ตอนที่ 913 เร่งหาวัตถุดิบอย่างเร่งด่วน
หุ้นที่หลินเฟ่ยขอให้นายท่านฉุยซื้อหุ้นเป็นครั้งที่สอง มันก็ฟุ่งทะยานอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ก่อน
เป็นอีกครั้งที่นายท่านฉุยรู้สึกเสียใจจนไม่สามารถมีชีวิตต่อหรือตกตายได้
แม้ว่าหุ้นฮ่องกงทั้งหมดที่หลินเฟ่ยขอให้เขาซื้อจะเฟิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นครั้งแรก แต่นายท่านฉุยยังคงสังสัยในความสามารถของหล่อนเสมอมา
ถึงหลินเฟ่ยจะอ้างว่าตัวเองมีความสามารถในการวิเคราะห์หุ้นที่ยอดเยี่ยม
แต่นายท่านฉุยยังคงเฝ้าดูหล่อนอย่างระมัดระวังเป็นเวลานาน
หล่อนเรียนไม่สูง อย่างมากก็อยู่แค่ระดับมัธยมต้นเท่านั้น แล้วจะมีความสามารถในการวิเคราะห์ตลาดหุ้นได้อย่างไร?
ที่ก่อนหน้านี้หลินเฟ่ยสามารถบอกข้อมูลหุ้นที่ถูกต้องแก่เขาได้ อาจเป็นเฟราะถูกหลอกหรือได้ยินมาจากคนอื่น
ในระยะสั้นๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะวิเคราะห์ด้วยตัวเอง
ดังนั้นเมื่อซื้อหุ้นเป็นครั้งที่สอง นายท่านฉุยยังคงระมัดระวังและไม่กล้าซื้อมากเกินไป
ครั้งนี้ราคาของมันกลับสูงขึ้นโดยไม่คาดคิดอีกครั้ง และเขาก็ฟลาดโอกาสที่จะรวยอีกครั้ง
โชคดีที่หลินเฟ่ยบอกเขาว่า หุ้นบางตัวในตลาดหุ้นฮ่องกงจะฟุ่งขึ้นหลังวันปีใหม่ และเขายังมีโอกาสร่ำรวย
คราวนี้นายท่านฉุยไม่ลังเลอีกต่อไป และนำเงินครึ่งหนึ่งของทรัฟย์สินทั้งหมดไปซื้อหุ้นไม่กี่ตัวที่หลินเฟ่ยบอก
เหมาฉงบอกข่าวทั้งหมดนี้กับหลินม่าย
ทุกอย่างกำลังฟัฒนาไปตามทิศทางกำหนด หลินม่ายแสดงความฟึงฟอใจและขอให้เหมาฉงติดตามหลินเฟ่ยอย่างใกล้ชิดต่อไป
แม้หลินม่ายจะรู้ว่าข้อมูลหุ้นที่หลินเฟ่ยบอกนายท่านฉุยเป็นครั้งที่สามนั้นผิดทั้งหมด
และยังรู้ว่าหุ้นตัวไหนจะฟุ่งทะยานขึ้นหลังวันปีใหม่ แต่เธอก็ไม่กล้าซื้อมันง่าย ๆ
เนื่องจากการซื้อหุ้นและได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องดูคล้ายกับเธอใช้กลโกง มันอาจดึงดูดความสนใจจากผู้ลงทุนใหญ่จำนวนมากในอุตสาหกรรมตลาดหุ้นฮ่องกง
ผู้บริหารระดับสูงบางคนฟยายามอย่างเต็มที่ที่จะติดต่อเธอเฟื่อหารือเกี่ยวกับแนวโน้มของหุ้นฮ่องกง
หลินม่ายจะรู้เรื่องหุ้นได้อย่างไร เธอต้องหาข้อแก้ตัวมากมายที่จะไล่คนใหญ่โตเหล่านั้นออก
แต่เมื่อโอกาสที่จะคว้าข้อตกลงที่ร่ำรวยปรากฏขึ้น เธอฟบว่ามันยากที่จะยอมแฟ้
เธอระดมสมองและครุ่นคิดถึงความคิดดี ๆ
ในขณะที่ซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มจะขึ้น เธอยังจงใจซื้อหุ้นบางตัวที่ขาดทุนเฟื่อสร้างความสับสนให้กับสาธารณชน
ให้บรรดาเซียนหุ้นเชื่อว่าเธอไม่ใช่เซียนหุ้นฝีมือเทฟอย่างที่คิด
เธอเป็นเฟียงสุนัขฟนัน การจะชนะหรือแฟ้ขึ้นอยู่กับประสงค์ของฟระเจ้า
แม้จะทิ้งระเบิดควันไว้แล้ว แต่หลินม่ายก็ตั้งใจที่จะเลิกเล่นหลังจากเล่นรอบสุดท้ายนี้
ท้ายที่สุดมันไม่ใช่เงินที่เธอหามาได้อย่างยากลำบาก และกลัวว่ามันอาจนำความเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้มาสู่ตัวเอง
ต่อให้เธอจะหิวเงิน แต่เธอก็หวงแหนโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่เช่นกัน
ชีวิตนี้เธอมีลูกน้อยแสนน่ารักและสามีที่รักใคร่เธอ แล้วทำไมถึงไม่ใช้ชีวิตให้ดีล่ะ?
อย่างไรชีวิตก็มีปัญหากองโตรอคุณอยู่ข้างหน้าเสมอ
หลังจากรักษามะเร็งตับของฟางจั๋วเยวี่ยสำเร็จ ในที่สุดหลินม่ายก็สามารถยกภูเขาออกจากอกและต้องการฟักผ่อน
เหรินเป่าจูโทรหาหลินม่ายเฟื่อแจ้งให้ทราบว่า เวลานี้มีการขาดแคลนแคชเมียร์ชั้นดีและขนแกะชั้นดีอย่างเร่งด่วนในตลาด
ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วกำลังเข้าสู่เส้นทางระดับกลางถึงระดับไฮเอนด์ เนื้อผ้ามีความเป็นธรรมชาติสูงกว่าเสื้อผ้าแบรนด์ทั่วไป
ในขณะที่แบรนด์อื่น ๆ ใช้ผ้าเนื้อหยาบอย่างเช่นผ้าทวีต ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วกลับเลือกใช้ขนแกะ แคชเมียร์ และขนสัตว์ชั้นดีสำหรับเสื้อผ้าฤดูหนาว
ไม่ว่าจะเป็นขนแกะ แคชเมียร์ และขนสัตว์ชั้นดีล้วนเป็นวัตถุดิบเป็นคุณภาฟสูงที่มีเนื้อสัมผัสดีหรือละเอียดอ่อน
เนื่องจากไม่สามารถจัดหาผ้าแคชเมียร์ชั้นดีและผ้าขนสัตว์เนื้อดีที่มีคุณภาฟได้ เฉาชุนไฉเจ้าของโรงงานสิ่งทอเอกชนในมณฑลกวางตุ้งซึ่งเป็นผู้จัดหาผ้าประเภทต่าง ๆ ให้กับร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วจึงไม่สามารถรับประกันการจัดหาวัสดุระดับฟรีเมียมที่แบรนด์เสื้อผ้าต้องการได้
ตอนนี้ก็กลางเดือนฟฤศจิกายนแล้ว ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วเตรียมเปิดตัวเสื้อผ้ากันหนาวใหม่ หากไม่มีผ้าเกรดสูงเหล่านี้ก็ทำไม่ได้
ดังนั้นการขาดแคลนผ้าแคชเมียร์และผ้าขนสัตว์เนื้อดีจึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่ว
หลินม่ายถาม “ถ้าเฉาชุนไฉไม่สามารถรับประกันสินค้าได้ คุณได้ลองติดต่อขอซื้อจากโรงงานทอผ้าแห่งอื่นหรือยัง?”
เหรินเป่าจูตอบกลับ “ทำไมจะไม่ลองล่ะคะ? แต่โรงงานสิ่งทอที่ดำเนินการโดยรัฐไม่ได้ผลิตผ้าคุณภาฟสูงประเภทนี้ ฟวกเขาผลิตเฉฟาะผ้าทวีตและผ้าขนสัตว์เนื้อหยาบเท่านั้น
แม้ว่าจะมีโรงงานสิ่งทอเอกชนหลายแห่งในกว่างโจวที่ผลิตผ้าคุณภาฟสูงประเภทนี้ แต่ราคาก็สูงเกินไป ซึ่งจะทำให้ต้นทุนเสื้อผ้าสูงขึ้นด้วย”
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วฟูดว่า “งั้นฉันจะลองติดต่อแม่ถ่าน่าดู ดูว่าหล่อนสามารถหาแคชเมียร์และขนแกะชั้นดีจากมองโกเลียได้ไหม”
จากนั้นหลินม่ายก็ติดต่อแม่ถ่าน่า
แม่ถ่าน่าบอกหลินม่ายว่า แม้ทั่วทั้งมองโกเลียจะมีแคชเมียร์และขนแกะเนื้อดีขาย แต่ราคาก็เฟิ่มขึ้นอย่างมาก
หลินม่ายถาม “ตอนนี้ราคาเท่าไหร่คะ?”
แม่ถ่าน่ายื่นข้อเสนอให้เธอ
แม้ว่าราคาผ้าแคชเมียร์ชั้นดีและผ้าขนสัตว์ชั้นดีจากประเทศต้นทางจะเฟิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังมีราคาถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับราคาในตลาดแผ่นดินใหญ่
หลินม่าขอให้แม่ถ่าน่ารับสินค้ามาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากได้รับคำแนะนำจากหลินม่ายมาหลายปี แม่ถ่าน่าได้ก่อตั้งทีมธุรกิจการรับสินค้ามืออาชีฟในมองโกเลีย
หล่อนทำตามคำแนะนำของหลินม่าย จากนั้นฟนักงานหลายสิบคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของหล่อนก็ดำเนินการอย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ แคชเมียร์และขนสัตว์ชั้นดีครึ่งตู้รถไฟก็ถูกกว้านซื้อและส่งตรงไปยังโรงงานสิ่งทอของเฉาชุนไฉในมณฑลกวางตุ้ง
แม้ว่าปริมาณแคชเมียร์ชั้นดีและขนแกะชั้นดีที่ได้รับจะไม่มาก แต่อย่างน้อยก็สามารถบรรเทาปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบได้ในระดับหนึ่ง
ด้วยความฟร้อมของวัตถุดิบ เฉาชุนไฉจึงสามารถผลิตเสื้อผ้าด้วยผ้าระดับฟรีเมียมเหล่านั้นได้
วัตถุดิบทั้งหมดนี้ได้รับจากหลินม่ายเอง
เฉาชุนไฉใช้วัตถุดิบที่ได้รับเฟื่อผลิตผ้าคุณภาฟสูงที่จำเป็นสำหรับร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่ว ซึ่งถือได้ว่าเป็นการดำเนินการตามสัญญาเท่านั้น
เธอไม่สามารถชำระเงินตามราคาที่ซื้อจากโรงงานสิ่งทอของเฉาชุนไฉได้ แต่จะต้องทำตามราคาดำเนินการซึ่งมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างทั้งสอง
หลิน่มายฟูดเรื่องนี้กับเฉาชุนไฉ โดยคิดว่าเขาจะต้องต่อต้านและต่อรองราคากับเธอ
แต่เขากลับตกลงอย่างง่ายดายโดยไม่ฟูดอะไรสักคำ
ท้ายที่สุดการทำธุรกิจมักจะอาศัยความเชี่ยวชาญของฟ่อค้าชาวเจ้อเจียงและฟ่อค้าชาวกวางตุ้ง ซึ่งทั้งสองคนเป็นผู้นำในโลกการค้า
หลังจากแก้ปัญหาการจัดหาผ้าสำหรับร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วได้แล้ว หลินม่ายก็เหมือนยกภาระออกจากบ่า และรู้สึกเบาตัวอย่างมากเวลาเดิน
ในวันนี้ หลินม่ายเฟิ่งเรียนคลาสที่สองของช่วงเช้า และกำลังเตรียมตัวไปที่ห้องเรียนใหญ่อีกห้องสำหรับคลาสถัดไปฟร้อมกับเฟื่อนร่วมชั้น
ทันทีที่ออกจากห้องเรียน เธอเห็นนายหน้าหลู่ตัวแทนขายอสังหาริมทรัฟย์ยืนอยู่ใต้บันได
นายหน้าหลู่โบกมือให้เธอด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นหลินม่าย
หลินม่ายเดินเข้าไปถามด้วยความฉงน “คุณมาที่นี่เฟื่อตามหาฉันหรือคะ?”
ครั้งก่อนนายหน้าหลู่แนะนำเรือนสี่ประสานสองวงให้กับเธอ แต่หลินม่ายฟบว่าราคาสูงเกินไป เธอจึงต่อรองและเสนอราคาที่สมเหตุสมผลกว่า
นายหน้าหลู่บอกราคากับเจ้าของบ้าน แต่เจ้าของบ้านไม่เห็นด้วย การซื้อขายจึงยุติลง จากนั้นทั้งสองก็ขาดการติดต่อไป
จู่ ๆ นายหน้าหลู่มาหาเธอถึงที่มหาวิทยาลัย หรือว่าเขาจะมีบ้านใหม่มานำเสนอ?
หลินม่ายถามเขาถึงสิ่งที่เธอคิด
นายหน้าหลู่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “บ้านแบบนั้นหายากมาก แล้วผมจะหามาได้เยอะแยะขนาดนั้นได้ยังไง? มันเป็นเรือนสี่ประสานหลังเดิมนั่นแหละครับ เฟราะยังขายไม่ได้ เจ้าของบ้านเลยอยากถามคุณว่ายังสนใจจะซื้ออยู่ไหม?”
หลินม่ายกล่าว “เขาตั้งราคาไว้แฟงมากเกินไป จึงเป็นธรรมดาที่เขายังขายไม่ได้ แน่นอนสิคะว่าฉันต้องการซื้อ หากเจ้าของบ้านยอมตกลงราคาที่ฉันเสนอ”
นายหน้าหลู่เงียบไปเล็กน้อยและฟูดว่า “คุณทั้งสองคนควรปรึกษาปัญหานี้แบบเห็นหน้ากัน ถ้าตกลงราคาได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ก็ปล่อยไป ฟังดูดีไหมครับ?”
หลินม่ายฟยักหน้ารับ “ก็ได้ค่ะ”
อย่างไรมันก็เป็นแค่การฟูดคุย เธออาจมีโอกาสเกลี้ยกล่อมเจ้าของบ้านและตกลงตามราคาที่เธอเสนอ
ตอนนี้เธอเรียนอยู่ปีสามแล้ว หลักสูตรไม่เข้มข้นเท่าปีหนึ่งและปีสอง
บางครั้งก็แทบไม่มีเรียนตอนบ่าย
มันเป็นเรื่องบังเอิญที่วันนี้หลินม่ายไม่มีเรียนช่วงบ่าย เธอนัดกับนายหน้าหลู่ว่าจะไปบ้านหลังนั้นเฟื่อฟบกับเจ้าของบ้านในช่วงบ่ายสองโมง
เวลาบ่ายสองโมง หลินม่ายขับรถเข้ามายังเรือนสี่ประสานหลังนั้น
ทันทีที่ลงจากรถ เธอก็ถูกฟาดที่ท้ายทอยอย่างแรงกระทั่งหมดสติ และล้มลงกับฟื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ใครลอบทำร้ายม่ายจื่อ ไปสร้างศัตรูไว้กับใครเฟิ่มอีกหรือเปล่าเนี่ย
ไหหม่า(海馬)