกลับมา…”
เขาส่งเสียงดูแคลนสรวงสวรรค์ พุทธศาสนา ศาสนาเต๋า และกองกำลังอื่น ๆ ที่ถูกกดดันในสมรภูมิมืดมิด
“การรุกรานของความมืดเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นหรือ? จมลงสู่ความมืดแล้วอย่างไร? การมีชีวิตอยู่จำเป็นต้องระงับนิสัยที่แท้จริงจึงจะดีเช่นนั้นหรือ? ฝึกฝนจนได้รับพลังอันแข็งแกร่ง แต่กลับไม่สามารถทำตามใจชอบได้ เช่นนั้นยังจะฝึกฝนไปเพื่อสิ่งใด?”
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะ “อย่างที่คิด ความมืดมิดควรจะมาให้เร็วยิ่งกว่านี้เสียด้วยซ้ำ! สิ่งใดคือคุณธรรมจริยธรรม สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่มีอันใดไปมากกว่าโซ่ตรวนที่ผู้ฝึกตนล่ามเอาไว้บนร่างตนเอง! สมควรละทิ้งไปตั้งแต่แรกแล้ว! ได้ครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่ ก็ไม่ควรใช้ชีวิตยุ่งยากเหนื่อยหน่ายเช่นนั้น! สมควรได้รับการปลดปล่อย! หวังว่าความมืดมิดจะมาถึงเร็ววัน ทำลายพันธนาการที่สมควรละทิ้งนานแล้วออกไป! ข้าต้องการจะเห็นยุคที่เจริญรุ่งโรจน์เช่นนั้น!”
สิ่งใดคือคุณธรรมจริยธรรม เขาไม่เคยใส่ใจ ทั้งยังดูแคลนเชิดจมูกใส่
สำหรับเขาแล้วนั่นเป็นเรื่องโง่งมที่สุด
เขาละทิ้งสิ่งเหล่านั้นไปนานแล้ว คิดทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น ไม่มีความยับยั้งชั่งใจแต่อย่างใด
“ข้ามาที่หน้าฉาก ไม่ใช่เพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น แต่เพราะต้องการจะไขว่คว้าเบื้องลึกอันไม่ธรรมดาของหน้าฉาก จากนั้นจะได้ถอนฟืนจากใต้กระทะ*[1]ของคนน่าเวทนาเหล่านั้น ทำลายเขตแดน ต้อนรับความมืดมิดให้เข้ามา!”
รอยยิ้มแปลกประหลาดมืดมนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา
เขาซ่อนกายปกปิดลมหายใจของตนเองเอาไว้ ไม่ปรากฏตัวออกมา หากเขาปรากฏตัว สิ่งมีชีวิตหลังฉากทั้งหมดจะต้องหวาดกลัวอย่างแน่นอน ทั้งยังอาจหลบหนีจากที่นี่ไปทันที
เขาคือมารซิน*[2] ถูกสิ่งมีชีวิตในฉากหลังเรียกว่า ‘มารหทัย’ โหดร้ายอำมหิตเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังไร้จิตสำนึกใด ๆ!
ครั้งหนึ่งที่หลังฉาก เขาได้สังหารภรรยาตนเอง ดับชีพบิดามารดาผู้ให้กำเนิด เนรคุณอาจารย์ทำลายบรรพชน ข่มเหงภรรยาอาจารย์เป็นของเล่น ไร้ซึ่งศีลธรรมและความเป็นคน
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากในหลังฉากต่างก็หวาดเกรงในตัวเขา หากผู้ใดพบเจอ ย่อมต้องเผชิญกับจุดจบอันเลวร้าย แม้จะสามารถรอดชีวิตมาได้ สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นบ้า ถูกทรมานจนเสียสติ
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความน่าหวาดกลัวและความแข็งแกร่งของเขา
ไร้จิตสำนึก ไม่มีคุณธรรมหรือความเป็นคนแม้แต่น้อย กระทำการตามใจชอบในหลังฉาก ยั่วยุโทสะคนจำนวนมาก ทว่ากลับยังมีชีวิตอยู่ดีจนกระทั่งถึงตอนนี้ นับว่าเขามีฝีมือไม่ธรรมดาจริง ๆ
ในความมืดอีกด้านหนึ่ง
หวังจื้อ ผู้เป็นศิษย์พี่ของว่านเซวียนแสดงสีหน้าจริงจังอย่างถึงที่สุด
“ชายหนุ่มผู้นั้นช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยบางประการ...”
เขารำพึงกับตนเอง เขาเองก็ไม่ล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของชายหนุ่มเช่นเดียวกัน ทว่าเขากลับเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่อาจอธิบายได้ ราวกับว่าเคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน
สิ่งนี้ทำให้ตัวเขารู้สึกประหลาดใจ ยอดฝีมือขั้นสาม สี่ และห้าในหลังฉากมีอยู่จำนวนจำกัด ทว่าผู้ที่เขาพบเห็นก็มีอยู่จำกัดยิ่งกว่า
ชายหนุ่มสามารถนำพาความรู้สึกกดดันมาให้เขาได้ ในเมื่อตัวเขาอยู่ขั้นที่สาม ชายหนุ่มย่อมต้องอยู่เหนือขั้นที่สามอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อเขาหวนคิดถึงเหล่าสิ่งมีชีวิตเหนือขั้นสามที่เคยได้พบ ชายหนุ่มก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น
“หรือว่าก่อนหน้านี้เขาจะอ่อนแอ ภายหลังจึงค่อยแข็งแกร่งขึ้น?”
เขาเอ่ยต่ออย่างไม่ค่อยแน่ใจ
อาจเป็นผู้ที่เขาเคยพบเห็นเมื่อนานมาแล้ว? ทว่ายามนั้นยังไม่แข็งแกร่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้น
นอกจากนี้เหล่ายอดฝีมือคนอื่น ๆ จากหลังฉาก ต่างก็ให้ความสำคัญกับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
การปรากฏตัวของชายหนุ่มทำให้พวกเขาคาดไม่ถึง นี่เป็นศัตรูที่ไม่คาดคิด ทั้งยังไม่รู้จักมาก่อน
อย่างไรเสียยอดฝีมือระดับเดียวกับพวกเขาในหลังฉากก็มีอยู่ไม่มากนัก พวกเขาล้วนทราบกันเป็นยังดี อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีการเตรียมตัวมาพร้อม
…
บนยอดเขา
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วเล็กน้อย งานดี ๆ เช่นชุมนุมพ่นใย เหตุใดจึงมีชายหนุ่มออกมาสร้างปัญหา?!
เขาถอนหายใจภายในใจ สุดท้ายคนก็ตายเพราะเงิน นกตายเพื่ออาหาร ผู้ฝึกตนเองก็ไม่อาจข่มกลั้น
ในเมื่อเปิดปากออกมาแล้วว่าต้องการกินผลไม้เหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ของชายหนุ่มคือผลไม้เหล่านั้น
นี่เป็นผลไม้ที่ปลูกด้วยดินโกลาหลอันแลกมาจากบรรพจารย์ฝู ย่อมเหนือชั้นไม่ธรรมดา มีแรงยั่วยวนต่อผู้ฝึกตนเป็นอย่างมาก
ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจดึงดูดสิ่งมีชีวิตพ่นใยให้มาเข้าร่วมได้มากมายถึงเพียงนี้
ชายหนุ่มเองก็คงจะถูกดึงดูด เพียงแต่ชายหนุ่มไม่อาจพ่นใยได้ ดังนั้นจึงไม่คิดจะได้รับผลไม้เหล่านี้ด้วยวิธีปกติ แต่ลงมือปล้นชิงโดยตรง
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปด้านหน้า
“สหาย เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสร้างปัญหา? ผลกรรมหนักหนาเกินไป ข้าเกรงว่าสหายจะไม่อาจทนแบกรับไหว…”
เขามองไปทางชายหนุ่มแล้วเอ่ยออกมา
เขาสวมชุดธรรมดา นอกจากความหล่อเหลาสง่างามแล้วก็ดูไม่มีสิ่งใดแตกต่างออกไป ไม่มีแสงสว่างพร่างพราวใด ๆ
ทว่าหลังจากที่เขาพูด ดวงตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็จับจ้องรวมไปทางเขา เกิดเป็นห้วงความเงียบงันขึ้น
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในที่นี้ย่อมตระหนักได้เป็นอย่างดี การไม่มีสิ่งใดแตกต่างคือความแตกต่างที่สุด ทุกสิ่งที่ดูธรรมดาเช่นนี้ไม่มีผู้ใดสามารถมองทะลุผ่านได้!
ผลกรรมหนักหนาเกินไป?
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
หลี่จิ่วเต้ากำลังจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับตนเองหรือไม่?
สิ่งมีชีวิตหลังฉากต่างจริงจังมากยิ่งขึ้น พวกเขาล้วนต้องการจะรับรู้เป็นอย่างมากว่าหลี่จิ่วเต้ามีภูมิหลังเช่นไร
เพียงแค่หลี่จิ่วเต้าคนเดียวก็แข็งแกร่งเกินพอแล้ว หากมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเขาอีก นั่นจะต้องน่ากลัวยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“โอ้?”
ชายหนุ่มเองก็เริ่มสนใจเช่นกัน ตอนนี้ทั้งร่างของหลี่จิ่วเต้านั้นราวถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับ เขาเองก็ต้องการทราบภูมิหลังและรายละเอียดของอีกฝ่าย
“ผลกรรมหนักหนาจนข้าทนรับไม่ไหว? เช่นนั้นก็บอกมาเสียว่ากรรมนั้นหนักหนาเพียงใด ให้ข้าได้รู้ว่าไม่อาจทนรับได้จริงหรือไม่”
เขาเอ่ยพร้อมมองหลี่จิ่วเต้าด้วยดวงตาลึกล้ำ
ความจริงแล้วตัวเขามีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ ภายในปรโลกแทบไม่มีสิ่งมีชีวิตใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา มีเพียงแค่ผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงในยมโลกเท่านั้นที่รู้ความเป็นมาของเขา
ใช่แล้ว เขาเป็นชายหนุ่มที่เกือบทำให้ยายเมิ่งพังทลายลง เกิดความสงสัยในหน้าที่ตรงสะพานไน่เหอ
“ข้ามีวาสนากับบรรพจารย์ฝู ทั้งยังเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ ผลไม้เหล่านี้ก็ปลูกขึ้นจากดินพิเศษที่แลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝู”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยอ้างถึงบรรพจารย์ฝูออกมา หวังจะใช้บรรพจารย์ฝูเพื่อข่มขวัญชายหนุ่ม
แน่นอน เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่จะข่มขวัญชายหนุ่มเท่านั้น ทว่ายังต้องการข่มขวัญคนทั้งหมด
เขาย่อมรู้ดีว่าคนที่คิดเช่นเดียวกับชายหนุ่มจะต้องมีอยู่จำนวนไม่น้อย เขาจึงจำเป็นต้องข่มขวัญ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
“บรรพจารย์ฝู?!”
รูม่านตาของชายหนุ่มหดลง นี่คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังหลี่จิ่วเต้าอย่างนั้นหรือ?
หลี่จิ่วเต้ากล่าวว่าผลไม้เหล่านี้ปลูกขึ้นจากดินพิเศษที่แลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝู
นี่หมายความว่าบรรพจารย์ฝูคือผู้ที่ได้รับเบื้องลึกอันไม่ธรรมดาของฉากหน้า จากนั้นจึงมอบของบางส่วนให้กับหลี่จิ่วเต้า
ฝีมือและความสามารถที่หลี่จิ่วเต้ามีล้วนมาจากบรรพจารย์ฝู
บรรพจารย์ฝูผู้นี้คือกุญแจสำคัญ!
“บรรพจารย์ฝู! เยี่ยม!”
ในความมืดห่างออกไป ยอดปีศาจสะท้านโลกันตร์ในชุดขาวท่องชื่อบรรพจารย์ฝูจดจำเอาไว้ในใจ
หลังจากนี้นางต้องตรงไปตามหาบรรพจารย์ฝู!
“มีคนอยู่เบื้องหลังจริง ๆ หรือ? บรรพจารย์ฝู? ข้าจำไว้แล้ว!”
ยอดมารสะท้านโลกันตร์แย้มยิ้มแปลกประหลาด เขาเองก็จดจำชื่อบรรพจารย์ฝูเอาไว้
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลี่จิ่วเต้าไร้ความกลัวเกรง ทั้งยังกล้าปรากฏตัวอย่างโดดเด่น คาดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเบื้องหลังของเขาต้องมีที่พึ่งพิงและสนับสนุน ดูจากตอนนี้แล้ว คงเป็นเช่นนั้นจริง!”
หวังจื้อ ศิษย์พี่ของว่านเซวียนเองก็จดชื่อบรรพจารย์ฝูเอาไว้เช่นเดียวกัน
หลังจากนี้บรรพจารย์ฝูจะกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของพวกเขา!
ยอดฝีมือหลังฉากคนอื่น ๆ ต่างพากันจดชื่อบรรพจารย์ฝูเอาไว้ พวกเขาย่อมไม่ปล่อยบรรพจารย์ฝูไป หลังจากนี้จะเริ่มเตรียมแผนการต่าง ๆ สำหรับบรรพจารย์ฝู
‘คุณชายต้องการใช้บรรพจารย์ฝูเป็นเหยื่อล่อปลาอย่างนั้นหรือ?’
อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าวขึ้นมาในใจ
เขาย่อมรู้ดีว่าบรรพจารย์ฝูคือผู้ใด คนผู้นั้นไม่ได้แข็งแกร่งอันใด เป็นเพียงแค่คนตัวจ้อย แต่กลับกล้าไม่ประมาณตนพยายามหลอกลวงคุณชายอยู่หลายครั้ง
ตอนนี้คุณชายเอ่ยชื่อบรรพจารย์ฝูออกมา ทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากเบนความสนใจไปทางบรรพจารย์ฝู ดูเหมือนว่าคุณชายจะต้องการใช้บรรพจารย์ฝูเป็นเหยื่อล่อปลา
“ใช่แล้ว เจ้าสามารถส่งข่าวนี้ไปยังปริภูมิเวลาได้”
เขาเอ่ยกับแมงมุมปริภูมิเวลาที่อยู่ด้านข้าง
คุณชายกล่าวถึงบรรพจารย์ฝูต่อหน้าผู้คน เห็นได้ชัดว่ากำลังหย่อนเบ็ดล่อปลา หรือไม่ก็มีแผนการอื่น ๆ เขาคิดว่าตนเองสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์แจ้งให้ฝั่งปริภูมิเวลารับรู้ถึงข้อมูลนี้ด้วย
“ได้”
แมงมุมปริภูมิเวลาตอบกลับอย่างรวดเร็ว
…
แดนฮวง
บนเกาะขนาดไม่ใหญ่แห่งนี้
บรรพจารย์ฝูหวนกลับสู่ความสงบกำลังตกปลาอย่างเอ้อระเหยลอยชาย
เดิมทีเขาคิดว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับตนเอง เพราะจามออกมาไม่หยุดไปชั่วขณะหนึ่ง ราวกับมีผู้คิดถึงอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่บางอย่าง
ทว่าหลังจากนั้นผ่านมานานก็ยังไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เขาจึงหยุดคิด บอกตนเองว่าคิดมากเกินไป
คนตัวจ้อยอย่างเขาจะสามารถสร้างเรื่องใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร!
“ข้าไม่สนว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นด้านนอก ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สน!”
บรรพจารย์ฝูเอ่ยอย่างสบายใจ “ความเป็นอยู่ตอนนี้ข้าดีที่สุดแล้ว หนึ่งคนหนึ่งเกาะ ตกปลาอย่างสบายใจ เรื่องราวภายนอกอย่าได้มาหาข้า!”
เขาหยิบถ้วยชาข้างกายขึ้นมาจิบอย่างดื่มด่ำ
ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่ามีเรื่องใหญ่ตกใส่หัวของเขาแล้ว!
[1] ถอนฟืนจากใต้กระทะ (釜底抽薪) หมายถึง แก้ไขปัญหาโดยการตัดกำลังอีกฝ่าย
[2] มารซิน (辛魔) คำว่า 辛 พ้องเสียงกับคำว่า 心 ที่แปลว่าหัวใจ