บทที่ 889 พื้นที่สีเทา การเดินทางครั้งสุดท้ายของคนผู้นั้น!
ทะเลเพลิงแผดเผาผืนนภา มือขาดไร้วาจาใด พุ่งเข้าโจมตีหลี่จิ่วเต้าอย่างดุดัน สิ่งมีชีวิตเบื้องหลังต่างพากันคาดเดาถึงความเป็นมาของมือขาดข้างนี้ ทว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้
หลี่จิ่วเต้าถือต้นวิเศษสัตตะ มันสามารถชำระสรรพสิ่งและพลังทั้งหมดได้
เขาโบกต้นวิเศษสัตตะ รุ้งมงคลเจ็ดสีระเบิดออกมา ตวัดพันด้วยกฎเกณฑ์อันพิเศษ ทะเลเพลิงที่ลุกโชนแผดเผาอย่างดุเดือดพลันดับลง ถูกชำระด้วยพลังของต้นวิเศษสัตตะ
ทว่าไม่ใช่ทั้งหมดที่ถูกชำระ มีเพียงเปลวเพลิงด้านหน้าเท่านั้นที่ถูกชำระออกไป ด้านหลังยังคงมีอัคคีอันน่าสะพรึงกลัวโหมกระหน่ำ
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วเล็กน้อย มือขาดนับว่ามีฝีมืออยู่ นี่เป็นมือของผู้ใดกัน?
ก่อนหน้านี้เมื่อนำต้นวิเศษสัตตะออกมา ทุกสิ่งล้วนถูกชำระสิ้นไป ทว่าคราวนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเดียวที่ถูกชำระ
เขาพลันตระหนักได้ว่าต่อจากนี้ควรเก็บเนื้อเก็บตัวเสียบ้างแล้ว สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่ออกมานับวันยิ่งรับมือยากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของลั่วสุ่ยจริงจังเป็นพิเศษ
“พลังมืดมิดอย่างนั้นหรือ? แต่…ดูเหมือนจะไม่ใช่ มีความแตกต่างจากพลังมืดมิด”
นางรำพึงกับตนเอง
มีความเป็นไปได้อย่างมากที่มือขาดจะไม่ได้มาจากความมืดมิด แต่มาจากกองกำลังอื่น
นี่คือปลาตัวใหญ่ที่คุณชายหย่อนเบ็ดล่อใช่หรือไม่?
นางคิดถูกแล้วว่าคุณชายกำลังวางแผนการครั้งใหญ่ หมายดึงดูดกองกำลังที่นางไม่รู้จักให้ออกมา
น่าเสียดาย นางยังคงไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถมองทุกสิ่งออก
ทะเลเพลิงลุกโหม หนังศีรษะของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดชาวาบ กระทั่งไป๋ซู่ยังมีเหงื่อเย็นเยียบไหลทั่วร่าง
นางสัมผัสได้ว่ากระทั่งหยดเลือดในร่างกายก็ยังไม่อาจทนไหว หากถูกกลืนเข้าไปในทะเลเพลิง จะต้องถูกเผาจนราพณาสูรอย่างแน่นอน
“นั่นมัน…”
แมงมุมปริภูมิเวลารำพึงออกมาอย่างครุ่นคิด แลคล้ายจะนึกบางสิ่งออก
เพลิงทั้งห้าสิบหกก่อขึ้นเป็นค่ายกล มีศูนย์กลางเป็นวงสีเทา ด้านในประกบด้วยเต๋านับหมื่นพันเกี่ยวพันสลับซับซ้อน
นางรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาอยู่บ้าง
อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของหลี่จิ่วเต้าสงบนิ่งไม่มีความกังวลแต่อย่างใด
สมบัติเหล่านี้อยู่ในมือของเขามานาน เขาสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์นานแล้ว เมื่อครู่เขาเพียงแค่โบกไปอย่างส่ง ๆ ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด
จากนั้นเขาโบกมันอีกครั้ง พลันมีรุ้งเจ็ดสีที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมระเบิดออกมา ทำให้ท้องฟ้าสว่างไสวไปด้วยสีสัน
ครั้งนี้ผลที่ออกมาแตกต่างจากเดิม ทะเลเพลิงบนนภามอดดับลงไปในพริบตา ไม่หลงเหลือไว้แม้แต่สะเก็ดไฟ
ครืน!
ขณะนั้นเองบนมือขาดพลันมีแสงสายฟ้าสว่างวาบ พริบตาเดียวบนฟ้าสูงก็เต็มไปด้วยเสียงอสนีบาต ประหนึ่งม่านน้ำตกอสนีบาตอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งลงมาม้วนกลืนทั้งฟ้าดิน นำพาความรู้สึกสยดสยองมาให้กับสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งร่างสั่นสะท้านราวกับว่าวันโลกาวินาศได้มาเยือนยังพวกเขาแล้ว!
“มาจากกองกำลังใดกัน?! มารดามันเถิด…เขาเป็นสัตว์ประหลาดโดยแท้!”
กระทั่งไป๋ซู่ยังอดสบถขึ้นมาในใจไม่ได้ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก น้ำตกอสนีบาตน่าหวาดกลัวเกินไป!
“สายฟ้า? นี่ไม่ใช่ส่งมาให้ถึงมือข้าหรอกหรือ…”
หลี่จิ่วเต้ายกยิ้ม ในมือเรียกเข็มขนาดเล็กเหมือนเข็มเย็บผ้าออกมา
ชายหนุ่มโบกเข็มในมือ น้ำตกอสนีบาตพลันถูกเขาควบคุมให้เปลี่ยนทิศทางทันที หันกลับไปโจมตีใส่มือขาด
นี่คือเข็มบัญชาอสนี นับเป็นหนึ่งในสิ่งที่แลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝูเช่นเดียวกัน
ตามคำของบรรพจารย์ฝู เหล็กที่สร้างถูกหล่อเลี้ยงด้วยสายฟ้าสวรรค์ สามารถบัญชาสายฟ้าทั้งหมดในโลกหล้าได้
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดทางเขาไท่หัวต่างนิ่งค้าง หลี่จิ่วเต้าช่างน่าตื่นตะลึงอย่างแท้จริง กระทั่งการโจมตีจากมือขาดยังสามารถแย่งชิงการควบคุมได้ น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
เปรี้ยง!
น้ำตกอสนีบาตปะทะเข้ากับมือขาด ฉากที่เห็นชวนผวายิ่ง ทว่าเพียงพริบตาเดียวหมอกสีเทาก็ทะลักออกมา กวาดล้างน้ำตกอสนีบาตทั้งหมดทิ้งจนไม่เหลือสิ่งใด
มือขาดเปล่งแสงสว่างออกมา มีดาบใหญ่ ขวาน และศาสตราอื่น ๆ ทะยานออกไปพุ่งตรงเข้าใส่หลี่จิ่วเต้าอย่างรวดเร็ว!
“ตัด!”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบา กระบี่ฉุนจวินระเบิดแสงออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน ทลายสิ้นทุกสิ่ง
เพียงแค่เขาคิด กระบี่ฉุนจวินก็สนองความต้องการของเขา ฟาดเข้าใส่มือขาดอย่างรวดเร็ว
นั่นมันอันใดกัน?!
กฎเกณฑ์ด้านในวงสีเทาของมือขาดพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งอสรพิษ เข้าพัวพันกับกระบี่ฉุนจวินภายในพริบตา!
ขณะเดียวกันนิ้วทั้งห้าของมือขาดก็เคลื่อนไหว ส่งแสงสีเทาน่าพรั่นพรึงห้าเส้นพุ่งตรงเข้าใส่หลี่จิ่วเต้า!
สิ่งมีชีวิตหลังฉากตกตะลึง พวกเขาเห็นแสงสีเทาห้าเส้นพุ่งทะลวงปริภูมิเวลา กวาดล้างทุกสรรพสิ่ง ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นมา!
กฎเกณฑ์ทั้งหมดพังทลายลงสลายไปสิ้น สิ่งมีชีวิตหลังฉากไม่อาจสัมผัสได้ถึงร่องรอยของมหาเต๋าใดเสียด้วยซ้ำ!
ภายในใจของพวกเขาหนักอึ้ง ไม่อาจสัมผัสได้ถึงร่องรอยของมหาเต๋า สำหรับพวกเขาแล้วนับว่าสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลงอย่างมาก!
หากไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ สถานการณ์จะต้องเลวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย พลังฝีมือของพวกเขาจะลดลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายจะต้องสูญเสียทุกสิ่งกลายเป็นเพียงปุถุชน
สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ มือขาดนี่คือสิ่งใดกันแน่? มีความเป็นมาเช่นไร?!
การโจมตีที่ปล่อยออกมา สามารถทำลายมหาเต๋าจนไม่เหลือร่องรอย ตัดสิ้นเต๋าของพวกเขาได้ทั้งหมด!
เสียงฟุ่บดังขึ้น หลี่จิ่วเต้าโบกต้นวิเศษสัตตะในมือ ปัดเป่าลำแสงสีเทาห้าเส้นที่พุ่งเข้ามาทิ้ง
ขณะเดียวกัน เขาก็โบกต้นวิเศษสัตตะในมืออีกครั้ง ปัดเป่ากฎเกณฑ์ที่พัวพันกระบี่ฉุนจวินเอาไว้ออกไป ทำให้กระบี่ฉุนจวินเปล่งประกายตัดผ่านผืนฟ้าอีกครั้ง
แสงกระบี่พุ่งทะลุนภาเปี่ยมด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร ยามฟาดลงมาตัดทุกสรรพสิ่ง!
หมอกสีเทาหยุดนิ่ง มือขาดกำเข้าหากันกลายเป็นหมัดพุ่งขึ้นไปด้านบน ทำลายแสงกระบี่อย่างไม่สะทกสะท้าน ปะทะเข้ากับกระบี่ฉุนจวิน!
มันถึงกับสามารถทำให้กระบี่ฉุนจวินกระเด็นถอยได้!
ทว่ามันก็ไม่ได้ไร้ผลกระทบ ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล นิ้วทั้งห้าของมันเกือบถูกตัด กระดูกด้านในหักหมด เหลือเพียงแค่ผิวหนังที่เชื่อมเอาไว้ด้วยกัน
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“เขามีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?!”
สิ่งมีชีวิตหลังฉากมองไปทางหลี่จิ่วเต้าด้วยความตกตะลึงพูดไม่ออก
เหล่ายอดฝีมือที่มุ่งเป้าไปยังหลี่จิ่วเต้า ยามนี้ภายในใจเต็มไปด้วยรสชาติย่ำแย่ยิ่ง
พวกเขาดูแคลนสบประมาทอีกฝ่าย ทั้งยังคิดวางแผนลงมือกับอีกฝ่าย ช่างไม่ประเมินตนและโง่งมอย่างยิ่ง!
พลังที่มือขาดสำแดงออกมาน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่หนึ่งในหมื่นพวกเขาก็ยังไม่อาจเทียบได้ ทว่าผลกลับเป็นเช่นไร? หลี่จิ่วเต้าเกือบจะตัดนิ้วทั้งห้าออกได้!
แม้กระบี่ฉุนจวินเองก็ถูกตีจนถอยรน
ทว่าก็เพียงแค่กระเด็นออกไปเท่านั้น ประกายแสงยังคงไม่หม่นลงแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ
ช่องว่างความแตกต่างปรากฏให้เห็นได้ในทันที!
ฟิ้ว!
ยามนั้นเองกระบี่ฉุนจวินก็พุ่งเข้าไปอีกครั้ง แสงกระบี่สว่างเจิดจ้า ทำให้คนแทบไม่อาจจ้องมองได้โดยตรง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดหลับตาลงทันที ไม่กล้าจ้องมองแต่อย่างใด แสงที่กระบี่ฉุนจวินเปล่งออกมาแทบทำให้พวกเขาตาบอด!
หมอกสีเทาทะลักออกมาจากมือขาด นิ้วทั้งห้าผสานกันอย่างรวดเร็ว สร้างเป็นตราประทับบางอย่าง จากนั้นก็ส่งออกไป ต้องการใช้เพื่อสกัดกั้นกระบี่ฉุนจวิน
แต่นั่นก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้!
กระบี่ฉุนจวินทำลายล้างสรรพสิ่ง คราวนี้ถูกทำลายกลายเป็นจุณ ไม่หลงเหลือสิ่งใดไว้ กระทั่งหมอกสีเทาก็ยังถูกสลาย
“จบ...จบแล้วหรือ?”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นเทา
แม้มือขาดจะถูกทำลายสิ้น แต่ค่ายกลที่ก่อจากห้าสิบหกเพลิงยังคงอยู่ กฎเกณฑ์นับหมื่นพันยังคงไหลเวียนอยู่ในบริเวณใจกลางสีเทา สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเรื่องราวยังไม่จบลง
ผลออกมาเช่นนั้นจริง เพียงพริบตาต่อมา ก็มีเรื่องน่าตื่นตะลึงปรากฏขึ้นทางด้านห้าสิบหกเพลิงอีกครั้ง
หมอกสีเทาจำนวนมหาศาลไหลทะลักออกมาจากวงกลมสีเทา ปลดปล่อยลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ทำให้ผืนฟ้ากลายเป็นสีเทา
ภายในหมอกสีเทา สถานที่แห่งหนึ่งปรากฏออกมา ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยความวิเวกวังเวง แผ่บรรยากาศเศร้าหมองโดดเดี่ยวออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
สถานที่แห่งนั้นนภาเป็นสีเทา ผืนดินเป็นสีเทา ขุนเขาเป็นสีเทา ธารน้ำเองก็เป็นสีเทา ทำให้คนมองเกิดความหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
“นั่นคือพื้นที่สีเทา! แดนธุลี!”
แมงมุมปริภูมิเวลาเงยหน้าขึ้น หลังจากเห็นสถานที่แห่งนั้นแล้ว ในที่สุดนางก็สามารถนึกขึ้นมาได้
นางเคยได้ยินเบื้องบนของปริภูมิเวลากล่าวถึงสถานที่แห่งนั้น แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดอันใดนัก
พื้นที่สีเทา แดนธุลี สถานที่แห่งนั้นพิเศษเป็นอย่างมาก สิ่งใดอยู่ภายใน ล้วนไม่มีผู้ใดล่วงรู้
เล่ากันว่าผู้บุกเบิกที่พวกเขาตามหา การเดินทางสุดท้ายเคยเข้าไปในแดนธุลี
นี่เป็นความลับที่รู้กันเพียงน้อยนิด ปริภูมิเวลาพยายามสำรวจอย่างยาวนาน แต่ก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าแดนธุลีมีอยู่จริงหรือไม่
เนื่องจากหลังปริภูมิเวลาเสาะหามานานก็ยังไม่เคยพบสถานที่แห่งนี้
“ปรากฏว่าแดนธุลีมีอยู่จริง!”
หัวใจของแมงมุมปริภูมิเวลาเต้นแรง ทำให้เป็นดินแดนสุดท้ายของการเดินทางของคนผู้นั้น แดนธุลีจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน บุคคลผู้นั้นอาจทิ้งบางสิ่งเอาไว้ในแดนธุลี
แต่ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น แดนธุลีก็จะต้องน่าสะพรึงกลัวมากอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่เป็นจุดสุดท้ายของการเดินทาง
…
ณ เมืองชิงซาน
ริมแม่น้ำสายเล็ก
ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินก็ให้ความสนใจสถานการณ์ของที่แห่งนั้นเช่นกัน
ทันใดนั้นเจ้าก้อนหินก็ส่งเสียงกู่ร้องออกมา จากนั้นก็ทะยานขึ้นจากพื้นราวกับจะมุ่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
“เจ้าจะทำสิ่งใด?!”
ต้นหลิวตกใจ กิ่งหลิวทะยานออกไปอย่างรวดเร็วดึงเจ้าก้อนหินกลับมา
“เอ๊ะ พี่หลิวทำสิ่งใด?!”
ไม่คาดว่าเจ้าก้อนหินจะไม่รู้ตัว จำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่ามันเพิ่งทะยานร่างจะออกไปเมื่อครู่ รู้ตัวอีกทีก็พบว่ามันกำลังถูกกิ่งหลิวพันเอาไว้ เอ่ยถามต้นหลิวด้วยความไม่เข้าใจ
“เจ้าไม่รู้ว่าเมื่อครู่เพิ่งทำสิ่งใดไปหรือ?”
เสียงของต้นหลิวลุ่มลึกขึ้น ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
“ไม่รู้”
เจ้าก้อนหินตอบ มันจำไม่ได้สักนิดจริง ๆ ความทรงจำของมันหยุดอยู่ตอนก่อนที่มันจะทะยานออกไป
“เปิดใช้งานลวดลายที่คุณชายทิ้งไว้บนร่างของเจ้า!”
ต้นหลิวไม่เอ่ยอันใดมาก น้ำเสียงจริงจังยิ่ง
“อืม”
แม้ว่าเจ้าก้อนหินจะไม่รู้ว่าเหตุใดต้นหลิวจึงมีท่าทางเช่นนี้ แต่มันก็ยังคงทำตาม เปิดใช้งานลวดลายที่คุณชายทิ้งเอาไว้บนร่างของมัน
‘แปลกนัก เจ้าก้อนหินมีความเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนั้นหรือ?’
ต้นหลิวกล่าวในใจ นึกถึงสิ่งที่ตาเฒ่าขี้เมาเคยพูด
ตาเฒ่าขี้เมาเคยกล่าวว่าเจ้าก้อนหินเป็นหินชั่วร้ายเลวทรามก้อนหนึ่งในหลังฉาก หรือว่านั่นจะเป็นความจริง? บนร่างเจ้าก้อนหินมีสิ่งใดน่าสะพรึงกลัวและมีความเป็นมาอย่างใดกันแน่?!
ส่วนเรื่องก้อนหินถูกทิ้งเอาไว้ในห้องสุขาที่ตาเฒ่าขี้เมากล่าวถึง มันตัดเรื่องนี้ออกไปโดยตรง ไม่เชื่อแม้แต่น้อย ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างสิ้นเชิง
‘ต่อไปข้าต้องคอยจับตาดูเจ้าก้อนหิน…’
ต้นหลิวเอ่ยในใจ
ยามสถานที่แห่งนั้นปรากฏออกมา เจ้าก้อนหินก็มีท่าทางแปลกประหลาดกะทันหัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับสถานที่แห่งนั้น ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ
ต้นหลิวตัดสินใจจะจับตามองเจ้าก้อนหินตลอด ไม่อาจปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
เจ้าก้อนหินไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ทั้งยังทะยานจากไปโดยไม่รู้ตัว นับว่าไม่ใช่สัญญาณที่ดีอย่างแน่นอน
“ใช้ลวดลายต่อไปอย่าได้หยุด! นอกจากนี้ ตั้งมั่นจิต ปิดผนึกวิญญาณของตนให้ดี!”
มันพูดกับเจ้าก้อนหินด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง