บทที่ 891 ดินแดนว่างเปล่า เข้าไปล้วนกลับคืนสู่ความว่างเปล่า!
หนึ่งคนหนึ่งเต่าเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ผ่านจักรวาลหนาวเหน็บอันเต็มไปด้วยดวงดารา
ดวงดาวผ่านไปด้านหลังของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นานก็เข้าใกล้สถานที่พิเศษแห่งหนึ่ง
เต่าชราหยุดนิ่ง ไม่กล้าก้าวต่อไปเบื้องหน้า
“อ้อมไปได้หรือไม่?”
เต่าชราถามซี
ที่แห่งนี้ว่างเปล่า ด้านในไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ กระทั่งยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงการไหลของเวลา เต่าชราเกิดความหวั่นเกรงขึ้นมา หากเข้าไปด้านในแล้ว มันจะกลับคืนสู่ความว่างเปล่าด้วยใช่หรือไม่?!
“อ้อมไม่ได้…”
ซีขมวดคิ้ว นางเองก็ต้องการอ้อมไปเช่นเดียวกัน แต่น่าเสียดาย ที่เส้นทางชี้ไปยังส่วนลึกของดินแดนว่างเปล่า จุดหมายจะต้องอยู่ภายในดินแดนว่างเปล่าแน่นอน
“ไม่ใช่จุดหมาย ที่ข้าเห็นจุดหมายไม่ใช่ฉากของดินแดนว่างเปล่า”
ซีส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ
คราวนั้นก่อนที่เส้นทางจะชี้นำ สถานที่ที่กล่องสี่เหลี่ยมตกลงมาถูกแสดงออกให้เห็น แม้ว่าสถานที่แห่งนั้นจะน่ากลัวเหมือนกัน แต่ก็แตกต่างอย่างชัดเจนจากสถานที่แห่งนี้
นางเดาว่าในดินแดนว่างเปล่าแห่งนี้ อาจมีเส้นทางบางอย่างที่สามารถนำพาไปยังจุดที่กล่องสี่เหลี่ยมตกลงไป
เต่าชราลองส่งพลังของตนเองเข้าไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า
พริบตานั้นเอง สีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบตัดการเชื่อมต่อกับพลังที่ส่งเข้าไปทันที
“น่ากลัวยิ่งนัก!”
มันกล่าวออกมาอย่างหวาดผวา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
นี่คือดินแดนว่างเปล่าอย่างแท้จริง พลังของมันที่ส่งเข้าไปด้านในหวนกลับคืนสู่ความว่างเปล่าภายในพริบตา สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีพลังว่างเปล่าแผ่ไล่มาตามพลังสายนั้น ยังดีที่มันตัดการเชื่อมต่อได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นตัวมันคงจะต้องถูกพลังว่างเปล่าแทรกซึมเข้าร่าง หวนกลับคืนสู่ความว่างเปล่า
สิ่งนี้ทำให้มันผวาจนไม่กล้าลองอีกครั้ง ทั้งยังเต็มไปด้วยความกริ่งเกรงต่อดินแดนว่างเปล่า ไม่กล้าก้าวออกไปเบื้องหน้า
“เป็นเรื่องยุ่งยากอยู่บ้างจริง ๆ…”
คิ้วเรียวของซีขมวดเข้าด้วยความกริ่งเกรงต่อดินแดนว่างเปล่าเช่นกัน
ไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขากำลังเข้าใกล้กับกล่องสี่เหลี่ยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่พลังที่ต้องเผชิญก็ยิ่งน่าสะพรึงกลัวขึ้นเช่นเดียวกัน
‘หากเป็นคนผู้นั้นจะทำได้หรือไม่?’
นางคิดขึ้นมาด้วยความไม่มั่นใจเท่าใดนัก
แม้คนผู้นั้นจะเป็นตัวตนเหนือชั้นไร้ที่เปรียบ แต่ดินแดนว่างเปล่าเบื้องหน้าก็น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง
หากพวกเขาเข้าไปอย่างหุนหันพลันแล่น แล้วพลังของคนผู้นั้นไม่อาจปกป้องพวกเขาเอาไว้ได้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนเป็นเลวร้ายอย่างถึงที่สุด พวกเขาจะตกลงไปในจุดที่ไม่อาจหวนกลับมาได้
“ไปเถิด พวกเราไปที่อื่นดู”
ท้ายที่สุดซีก็ตัดสินใจไม่เข้าไปในดินแดนว่างเปล่า นางต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองเสียก่อน หลังจากนั้นค่อยเข้าไปในดินแดนว่างเปล่า
ระหว่างทางมา พวกเขาพบกับดินแดนแห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนั้นเหนือกว่าเทวโลกอย่างเห็นได้ชัด ด้านในมีกฎเกณฑ์สูงสุดเกินจินตนาการไหลเวียนอยู่
ซีต้องการไปยังสถานที่แห่งนั้นเพื่อฝึกฝนก่อน
นางกับเต่าชราจึงจากไปยังสถานที่แห่งนั้นก่อน
“เข้าไม่ได้…”
เต่าชราขมวดคิ้ว
หลังจากติดตามซีเดินทาง มันก็ตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองมีความรู้ตื้นเขินเพียงใด
สถานที่แห่งนี้ปกคลุมด้วยข้อห้ามบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง ตอนนี้เต่าชราบรรลุถึงขั้นที่สามขอบเขตผู้บงการแล้ว ทว่ามันยังรู้สึกได้ว่าตนเองไม่อาจผ่านข้อห้ามนี้ได้!
มันไม่สงสัยเลย หากตัวมันแตะต้องข้อห้ามเหล่านี้ จะต้องสูญสลายหายไปอย่างสิ้นเชิงแน่นอน ตายลงโดยเปล่า ไม่อาจทำได้กระทั่งต่อต้าน!
“ดินแดนว่างเปล่านั้นช่างมันเสียเถิด กระทั่งสถานที่แห่งนี้ยังน่ากลัวนัก! อ่า เหตุใดจึงยากเย็นเพียงนี้!”
เต่าชราถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
ขอบเขตผู้บงการ ก่อนหน้านี้ในสายตามันคือขอบเขตสูงล้ำ แม้จะไม่ได้ไร้เทียมทานในโลกหล้า แต่ก็ควรสามารถเข้าออกทุกที่ได้ตามต้องการ
ทว่าความจริงกลับบอกมันว่าไม่เป็นเช่นนั้น!
ขอบเขตผู้บงการไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ อย่างน้อยก็ต่อหน้าดินแดนว่างเปล่าและสถานที่แห่งนี้ก็ไม่อาจนับได้ว่าสูงส่งแต่อย่างใด ไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะข้องเกี่ยวเสียด้วยซ้ำ
“เป็นเรื่องยากอย่างแท้จริง ด้วยพลังของข้าและเจ้าในตอนนี้ย่อมไม่อาจทนต่อข้อห้ามนี้ได้”
ซีที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น
ไม่ใช่เพียงแค่เต่าชราที่มีความสามารถไม่มากพอผ่านข้อห้ามนี้ นางเองก็ด้วย พลังขอบเขตนิรันดร์ไม่อาจผ่านได้ จะต้องถูกลบล้างหายไปสิ้นทันที
“เช่นนั้นควรทำอย่างไร?” เต่าชราถาม
ซีแย้มยิ้มงดงามเสียยิ่งกว่าบุปผาสะพรั่ง
นางตอบกลับ “พวกเราไม่อาจต้านทานพลังของข้อห้ามนี้ได้ แต่…หากพวกเราไม่จำเป็นต้องต่อต้านเล่า?”
“หืม?”
ดวงตาราวเมล็ดถั่วของเต่าชราเปล่งประกาย
ฟังจากคำพูด เห็นได้ชัดว่าซีมีวิธีแก้อยู่แล้ว
“หากไม่แตะต้องข้อห้ามก็ได้แล้ว”
ซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะหาหนทางเข้าไปข้างในโดยไม่ต้องแตะต้องข้อห้าม”
นางกล่าวต่อ “อย่าลืมความสามารถในการตระหนักรู้ของข้า วิชาและความสามารถใดเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าแล้ว ข้ามองครั้งเดียวก็ตระหนักรู้ได้ นอกจากนั้นยังมองออกถึงจุดบกพร่อง ข้อห้ามนี้เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เพียงแค่ให้เวลากับข้า ย่อมต้องสามารถวิเคราะห์ข้อห้ามนี้ได้อย่างสมบูรณ์!”
หลังจากนั้นหญิงสาวก็เริ่มลงมือ
ดวงตาของนางเปล่งประกายระหว่างสำรวจดูข้อห้ามของสถานที่แห่งนี้ เป็นดังที่นางคาดเอาไว้ ความสามารถตระหนักรู้ระดับสะท้านฟ้าของนางสามารถใช้ได้ผล
ข้อห้ามอันสลับซับซ้อนของสถานที่แห่งนี้ค่อย ๆ คลี่ตัวออกในสายตาของนาง ทำให้เข้าถึงแก่นแท้ได้อย่างรวดเร็ว ถูกนางเข้าควบคุมได้อย่างง่ายดาย
“ได้แล้ว พวกเราเข้าไปกันเถิด”
ซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางเข้าใจข้อห้ามอย่างถ่องแท้แล้ว สามารถทำให้พวกตนเข้าไปด้านในได้โดยไม่แตะต้องข้อห้ามเหล่านี้
“อันใด? แค่นี้ก็ได้แล้วหรือ? ข้าเพียงกะพริบตาไปสองครั้ง!”
ดวงตาของเต่าชราเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ
ข้อห้ามนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทว่ามันเพียงแค่กะพริบตาสองครั้งซีก็สามารถทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้แล้ว?!
แม้มันจะติดตามอีกฝ่ายมายาวนาน ได้เห็นเรื่องน่าอัศจรรย์จำนวนมากมาแล้ว แต่ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้มันก็ยังคงยากจะเชื่อได้
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
ซีโบกฝ่ามือเนียนราวกับหยกของนาง เต่าชราพลันเห็นว่าข้อห้ามอันน่ากลัวเหล่านั้นหยุดไหลเวียนแล้ว!
“ข้ามองพริบตาเดียวก็สามารถเข้าใจข้อห้ามได้อย่างถ่องแท้ ส่วนอีกพริบตาใช้เพื่อเชี่ยวชาญวิธีการควบคุมค่ายกล” หญิงสาวกล่าว
ข้อห้าม… หากกล่าวตามตรงแล้วก็คือค่ายกลประเภทหนึ่ง ตราบใดที่สามารถเข้าใจแก่นแท้ ย่อมควบคุมได้อย่างไม่ยาก
“!!!”
เต่าชราไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใดออกมา ความเคารพเลื่อมใสที่มีต่อซีเพิ่มขึ้นอีกขั้น!
มันช่างโชคดีเสียจริงที่ตัดสินใจติดตามซีเดินทาง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดในชีวิตของมัน!
“ไป”
ซีเดินไปด้านหน้าพร้อมเต่าชรา
ข้อห้ามทางฝั่งพวกเขาหยุดนิ่งไปอย่างสมบูรณ์ ทั้งสองสามารถเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นสำเร็จโดยไม่ต้องเผชิญกับพลังใด ๆ
หลังจากเข้าไปแล้ว ซีก็โบกมืออีกครั้งเพื่อทำให้ข้อห้ามฟื้นกลับมาดังเดิม
สถานที่แห่งนี้พิเศษอย่างแท้จริง ทันทีที่ซีก้าวเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงสสารระดับสูงจนน่าอัศจรรย์แล่นผ่าน ร่างกายพลันแปรเปลี่ยนเป็นกระปี้กระเปร่า สสารระดับสูงในฟ้าดินหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของนางอย่างบ้าคลั่ง
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ นางก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น จากขั้นแปดขอบเขตนิรันดร์ขึ้นไปยังขั้นที่เก้า
เต่าชราตกตะลึงอีกครั้ง
การรีบร้อนย่อมไม่มั่นคง นี่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนจำนวนมากเชื่อกัน หากพัฒนาเร็วเกินไปรากฐานย่อมไม่มั่นคง กลายเป็นปัญหาใหญ่สืบต่อไปในภายภาคหน้า
แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่กับซี
พัฒนาเร็วเกินไป รากฐานไม่มั่นคง นั่นเป็นเพราะตระหนักรู้เกี่ยวกับขอบเขตยังไม่เพียงพอ ดังนั้นเมื่อผู้ฝึกตนส่วนใหญ่พัฒนารวดเร็วเกินไป จึงเลือกจะกดข่มตัวเองเอาไว้ รอให้ความตระหนักรู้ต่อขอบเขตเพียงพอค่อยพัฒนาขึ้นอีกครั้ง
นี่ย่อมเป็นหนทางการฝึกฝนที่ถูกต้อง
หากขอบเขตยังไม่มั่นคง ความตระหนักรู้ไม่เพียงพอ การเลื่อนไปยังขั้นถัดไปจะต้องทิ้งปัญหาเอาไว้อย่างแน่นอน
ยิ่งเมื่อขอบเขตสูงขึ้นมากเท่าใด ปัญหานี้ย่อมใหญ่ขึ้นเท่านั้น
ปัญหาเหล่านี้แทบไม่อาจแก้ไขได้ในภายหลัง อาจถึงขั้นทำลายหนทางการฝึกฝนเสียด้วยซ้ำ
ทว่าซีนั้นแตกต่างออกไป
เมื่อพัฒนาขึ้น ความตระหนักรู้ในขอบเขตก็เพิ่มขึ้นทุกครั้งเช่นเดียวกัน นางบรรลุเพิ่มหนึ่งขั้นหรือหนึ่งขอบเขต ความตระหนักรู้ของขอบเขตนั้น ๆ ก็จะสมบูรณ์อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
ดังนั้นซีจึงไม่มีปัญหาอันใดตามมาภายหลังกับร่างกายของนาง
“ไปต่อไม่ได้”
ซีไม่ได้ฝึกฝนตน นางหยุดลงเมื่อไม่สามารถดูดซับสสารฟ้าดินระดับสูงมาฝึกฝนได้อีกแล้ว
นางย่อมไม่กังวลปัญหาเรื่องการพัฒนาเร็วเกินไปแต่อย่างใด เพราะรู้สถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี รู้ว่าตนจะไม่มีปัญหาอันใดกับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ทำให้นางหยุด เป็นเพราะนางดูดซับสสารฟ้าดินระดับสูงเข้ามาเร็วเกินไป!
ใช่แล้ว เร็วเกินไป หลังจากดูดซับเข้าร่างกายก็ประหนึ่งเกิดกระแสน้ำวนขึ้น สสารฟ้าดินระดับสูงหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่ง
สถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง จะต้องมียอดฝีจำนวนมากดำรงอยู่
ความเร็วในการดูดซับของนางย่อมต้องดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือเหล่านั้น นำพาเรื่องยุ่งยากมากมายมาให้ตัวนางได้
ดังนั้นนางจึงหยุด
นางต้องการจะทราบข้อมูลสถานที่แห่งนี้ก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยคิดวิธีดูดซับสสารฟ้าดินระดับสูงอย่างรวดเร็วโดยไม่ดึงดูดความสนใจของเหล่ายอดฝีมือ
ทว่าในตอนนั้นเอง มีร่างหนึ่งปรากฏออกจากความว่างเปล่าร่อนลงมาต่อหน้าซีและเต่าชรา
ซีถอนหายใจภายในใจ
นางหยุดแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายังจะดึงดูดปัญหามาอยู่
คาดว่าเพราะนางเพิ่งเข้ามา อีกทั้งสสารฟ้าดินระดับสูงยังหลั่งไหลเข้าร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ดึดดูดความสนใจให้ร่างนี้ปรากฏตัวออกมา
นี่เป็นชายวัยกลางคน สวมใส่เสื้อนักพรต ร่างกายสูงกำยำ แววตานั้นพิเศษยิ่ง
“เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้นที่นี่หรือ?”
ชายวัยกลางคนมองไปทางซีและเต่าชรา เป็นไปตามที่นางคาดเอาไว้ การดูดซับสสารฟ้าดินระดับสูงอย่างรวดเร็วเกินไปดึงดูดความสนใจของชายวัยกลางคน
‘มียอดฝีมืออยู่มากจริง ญาณสัมผัสเฉียบคมนัก ก่อนหน้านี้ข้าหยุดลงอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ยังคงถูกสัมผัสได้’
ซีเอ่ยในใจ
นางปวดหัวเล็กน้อย นางไม่เข้าใจภาษาของดินแดนนี้
แต่แน่นอนว่าเมื่อความแข็งแกร่งมาถึงระดับนางแล้ว ภาษาอันใดก็ไม่ใช่อุปสรรค นางสามารถเข้าใจความหมายที่ชายวัยกลางคนสื่อออกมาได้
เพียงแต่นางไม่สามารถตอบกลับไปได้ เพราะหากพูดออกไป ชายวัยกลางคนจะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าพวกนางไม่ใช่คนของที่นี่
และสิ่งนี้ก็จะนำพาความยุ่งยากมามากยิ่งขึ้น
“ไม่มี พวกเราไม่เห็นเรื่องอันใดเกิดขึ้น”
นางไม่ได้พูด แต่สื่อจิตวิญญาณออกมาเพื่อตอบกลับชายวัยกลางคน
“พวกเรายังมีสิ่งที่ต้องทำ ไม่อาจอยู่สนทนาต่อได้ ขอตัว”
นางสื่อจิตออกไปอีกครั้ง จากนั้นก็ตั้งท่าจะออกไปพร้อมกับเต่าชรา
“เหตุใดแม่นางถึงสื่อสารทางจิตกัน?”
เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนไม่ได้ถูกหลอกง่าย ๆ
“ข้าว่าพวกเรามาสนทนากันก่อนจะดีกว่า”
ชายวัยกลางคนก้าวออกไปเบื้องหน้า ขวางซีและเต่าชราเอาไว้
“ไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น? จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของสสารฝึกฝนอย่างรุนแรงชัดเจน”
เขาจับจ้องไปทางซีด้วยสายตาประหนึ่งเหยี่ยว “เกรงว่าจะมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างปรากฏออกมา อีกทั้งพวกเจ้าทั้งสองยังได้รับมัน…”
สสารฝึกฝนหลั่งไหลอย่างรุนแรง เขารู้สึกว่าต้องมีสมบัติล้ำค่าถือกำเนิดขึ้น