ตอนที่ 914 หลินม่ายหายตัวไปไร้ร่องรอย
หลังจากเลิกงานในช่วงบ่าย ฟางจั๋วหรานที่กลับมาถึงบ้านแล้วก็ยังไม่พบเจอกับหลินม่าย เขาจึงหันไปถามคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางว่าทำไมหลินม่ายถึงไม่อยู่ที่บ้าน
เพราะตั้งแต่ที่เธอให้กำเนิดเสี่ยวมู่ตง เธอก็ไม่เคยไปเรียนพิเศษในตอนเย็นเลยสักครั้ง
เพราะสุดท้ายแล้วเธอให้ความสำคัญกับบรรยากาศภายในครอบครัวมาก และเธอพยายามอย่างหนักเพื่อจะกลับมารับประทานอาหารกับครอบครัวให้ครบทุกมื้อ
แน่นอนว่าหากเป็นมื้อค่ำ เธอจะไม่ปล่อยให้ใครต้องรอนาน
แต่หากวันใดเธอไม่สามารถกลับมารับประทานอาหารที่บ้านได้ เธอจะบอกกล่าวกับฟางจั๋วหราน หรือคุณปู่คุณย่าฟางไว้ล่วงหน้าเสมอ
วันนี้ฟางจั๋วหรานไม่ได้รับคำบอกกล่าวใดจากหลินม่ายเลย เธอไม่ได้บอกเขาว่าจะไม่กลับมารับประทานมื้อเย็นสักคำ
แต่การที่เขาไม่ทราบ อาจไม่ได้หมายความว่าหลินม่ายไม่ได้ติดต่อมา
บางทีอาจเป็นเพราะหลินม่ายโทรไปที่โรงพยาบาล และเขากำลังผ่าตัดคนไข้อยู่ เป็นเพื่อนร่วมงานรับสายแทนและอาจลืมบอกเขาก็ได้
แต่ในเมื่อเขาไม่ได้รับสายของหลินม่าย ไม่ได้หมายความว่าปู่กับย่าจะไม่ได้รับด้วยเช่นกัน เวลานี้ฟางจั๋วหรานจึงกล่าวถามทั้งสองคน
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางส่ายศีรษะ พวกเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
คุณย่าฟางลอบขุ่นเคืองเล็กน้อย “นี่เพิ่งจะหกโมงเย็น ยังมีเวลาอยู่มาก รอสักหน่อยเถอะ บางทีม่ายจื่ออาจจะกำลังกลับมาก็ได้”
พวกเขารอจนกระทั่งถึงเวลาข่าวภาคค่ำ
ตอนนี้หลินม่ายเรียนอยู่ชั้นปีสาม และการเรียนก็ไม่ได้หนักมากนัก ปกติแล้วจะเลิกเรียนสี่โมงเย็น และเธอจะไม่กลับบ้านเวลานี้แน่นอน
ฟางจั๋วหรานเริ่มไม่สบายใจ
คุณย่าฟางเริ่มคาดเดา “ม่ายจื่อน่าจะมีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยและลืมแจ้งให้เราทราบว่าจะไม่กลับมากินมื้อเย็นด้วยกัน”
การคาดเดานี้นับว่าเป็นไปได้ แต่สุดท้ายแล้วฟางจั๋วหรานก็ไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี
เขาหันมองโต้วโต้วกับเสี่ยวมู่ตงที่วิ่งเข้ามากอดต้นขาเขาไว้คนละข้าง
สองพี่น้องกล่าวครวญว่าหิวข้าว
ฟางจั๋วหรานหันไปพูดกับน้าถู “เสิร์ฟอาหารเถอะครับ”
เวลานี้คุณย่าฟางพูดขึ้นว่า “กินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปชั้นบนลองโทรหาเพื่อนร่วมห้องของหลินม่ายดู เราจะได้รู้ว่าหลินม่ายอยู่ไหน”
คุณปู่ฟางพยักหน้า “อื้ม รีบไปจัดการเถอะ”
หลินม่ายไม่บอกกล่าว และเวลานี้ยังไม่กลับบ้าน ผู้เฒ่าทั้งสองคนในบ้านก็ไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ว่าไม่ได้แสดงท่าทางกังวลมากมาย
ขณะที่ฟางจั๋วหรานกำลังจะขยับ โทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นดังขึ้น
คุณย่าฟางพลันตื่นเต้น “เป็นม่ายจื่อแน่ ๆ”
คุณปู่ฟางอยู่ใกล้กับโทรศัพท์มากที่สุด
เขากำลังจะหยิบโทรศัพท์เพื่อรับสาย แต่คุณย่าฟางตีมือเขาก่อนจะพูดว่า “ฉันรับเอง!”
คุณปู่ฟางถูกตีโดยไม่ตั้งใจแต่ใบหน้ากลับยกยิ้มร่า เขาถอยออกห่างเพื่อให้ภรรยารับโทรศัพท์แทน
คุณย่าฟางนั่งลงแทนที่คุณปู่ฟางก่อนจะรับสายแล้วพูดอย่างรวดเร็ว “ม่ายจื่อ เธออยู่ไหน?”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะมีเสียงผู้หญิงดังขึ้น “คุณย่าฟางหรือเปล่าคะ ฉันเสี่ยวเสิ่น เป็นเลขาของประธานหลินค่ะ”
ฟางจั๋วหรานยืนอยู่ด้านหน้าของคุณปู่ฟาง เวลานี้เห็นแล้วว่าคุณย่าฟางเผยสีหน้าผิดหวังขณะถือสายโทรศัพท์ไว้
คุณย่าฟางเสียใจไม่น้อยแต่ก็ยังกล่าวต่อว่า “เสี่ยวเสิ่น รู้ไหมว่าม่ายจื่ออยู่ที่ไหน?”
“ไม่ทราบค่ะ แต่ฉันได้รับคำสั่งจากประธานหลินว่าให้โทรบอกคุณว่าประธานหลินติดรับประทานมื้อเย็นกับลูกค้าและอาจจะกลับดึก ประธานหลินบอกว่าให้พวกคุณกินมื้อเย็นได้เลยไม่ต้องรอค่ะ แค่ปรุงซุปเห็ดหูหนูขาวใส่เม็ดบัวไว้ให้ก็พอ หล่อนคอแห้งนิดหน่อยน่ะค่ะ”
เวลานี้สีหน้าของคุณย่าฟางกลายเป็นผ่อนคลายลงมาก นางวางสายก่อนจะหันมาพูดคุยกับจั๋วหราน “ม่ายจือสบายดี หล่อนติดรับประทานมื้อเย็นกับลูกค้า เอาล่ะ เรามากินข้าวกันเถอะ”
เห็นว่าคุณย่าฟางกลับมายิ้มแย้มจนลืมบอกเรื่องอาหารของหลินม่าย ฟางจั๋วหรานจึงบอกกล่าวกับป้าถูด้วยตนเอง
โต้วโต้วและเสี่ยวมู่งตงปีนขึ้นโต๊ะอาหารรอแล้ว ทั้งสองพร้อมที่จะขยับตะเกียบในมือ
ฟางจั๋วหรานเดินเข้ามากอดเสี่ยวมู่ตงก่อนจะยกเขานั่งบนตักแล้วป้อนอาหารให้เขา
เสี่ยวมู่ตงเป็นเด็กก็จริงแต่เขาไม่ได้กินเยอะมาก เขาจะกินเพียงของอร่อยเท่านั้น
ดูเหมือนอาหารมื้อค่ำวันนี้จะไม่ค่อยถูกใจเขาเท่าใด เขาไม่ยอมกินและเอาแต่ร้องไห้ออกมา
ฟางจั๋วหรานรีบเช็ดน้ำตาให้เขาก่อนจะถามว่า “เป็นอะไรน่ะ? ตงตง? ลูกร้องไห้ทำไมครับ?”
เสี่ยวมู่ตงยังพูดไม่ได้ เขาเพียงอ้าปากเผยให้เห็นฟันหน้าสีขาวสดใสปรากฏออก ก่อนจะส่งเสียงอ้อแอ้เพื่อบอกกล่าว
โต้วโต้วที่อยู่ด้านข้างแปล “น้องชายบอกว่ามีหินอยู่ในข้าว”
“หินเหรอ? ไหนพ่อดูซิ” ฟางจั๋วหรานพูดก่อนจะหยิบเปลือกไข่นกกระทาออกจากซุปเห็ด “อันนี้เหรอ?”
เสี่ยวมู่ตงเบิกตากว้าง หมายความว่ายืนยันสิ่งนี้ ก่อนจะหยุดร้องไห้ทันที
เวลานี้ฟางจั๋วหรานพยายามป้อนไข่นกกระทาให้เขาอย่างระมัดระวังมากขึ้น
หลังจากเสี่ยวมู่ตงกินไข่นกกระทา เขาก็ร้องไห้อีกครั้ง ดูค่อนข้างน่ารำคาญไม่น้อย
เขาอยากกินก้อนเนื้อในชามของเสี่ยวเหวิน เวลานี้เสี่ยวเหวินไม่ยินดี เขาจึงร้องไห้อีกครั้ง
เขาหันไปหาซุปเต้าหู้ของฟางจั๋วหราน และเพียงแค่ฟางจั๋วหรานตักให้ช้า เขาก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง ซึ่งเขาไม่เคยงอแงอย่างนี้มาก่อน
ฟางจั๋วหรานรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการร้องไห้ที่ไม่มีเหตุผลนี้ และยังกังวลเรื่องของหลินม่ายด้วย
ไม่ใช่ว่าหลินม่ายไม่เคยไปรับประทานมื้อค่ำกับลูกค้า ในฐานะที่เธอเป็นนักธุรกิจ สิ่งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เขาไม่เคยไม่สบายใจเพราะหลินม่ายไปรับประทานมื้อเย็นกับลูกค้ามาก่อน แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลินม่ายถูกลักพักตัวไป? เพราะเหตุนี้เขาเลยรู้สึกว้าวุ่นใจ?
ตอนนี้เขาทำได้เพียงปลอบโยนเสี่ยวมู่ตงในมือ มื้ออาหารค่ำรอบนี้ฟางจั๋วหรานจึงไม่ได้กินอะไรเลย
และถึงแม้จะหิว เขาก็ไม่มีอารมณ์จะกิน เวลานี้จึงยกเสี่ยวมู่ตงให้ป้าถูดูแล
เขาเข้าห้องนอนของตนเองอย่างรวดเร็วก่อนจะโทรหาเสิ่นเสี่ยวผิง
เขาอยากให้หล่อนบอกตำแหน่งของหลินม่ายว่าเธอไปรับประทานอาหารกับลูกค้าที่โรงแรมไหน เขาจะไปรับเธอเอง
แต่เสิ่นเสี่ยวผิงกลับตกตะลึง และบอกว่าหล่อนไม่รู้เรื่องที่คุณหลินมีงานเลี้ยงอาหารค่ำในวันนี้
ฟางจั๋วหรานตื่นตระหนกจนหน้าซีดขาว “ก็เมื่อกี้คุณโทรบอกแม่ผมว่าม่ายจือไปงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอ?”
เสิ่นเสี่ยวผิงตอบกลับเสียงเข้ม “ฉันไม่ได้โทรค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้าน”
ทันใดนั้นฟางจั๋วหรานก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที เขาค้นสมุดเบอร์โทรศัพท์ของหลินหมาย และโทรหาทุกหมายเลขที่อยู่ในนั้น
หลังจากพยายามติดต่ออยู่กว่าครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีใครทราบว่าหลินม่ายอยู่ที่ใด
แต่ว่าเหมียวเหมียวที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของหลินม่ายบอกกล่าวถึงข้อมูลสำคัญกับเขา
เมื่อเช้านี้มีพนักงานขายอ้างว่าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์มาที่มหาวิทยาลัยเพื่อพบเจอกับหลินม่าย
หลินม่ายคุยกับเขาสักพัก และเธอก็ไม่ได้มาเรียนในช่วงบ่าย
ถึงหลินม่ายจะไม่มีคาบเรียนในวันนี้ แต่มหาวิทยาลัยชิงหวาก็มีบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม ถึงจะไม่มีคาบเรียน หลินม่ายก็มักจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด
เพราะหลายครั้งเธอก็ไม่ได้เข้าเรียน แต่ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเช่นกัน
การที่หลินม่ายไม่ได้มาเรียนในช่วงบ่ายไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับเพื่อนร่วมชั้นเท่าใดนัก
ถ้าฟางจั๋วหรานไม่ได้โทรถามเกี่ยวกับเรื่องของหลินม่าย เหมียวเหมียวก็ไม่ได้คิดจะบอกกล่าวกับฟางจั๋วหรานเช่นกัน
เหมียวเหมียวเป็นเพื่อนที่ฟางจั๋วหรานบอกให้จับตาดูหลินม่าย
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหลินม่าย หลินม่ายมักจะไม่บอกเขาและแก้ไขมันอย่างเงียบ ๆ บางครั้งเขาก็ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ
เหมียวเหมียวถามด้วยความประหลาดใจ “แล้วหลินม่ายยังไม่กลับบ้านเหรอคะ?”
ฟางจั๋วหรานตอบเสียงเข้ม “อืม” ก่อนจะถามต่อว่า “แล้วเธอได้ยินที่ม่ายจือคุยกับพนักงานคนไหนไหม? สักหนึ่งหรือสองประโยคก็ยังดี”
เหมียวเหมียวบอกว่า “ได้ยินไม่ค่อยชัดน่ะ เหมือนพนักงานขายต้องการให้หลินม่ายไปดูเรือนสี่ประสานที่หล่อนเคยดูก่อนหน้านี้ และบอกว่าสามารถเสนอราคาได้เลย ฉันได้ยินว่าหลินม่ายบอกจะไปในช่วงบ่าย ส่วนว่าพวกเขานัดกี่โมง ฉันไม่ได้ยินค่ะ”
“แล้วรู้ไหมว่าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไหน?”
เหมียวเหมียวตอบอย่างรู้สึกผิด “ฉันไม่รู้ค่ะ”
แม้แต่เหมียวเหมียวเองก็ไม่รู้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไหนที่กำลังตามหาหลินม่าย
หลังจากที่ฟางจั๋วหรานได้ยินว่าลานบ้าน เขาเดาว่าอาจเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่หลินม่ายแนะนำให้ฟางจั๋วเยวี่ยซื้อเรือนสี่ประสานก็ได้
เขาจำได้ว่าหลินม่ายเคยบอกเอาไว้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั้นชื่อซันไชน์ พร็อพเพอร์ตี้
ฟางจั๋วหรานคุ้ยหาของในลิ้นชักของหลินม่าย และหวังว่าจะได้พบกับนามบัตรของพนักงานขายคนนั้น แต่ว่าหาอย่างไรก็หาไม่พบ
เวลานี้เขาจึงทำได้เพียงมุ่งหน้าไปที่ซันไชน์ พร็อพเพอร์ตี้เท่านั้น
เพื่อไม่ให้คุณปู่กับคุณย่าฟางต้องตื่นตระหนกไปด้วย ฟางจั๋วหรานเลยบอกว่าเขามีผ่าตัดด่วนที่โรงพยาบาล ก่อนจะขับรถจี๊ปออกจากบ้านในทันที
ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว และบริษัทแห่งนี้ก็ปิดเมื่อสองทุ่มที่ผ่านมา
ฟางจั๋วหรานใช้ตู้สาธารณะโทรหาตำรวจทันที
เขาบอกตำรวจว่าภรรยาของเขาหายตัวไป และในที่สุดเขาก็สามารถติดต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่พูดคุยกับเธอได้
แต่วันนี้ตัวแทนคนนั้นหยุดงาน
เขาหวังว่าตำรวจจะสามารถติดต่อบุคคลที่รับผิดชอบในบริษัทแห่งนี้และช่วยค้นหาถึงตำแหน่งของภรรยาได้
ตำรวจที่รับโทรศัพท์กล่าวว่าไม่สามารถแจ้งความได้หากว่ายังหายตัวไปไม่ครบ 48 ชั่วโมง
หลังจากผ่านไป 48 ชั่วโมงแล้วภรรยาของเขายังไม่กลับมา หรือยังหาไม่พบ ตำรวจจึงจะช่วยจัดการอีกครั้ง
ความทรงจำที่หลินม่ายถูกลักพาตัวในฮ่องกงก่อนหน้านี้ยังติดตรึงใจของฟางจั๋วหรานแน่นหนา
เขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลินม่าย และถ้าหากเขาต้องรอนานกว่า 48 ชั่วโมง เขาจะต้องตายแน่ ๆ
หลังจากวางสาย ฟางจั๋วหรานรู้สึกอับจนหนทาง
เขาตรงไปที่ร้านวัสดุก่อสร้างที่ยังไม่ปิด ก่อนจะซื้อค้อนขนาดใหญ่ออกมา แล้วกลับมาที่ประตูของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซันไชน์ พร็อพเพอร์ตี้ ก่อนจะเหวี่ยงค้อนเพื่อทุบประตู
ผู้คนที่เดินผ่านไปมา และร้านค้าที่ยังไม่ได้ปิดรีบเข้ามามุงดูสถานการณ์ ทั้งหมดจับจ้องพฤติกรรมบ้าคลั่งของฟางจั๋วหรานด้วยความตื่นตระหนก เวลานี้มีคนโทรแจ้งตำรวจแล้ว
ไม่นานนัก เสียงไซเรนดังขึ้นจากระยะไกล และยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่หมอออกตามหาม่ายจื่อเองแล้ว ในเมื่อไม่มีใครช่วยพี่ก็ลุยเอง
ไหหม่า(海馬)