ฉู่จงเทียนสังเกตสีหน้า เห็นว่าสีหน้าของหลี่โม่ไม่ดีนัก ดังนั้นจึงตบโต๊ะอย่างแรงทีหนึ่ง “ไอ้พวกสาระเลวพวกนี้ วันๆเอาแต่เกียจคร้าน ทำอะไรดีๆไม่ได้สักอย่าง ส่วนเรื่องเลวร้ายละทำหมดทุกอย่าง! คุณหลี่ครับ เรื่องนี้วางใจให้ผมไปจัดการได้เลยครับ ห้ามให้เด็กน้อยเยว่ถูกรังแกฟรีๆ!”
ฉู่จงเทียนกำลังจะเรียกลูกน้องเข้ามาให้ไปจัดการ หลี่โม่โบกมือ ห้ามฉู่จงเทียนไว้
“เหล่าฉู่ฉี่ อย่าใจร้อน ฟังจิ้งอี๋เล่าสถานการณ์ให้หมดก่อนค่อยว่ากัน” หลี่โม่ปลอบใจเยว่จิ้งอี๋ไปสองประโยค สาวน้อยถึงได้เลิกร้องไห้
“พี่หลี่โม่ หลังจากนั้นพวกนั้นเห็นว่าพี่เดินเข้ามากับคุณลุงคนนี้ ก็บอกว่าพี่จะต้องเป็นคนที่เบื้องหลังใหญ่โตแน่นอน จึงอยากจะประจบพี่ แต่ว่าพวกเขาคิดหาวิธีไม่ออก เพื่อนของหนูคนนั้นจึงพูดว่าผู้ชายล้วนชอบหญิงสาว จึงให้หนู…ให้หนูมายั่วพี่ หนูไม่ได้อยากทำ ตอนที่หนูร้องไห้อยู่ข้างนอก ก็อยากจะหนีไปแล้ว แต่ว่าหนูก็กลัวพวกเขาไปหาถึงโรงเรียน หนูไม่ได้อยากจะมายั่วพี่จริงๆนะ ฮือๆๆ….”
ใจของเยว่จิ้งอี๋ร้อนรน กลัวหลี่โม่จะเข้าใจตัวเองผิด และดูถูกตัวเอง แต่ว่ายิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าอธิบายไม่ถูก ยิ่งอธิบายไม่ถูกก็ยิ่งร้อนรน สุดท้ายก็ร้อนรนจนร้องไห้ออกมาอีก
หลี่โม่ฟังจบ เข้าใจในสถานการณ์ทั้งหมด ลูบคางนึกคิดยังไงก็คิดไม่ออก ทำไมคนพวกนี้ถึงได้มองว่าตัวเองเป็นคนที่มีเบื้องหลังใหญ่โตละ
ฉันหลี่โม่คนนี้เป็นคนซื่อตรงสดใส ไม่เหมือนคนที่มีเบื้องหลังเลยสักนิด และเสื้อผ้าของฉัน ก็ยิ่งแย่แตกต่างจากพวกเขาลิบลับเลยนะ
ฉู่จงเทียนเห็นว่าหลี่โม่กำลังนึกคิด มองสีหน้าของหลี่โม่อย่างระแวดระวัง ไตร่ตรองถึงความคิดของหลี่โม่
หี่โม่วางมือลง สายตาที่ดูมีความเศร้าโศกเล็กน้อยมองออกไปนอกหน้าต่าง “เหล่าฉู่ ทำไมพวกเขาถึงคิดว่าฉันมีเบื้องหลังใหญ่โตละ? ท่าทางของฉันดูเหมือนคนที่มีเบื้องหลังงั้นหรอ? ออกจะดูธรรมดาเถอะ”
ฉู่จงเทียนชะงักไป หลังจากที่ชะงักเสร็จฉู่จงเทียนก็รู้สึกสมองเบลอ
หรือว่าเมื่อกี้ท่านนี้ก็กำลังคิดเรื่องนี้? เรื่องแค่นี้ยังต้องคิดจริงจังมากขนาดนี้เชียว?
ถึงแม้ในใจของฉู่จงเทียนจะงุนงง แต่ว่าปากก็ยังพูดอย่างดีว่า “คุณหลี่พูดอะไรกันลงครับ ถึงแม้ว่าคุณจะใส่เสื้อผ้าที่ธรรมดามากที่สุด แต่ก็กลบความสามารถของคุณไม่ได้สักนิด หน้าตาท่าทางของคุณ สะดุดตาเหมือนดั่งพระอาทิตย์ เพียงแค่เสื้อผ้าการแต่งตัวจะปกปิดได้ยังไงกัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอกับคุณหลี่ เหล่าฉู่คนนี้ก็รู้แล้วว่าคุณหลี่เป็นคนที่โดดเด่นในกลุ่มคน อนาคตจะต้องเป็นผู้ชายที่รุ่งโรจน์ในโลกแน่นอนครับ”
ฉู่จงเทียนพูดประจบ แต่หลี่โม่กลับรู้สึกอึดอัด
หลี่โม่เพิ่งเคยได้ยินคำพูดประจบที่ชัดเจนแจ่มแจ้งขนาดนี้ ฟังแล้วทำเอารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
เยว่จิ้งอี๋เองก็หยุดร้องไห้แล้วมองหลี่โม่นิ่งๆ ในใจแอบมองหลี่โม่ตามคำพูดของฉู่จงเทียนและเปรียบเทียบ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าฉู่จงเทียนพูดถูก แสงประกายของหลี่โม่นั้นสะดุดตามาก และยังไม่เพียงแต่สะดุดตา แต่ยิ่งทำให้รู้สึกลุ่มหลงและหลงใหล
“อื้อๆ ลุงฉู่พูดถูก ท่าทางของพี่หลี่โม่นั้นสะดุดตาจริงๆ ดูแล้วเหมือนกับพระอาทิตย์เลย”
หลี่โม่เกาหัวอย่างเคอะเขิน ในใจจินตนาการขึ้นแล้วว่า ด้านหลังหัวของตัวเองมีแสงวงกลมลอยอยู่ ผลลัพธ์นี้ ดูคล้ายเหมือนกับว่าจะเป็นพระมากกว่า หรือว่าตัวเองมีพรหมลิขิตกับพระ?
หลี่โม่คิดไปมั่วทีหนึ่ง แล้วก็ส่ายหัวอย่างแรง ดูแล้วต่อไปต้องพยายามเก็บแสงสว่างในตัวสักหน่อย เป็นคนต้องถ่อมตนถึงจะดี
“จิ้งอี๋ เธอถูกพวกเขารังแกมา แล้วเธอมีความคิดอะไร อยากจะสั่งสอนพวกเขายังไง? แล้วยังมีเพื่อนเธอคนนั้นอีก อยากจะสั่งสอนยังไง?”
“หา? หนู หนูไม่รู้ค่ะ” เยว่จิ้งอี๋หดตัว มีท่าทางตื่นตระหนก “ไม่ก็ลองคุยกับพวกเขา ให้พวกเขาปล่อยหนูไปซะ ต่อไปอย่าหาเรื่องหนูก็พอแล้ว หนูกลัวพวกเขาตามเกาะแกะแก้แค้นหนู”
เยว่จิ้งอี๋พูดความกังวลในใจออกมา
ฉู่จงเทียนหัวเราะสองที พูดอย่างเก่งกล้าว่า “เด็กน้อยเยว่ เธอไม่ต้องกังวลพวกนั้น เพียงคำพูดของเหล่าฉู่คนนี้คำเดียว ในเมืองฮ่านก็จะไม่มีใครกล้าหาเรื่องเธอ ไอ้เด็กพวกนั้นฉันไม่ชอบหน้ามานานแล้ว จะต้องสั่งสอนพวกมันหน่อยถึงจะได้ คุณหลี่ครับ คุณว่าไงครับ?”
ฉู่จงเทียนมองไปทางหลี่โม่ เหมือนกับว่าลูกน้องที่รอคำสั่งจากลูกพี่ใหญ่
หลี่โมม่เคาะโต๊ะเบาๆสองที “งั้นก็พาพวกเขามาก่อนแล้วกัน จะต้องสั่งสอนดีๆสักหน่อยจริงๆ”
“ได้ครับคุณหลี่” ฉู่จงเทียนตอบรับคำหนึ่ง หันหลังเดินออกจากห้องไป แล้วให้ลูกน้องไปจับพวกลูกคนรวยพวกนั้นมา
อาเปียว อาหย่งรับคำสั่ง แล้วพาพวกลูกน้องบุกเข้าไปที่ห้องของพวกลูกคนรวย
เสี่ยวเชียนกำลังคีบอาหารให้พี่เจีย เห็นว่ามีคนบุกเข้ามาสีหน้าก็ไม่ดีในทันที
“พวกแกเป็นใคร ห้องของพี่เจียยังกล้า….”
เสี่ยวเชียนยังพูดไม่จบ พี่เจียก็ฟาดฝ่ามือตบไปที่หน้าของเสี่ยวเชียนทีหนึ่ง “นังบ้าหุบปาก ถึงเวลาที่เธอพูดเมื่อไหร่กัน!”
เสี่ยวเชียนกุมแก้มไว้ มองพี่เจียน้ำตาคลออย่างไม่กล้าเชื่อสายตา
พี่เจียไม่ได้สนใจมองเสี่ยวเชียน แต่กลับลุกขึ้นยืนพร้อมกับพวกลูกคนรวยคนอื่นๆ และมองอาเปียวอย่างเคารพ
“พี่เปียว พี่หย่งครับ ลมอะไรพัดพวกพี่มาละครับ นังบ้าคนนี้ไม่มีความรู้ เมื่อกี้พูดจาไม่ดีต่อทั้งสองท่าน ทั้งสองอย่าได้กล่าวโทษนะครับ ผมเทเหล้าขอโทษพวกพี่ทั้งสอง แล้วก็ลงโทษตัวเองดื่มอีกสามแก้วนะครับ”
การกระทำของพี่เจีย ทำให้เสี่ยวเชียนตกใจ ตอนนี้เสี่ยวเชียนเพิ่งได้รู้ว่าเมื่อกี้ไปมีปัญหากับคนที่ไม่ควรมีปัญหาด้วย
แต่ว่าปกติพี่เจียอวดเก่งขนาดนั้น จะให้พูดก็นอกจากคนที่มีอำนาจมากที่สุด ก็ไม่มีใครเก่งกว่าเขาแล้ว ทำไมสองคนที่เข้ามามั่วๆก็สามารถทำให้พี่เจียตกใจถึงขนาดนี้ได้ เสี่ยวเชียนคิดอย่างสับสน
ส่วนพี่เจียได้ลงโทษตัวเองดื่มเหล้าขาวสามแก้วไปแล้ว
“พี่เปียว พี่หย่งครับ เหล้าสามแก้วผมดื่มหมดแล้ว พี่ใหญ่ทั้งสองท่านมาทานอาหารด้วยกันสักหน่อยเถอะครับ ไม่เจอพวกพี่มานานแล้ว พวกผมต่างก็คิดถึงมากนะครับ”
อาเปียวสีหน้าเย็นชา หัวเราะสองที “คิดถึง? นายอย่าคิดถึงจะดีกว่า ความคิดถึงของนายพวกเรารับไว้ไม่ไหว พวกนายทุกคนตามพวกฉันไปดีกว่า ท่านเทียนอยากเจอพวกนาย”
คำพูดของอาเปียว ทำเอาทั้งห้องเงียบกริบในทันที ในใจของทุกคนต่างก็มีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้น
แค่ดูสีหน้าของอาเปียวและอาหย่ง ก็รู้ได้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่นอน
สีหน้าเย็นชาของอาเปียวและอาหย่ง ทำเอาทุกคนในห้องตกใจ มีพวกลูกคนรวยบางคน ตกใจจนสองขาสั่นแล้วล้มนั่งลงกับเก้าอี้
พี่เจียสองขาสั่น ยื่นมือไปพยุงไว้กับโต๊ะพยายามไม่ใช่ตัวเองแสดงความหวาดกลัวออกมา
“พี่ใหญ่ทั้งสองครับ ท่านเทียนจะอยากเจอพวกผมได้ยังไงกัน พวกผมมันแค่คนต่ำต้อย ไม่มีสิทธิ์พอที่จะเจอกับท่านเทียนด้วยซ้ำ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ?”
“ทำไม นายกำลังสงสัยฉันงั้นหรอ? หรือว่ากำลังพูดว่าฉันทำงานไม่เป็น? ท่านเทียนอยากเจอใคร ฉันจะเข้าใจผิดงั้นหรอ?” น้ำเสียงของอาเปียวแสดงออกถึงความน่ากลัว
มือของพี่เจียที่จับโต๊ะไว้ยิ่งอยู่ยิ่งสั่นแรงขึ้น สุดท้ายก็พยุงตัวไม่ไหว แล้วก็ล้มนั่งลงบนเก้าอี้