ตอนแรกหลิวหงเจียงไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในประโยคนั้นของเฮ่อเหลียนเวยเวย
เขารู้สึกว่าคำพูดของเธอไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
เขาเดินออกจากห้องสอบปากคำ และตัดสินใจว่าจะใช้วิธีอื่นในการสอบปากคำผู้ต้องหาคนถัดไป ซึ่งก็คือไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั่นเอง
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เปิดประตูห้องสอบปากคำ โทรศัพท์มือถือส่วนตัวของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
คนที่อยู่ปลายสายคือภรรยาของเขา น้ำเสียงของเธอแหบแห้งอย่างมาก “เหล่าหลิว ทำอย่างไรดี เหิงเหิงลูกเราหายตัวไป!“
”หายตัวไปเหรอ เกิดอะไรขึ้น“ หลิวหงเจียงเอียงศีรษะ “คุณลองไปหาเขาที่สวนหรือยัง บางทีเขาอาจจะแค่ออกไปเล่นดินเล่นทรายเฉยๆ ก็ได้”
“ฉันหาทุกที่แล้วแต่ก็ยังไม่เจอเลยค่ะ เพื่อนบ้านทุกคนก็บอกว่าไม่เห็นเขาเหมือนกัน เขาจะหายตัวไปหลังจากที่ฉันตื่นได้อย่างไร”
หลิวหงเจียงรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน และหัวใจของเขาก็หล่นวูบ “ใจเย็นๆ เขาหายตัวไปนานเท่าไหร่แล้ว”
“ฉันไม่แน่ใจว่าเขาหายไปตอนไหน แต่ฉันหาตัวเขามาได้สามชั่วโมงแล้ว ฉันพยายามโทรศัพท์หาคุณแต่ก็โทรไม่ติด คุณหายไปไหนมาทั้งคืน คงเอาแต่ยุ่งอยู่กับงานอีกแล้วล่ะสิ คุณไม่มีแม้กระทั่งเวลาจะมาสนใจลูกตัวเองด้วยซ้ำ!”
หลิวหงเจียงอยู่ที่โรงแรมตลอดทั้งคืน แต่เขาจะกล้าบอกความจริงกับภรรยาของตัวเองเช่นนั้นได้อย่างไร เขายกมือขึ้นขยี้ผมพร้อมกับตอบว่า “เอาล่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือการหาตัวเหิงเหิง ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง คุณลองคิดดูให้ดีสิว่ามีที่ไหนที่คุณยังไม่ได้หาหรือเปล่า“
ถ้าเด็กที่หายตัวไปนานขนาดนี้เป็นเด็กคนอื่น หลิวหงเจียงคงคิดว่าเด็กคนนั้นถูกลักพาตัวไปอย่างแน่นอน
แต่ที่นี่คือเขตอวิ๋นกุย มันเป็นถิ่นของเขา
เหล่าลิ่วทำงานให้เขามาตลอด ใครจะกล้าลักพาตัวลูกชายของเขา
ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย แต่ลูกชายของเขาก็จะต้องอยู่รอดปลอดภัย
แต่ตอนนี้ความเชื่อนั้นกลับเป็นสิ่งที่ตบหน้าเขาเข้าอย่างจัง
ตอนที่เขากำลังจะวางสาย จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นจากปลายสาย “อ๊า!”
“เกิดอะไรขึ้น” หลิวหงเจียงถามอย่างร้อนใจ
เสียงในโทรศัพท์กลายเป็นเสียงสะอื้นแห่งความเจ็บปวด “เหล่าหลิว มี… มีคนลักพาตัวเหิงเหิงไป”
“เป็นไปไม่ได้!” หลิวหงเจียงขึ้นเสียง
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ โจรลักพาตัวส่งจดหมายมา มันเขียนว่าคุณทำบาปกรรมเอาไว้มากเกินไป คุณปล่อยให้มีการลักลอบค้าเด็กเกิดขึ้น และยังพร้อมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พวกเขาลักพาตัวเหิงเหิงไปก็เพราะสาเหตุนั้น พวกเขายังบอกให้คุณคิดถึงสิ่งที่คุณทำกับเด็กที่ยังมีความทรงจำในอดีตอยู่พวกนั้นด้วย พวกเขาจะทำกับเหิงเหิงแบบเดียวกัน” เธอกำภาพลูกชายแน่นพลางพึมพำกับเขาว่า “เหล่าหลิว ฉันไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกับเด็กที่มีความทรงจำเหรอ”
หลิวหงเจียงรู้สึกเสียวสันหลังวาบและหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขารู้ว่าเหล่าลิ่วทำกับ ’สินค้า’ พวกนั้นอย่างไร ยิ่งสินค้าขนย้ายยากเท่าใด มันก็จะยิ่งสร้างความยากลำบากให้กับพวกเขามากเท่านั้น
พวกเขามีวิธีทำให้เด็กๆ เชื่อฟังอยู่วิธีหนึ่ง เด็กที่ยังมีความทรงจำอยู่จะถูกพวกเขาตัดแขนตัดขาก่อนทิ้งให้ไปขอทานบนถนน
หลิวหงเจียงไม่กล้านึกถึงภาพที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะสำหรับเขาแล้ว การจินตนาการถึงภาพนั้นในเวลานี้เป็นเรื่องที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
“เหล่าหลิว คุณพูดอะไรสักอย่างสิ เหล่าหลิว..” ภรรยาของเหลาหลิวแตกตื่นอยู่อีกด้านหนึ่ง เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับเรื่องนี้
คำพูดของหลิวหงเจียงยิ่งยืนยันว่าความกังวลของเธอเป็นเรื่องจริง “ผมจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ แล้วจะติดต่อหาคุณทันทีที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว“
หลังจากวางสายแล้ว หลิวหงเจียงก็ส่งคนของตัวเองออกไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกตัวในละแวกใกล้เคียง หลังจากพยายามอยู่นาน ในที่สุดพวกเขาก็เจอตัวคนที่เอาจดหมายมาส่ง เขาส่งคนไปที่นั่นทันที แต่ก็พบเพียงแค่รถอันว่างเปล่าที่ถูกจอดทิ้งไว้ข้างทาง
เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ได้รับการวางแผนมาอย่างละเอียดรอบคอบอย่างมาก มันแทบไม่มีจุดบกพร่องหรือช่องโหว่เลย ถึงจะมีใครต้องการตามล่าพวกเขา แต่มันก็ไม่มีเบาะแสบอกเลยว่าเขาควรจะเริ่มค้นหาจากที่ไหน
ผ่านไปเกือบห้าชั่วโมงหลังจากการหายตัวไปของหลิวเหิงเหิง ในที่สุดหลิวหงเจียงก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย
ตาของเขากระตุกขณะที่กำมือแน่นเข้าหากัน เขาโกรธจนควันออกหู และถีบประตูห้องสอบปากคำก่อนจะกระทืบเท้าเข้าไป
“คนที่ลักพาตัวเหิงเหิงไปคือแกใช่ไหม” หลิวหงเจียงมองตรงไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับอยากบีบคอเธอให้ตายตรงนั้น “เหิงเหิงอยู่ที่ไหน ฉันขอสั่งให้แกส่งตัวเขามาเดี๋ยวนี้!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ น้ำเสียงของเธอเยือกเย็น ”คุณจะเดือดเนื้อร้อนใจไปทำไม ก็แค่เด็กคนเดียว ทีกับเด็กๆ ที่ถูกขังอยู่ในตู้นอนบนรถไฟขบวนนั้น คุณยังไม่เห็นร้อนใจขนาดนี้เลยนี่นา“
“อย่ามาพูดจาไร้สาระ ฉันจะพูดอีกครั้ง เหิงเหิงของเราอยู่ที่ไหน!” หลิวหงเจียงใกล้จะขาดสติเต็มที
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองตอบเขา “คุณรู้สึกทุกข์ใจหรือ จีนแผ่นดินใหญ่มีเมืองอยู่ 661 เมือง ในจำนวนนั้นมีเมืองใหญ่ระดับจังหวัดอยู่สี่เมือง เมืองระดับอำเภอ 283 เมือง และระดับเขตอีก 374 เมือง พ่อแม่ที่ต้องการตามหาตัวลูกต้องใช้เวลากว่าสองปีในการตระเวนไปยังเมืองต่างๆ ทุกวันถึงจะสามารถค้นหาได้ทั่วประเทศจีน ยังไม่ต้องพูดถึงอีก 1636 ตำบลในเมืองพวกนั้นด้วยซ้ำ มันต้องใช้เวลาถึงเจ็ดปีในการค้นหาสถานที่พวกนี้ กว่าจะถึงตอนนั้น ลูกๆ ของพวกเขาก็คงโตกันหมดแล้ว คนเป็นพ่อแม่ย่อมไม่มีเบาะแสว่าตอนนั้นหน้าตาของลูกตัวเองจะเป็นอย่างไร คนที่โชคดีก็อาจจะมีโอกาสหาเจอ แต่คนที่ไม่มีอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการค้นหานั้น พวกเขาอาจไม่ได้เห็นหน้าลูกของตัวเองอีกเลยด้วยซ้ำ ทั้งหมดเป็นเพราะการลักลอบค้าเด็ก คุณรู้ว่าเหล่าลิ่วทำงานอะไรเลี้ยงตัวเอง แต่คุณกลับปล่อยให้เขาทำอย่างนั้น ตราบใดที่คุณได้ผลประโยชน์และไม่มีใครรู้หรือเปิดโปงเรื่องนี้ คุณก็จะยอมให้มันเกิดขึ้น ทีนี้ฉันขอถามบ้างว่า ถ้าเด็กที่ถูกลักพาตัวไปเป็นลูกของคุณ คุณจะยังทิ้งสำนึกผิดชอบชั่วดีเพื่อเงินทองพวกนั้นอยู่หรือเปล่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของหลิวหงเจียงก็เย็นชาราวกับน้ำแข็ง “มันเป็นแผนการของแกจริงๆ ด้วย! แกต้องการอะไร ต้องการให้ฉันปล่อยแกไปโดยไม่ตั้งข้อหาเหรอ แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนคุมเขตอวิ๋นกุยอยู่ แต่กลับกล้ามาทำตัวเป็นวีรบุรุษถึงที่นี่ ฉันจะบอกอะไรให้แกอย่างหนึ่งก็แล้วกัน ถ้าแกไม่ส่งตัวเหิงเหิงมาให้ฉันภายในวันนี้ แกได้กินลูกตะกั่วแน่!”
“แปลกจัง คุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าไม่ว่าจะมีข่าวลือหนาหูเพียงใด แต่การลักลอบค้ามนุษย์ในจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ได้มีโทษถึงตาย ตอนนี้พอลูกชายของตัวเองตกอยู่ในอันตราย คุณก็กลับคำเสียแล้วเหรอ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วขึ้นพร้อมยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นจึงขยับนิ้วออกคำสั่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์ผ่านทางหูฟังบลูทูธ
หลิวหงเจียงโกรธจัดกับคำพูดของเธอจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วง และตัดสินใจว่าจะลงโทษเธอให้หนัก เพราะอย่างไรเขาก็มีสิทธิ์!
ส่วนเหิงเหิง เขาไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะหาตัวลูกไม่เจอ เขาเป็นคนคุมกฎของเขตอวิ๋นกุยเชียวนะ!
แต่หลิวหงเจียงกลับไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดก้าวร้าวและพฤติกรรมน่ารังเกียจของเขาจะถูกบันทึกลงบนคอมพิวเตอร์ มันเดินทางด้วยความเร็วแสงและลุกลามไปบนอินเตอร์เน็ตราวกับไฟป่า..